หากเรากำลังมองหาเครื่องเสียงสักเครื่องไว้ใช้ในบ้านก็อาจสะดุดตาอยู่กับอุปกรณ์รูปร่างแปลกตาอย่างซาวด์บาร์เสียงดีที่พบเห็นได้มากมายในปัจจุบัน จนพาลให้สงสัยว่าเจ้าเครื่องเสียงชนิดนี้จะน่าใช้กว่าลำโพงหรือชุดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์หรือไม่ เรทราคาเอื้อมถึงได้หรือเปล่า รวมทั้งจะมี Soundbar ยี่ห้อไหนดีให้เราเลือกใช้ได้บ้าง คราวนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้และซาวด์บาร์ยี่ห้อไหนดีที่น่าสนใจกัน
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
1. TCL Soundbar รุ่น TS7010
ซื้อสินค้าที่นี่
เริ่มกันด้วยซาวด์บาร์เสียงดีจาก TCL Soundbar รุ่น TS7010 ที่ให้เสียงเต็มคุณภาพด้วยระบบ Dolby Audio มาตรฐานเดียวกับโรงภาพยนตร์ ให้คุณได้เพลิดเพลินและดื่มด่ำกับอรรถรสของคุณภาพเสียงที่ได้อย่างเต็มที่ พร้อมเสียงเบสอันทรงพลังจากซับวูฟเฟอร์ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้งช่องต่อทั้งจากสาย HDMI ช่องเสียบ USB และการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ
ด้วยราคาระดับกลางที่ไม่เกินเอื้อมบวกกับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย รองรับการใช้งานกับสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ปรับเปลี่ยนโหมดเสียงตามประเภทเนื้อหาที่รับชมได้อย่างง่ายดายด้วยรีโมท ทำให้ TCL Soundbar รุ่น TS7010 กลายเป็นซาวด์บาร์รุ่นคุ้ม ๆ ที่จัดเต็มด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลายคนชื่นชอบ
- คุณสมบัติ: ระบบเสียง Dolby Audio มาตรฐานโรงภาพยนตร์ให้เสียงทรงพลัง รองรับการใช้งานไร้สาย
- ระบบเสียง: Dolby Surround
- ขนาด: 920 x 64 x 98mm (soundbar) with subwoofer
- จำนวนแชนแนล: 2.1 ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 320W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth
- ราคาเริ่มต้น: ฿4,990
2. Creative Stage Air Soundbar
ซื้อสินค้าที่นี่
สำหรับ Soundbar ยี่ห้อไหนดีตัวนี้ เราจะดูแค่ราคาและขนาดไม่ได้เลยกับ CREATIVE Stage Air Soundbar ที่แม้จะมาด้วยสนนราคาจิ๊บ ๆ ที่ 1,350 บาท และตัวเครื่องขนาดกะทัดรัดยาวเพียง 41 ซม. แต่ตัวซาวด์บาร์เสียงดีตัวนี้ให้เสียงได้กระหึ่มเกินตัว ด้วยชาแนล 2.0 และระบบเสียง clear dialog ให้เสียงใสสมคุณภาพ ทั้งยังเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ USB AUX และเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth เรียกได้ว่าตอบโจทย์และครบครันสุด ๆ
ด้วยขนาดของตัวซาวด์บาร์ที่มาในรูปลักษณ์มินิมอลสุด ๆ ทำให้ซาวด์บาร์เสียงดีตัวนี้เหมาะมาก ๆ กับการตั้งบนโต๊ะทำงานหรือใช้คู่กับคอมพิวเตอร์ ที่จะช่วยให้เหลือพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ด้วยการชาร์จไฟหนึ่งครั้งยังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานแบบเบา ๆ ได้ด้วยสนนราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์แบบสุด ๆ
- คุณสมบัติ: ขนาดกะทัดรัดเหมาะใช้วางคู่คอมพิวเตอร์ ให้เสียงกระหึ่มเกินตัว ใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 6 ชั่วโมง
- ระบบเสียง: Clear Dialog
- ขนาด: 410 x 78 x 70 mm (soundbar)
- จำนวนแชนแนล: 2.0 ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 20W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth 4.2, A2DP
- ราคาเริ่มต้น: ฿1,350
3. Klipsch BAR 40 Soundbar Speaker
ซื้อสินค้าที่นี่
มาถึงซาวด์บาร์จาก Klipsch รุ่น BAR 40 ที่มาพร้อมคุณสมบัติเครื่องเสียงทรงพลัง ด้วยไดรเวอร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวช่วยขับย่านเสียงกลางให้ละเอียดใส รายละเอียดดนตรีคมชัดมาตรฐานเดียวกับโรงภาพยนตร์ แม้จะเป็นตัวลำโพงที่เล่นจากเครื่องก็ให้เสียงคมกริบมีไดนามิกชัดได้ และด้วยกำลังขับเสียงที่สูงถึง 320W ช่วยให้ได้เสียงที่ทรงพลังสุด ๆ
นอกจากนี้ตัวเครื่องยังผลิตจากวัสดุลายไม้สีดำดูหรูหรา มาพร้อมซับวูฟเฟอร์ช่วยดึงพลังเบสให้กระแทกได้ถึงอารมณ์ เหมาะสำหรับการฟังทั้งเพื่อความบันเทิงดูหนังฟังเพลง โดยเฉพาะแนวเพลงยังสนับสนุนในทุกแนว ไม่ว่าจะเป็นคลาสสิค ป๊อบ ร็อก R&B หรือ EDM ก็เรียกว่าตัวเดียเอาอยู่ทั้งหมด และด้วยราคาต่ำหมื่นที่ครบด้วยคุณสมบัติการให้เสียงแบบนี้ก็นับว่าเหมาะสุด ๆ กับการใช้เพื่อความบันเทิงในบ้าน
- คุณสมบัติ: ลำโพงซับวูฟเฟอร์มาพร้อมวัสดุไม้สุดหรู ควบคุมผ่านรีโมทไร้สาย ให้คุณภาพเสียง Dolby Atmos ขนาด 320W เสียงทรงพลังคมชัด
- ระบบเสียง: Dolby Atmos
- ขนาด: 1014 x 73 x 86 mm (soundbar) / 241 x 359 x 241 mm (subwoofer)
- จำนวนแชนแนล: 2.1 ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 320W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth 4.2
- ราคาเริ่มต้น: ฿9,990
4. Samsung Soundbar T400 รุ่น HW-T400/XT
ซื้อสินค้าที่นี่
เป็นซาวด์บาร์จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังจากเกาหลีที่ดีกรีความน่าใช้งานไม่น้อยหน้ากว่าใคร ซึ่งคราวนี้มาพร้อมกับ SAMSUNG Soundbar T400 รุ่น HW-T400/XT ซาวด์บาร์รุ่นเบา ๆ กับแรงขับ 40W แต่ให้กำลังเสียงกระหึ่มทรงพลังไม่แพ้ซาวด์บาร์รุ่นใหญ่ ให้เสียงละเอียดครบทุกเครื่องดนตรี ด้วยมาตรฐานระบบเสียง Dolby Digital 2.0, DTS 2.0 แบบเดียวกับโรงภาพยนตร์ ช่วยรังสรรค์พื้นที่เล็ก ๆ ในบ้านเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตัวเครื่องเป็นชิ้นเดียวแบบมินิมอล ติดตั้งและจัดวางได้ง่าย สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งจาก USB, Optical TOSLINK รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายแบบบลูทูธ ควบคุมได้สะดวกด้วยรีโมทคอนโทรล และสามารถปรับเป็นโหมดเกมที่เชื่อมต่อโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเล่นเกมได้แบบสะดวกสุด ๆ
- คุณสมบัติ: ขนาดกะทัดรัด ราคาน่าคบ สามารถปรับเป็น Game Mode อัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อกับเกมส์ได้
- ระบบเสียง: Dolby Digital 2.0, DTS 2.0
- ขนาด: 641 x 65 x 107 mm (soundbar)
- จำนวนแชนแนล: 2.0 ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 40W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth, NFC Connection
- ราคาเริ่มต้น: ฿2,990
5. Samsung Soundbar T420 รุ่น HW-T420
ซื้อสินค้าที่นี่
หาก SAMSUNG Soundbar T400 นั้นไม่ชุ่มฉ่ำหัวใจพอ ลองดู Samsung Soundbar T420 ซาวด์บาร์ที่ขยับสเป็กขึ้นมาอีกนิด แต่กินขาดด้วยกำลังขับสูงสุด 150W ที่ให้พลังเสียงอย่างทรงพลัง ขับเสียงเบสให้หนักแน่นขึ้นด้วยตู้ซับวูฟเฟอร์ที่แยกมาเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ให้เสียงกระหึ่ม ละเอียดใส คมชัดในทุกย่านเสียงด้วยราคาเบา ๆ ที่ ฿3,090 เท่านั้น
ตัวเครื่องมาพร้อมกับการเชื่อมต่อทั้งจาก USB, Optical TOSLINK รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายจากบลูทูธ ด้วยขนาดซาวด์บาร์กว้างจึงเหมาะกับทีวีขนาด 35 นิ้วขึ้นไป
- คุณสมบัติ: Game Mode ตอบโจทย์สายเกมเมอร์ ควบคุมสะดวกด้วยรีโมทเดียว ฟังก์ชันเสียงอัจฉริยะ ตามกิจกรรมที่ฟัง
- ระบบเสียง: Dolby Digital 2ch / DTS 2.0
- ขนาด: 860.0 x 54.0 x 74.0 mm (soundbar) / 181.5 x 343.0 x 272.0 mm (subwoofer)
- จำนวนแชนแนล: 2.1ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 150W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth
- ราคาเริ่มต้น: ฿3,090
6. LG Sound Bar รุ่น SL5Y
ซื้อสินค้าที่นี่
อีกหนึ่งแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังจากเกาหลีที่มาพร้อมกับ LG Sound Bar รุ่น SL5Y ที่ดีไซน์รูปลักษณ์ออกมาอย่างหรูหรา ตัวซาวด์บาร์บางเฉียบ สูงเพียง 5.7 เซนติเมตรเท่านั้น แต่ครบครันด้วยคุณสมบัติการเล่นเสียงด้วยกำลังขับเคลื่อนเสียงสูงถึง 400W สามารถขับเสียงแบบ Hi-Rise ได้สูงถึง 24bit/96KHz High บวกรวมกับซับวูฟเฟอร์แบบไร้สาย ให้กำลังเสียงเบสได้แบบแน่น ๆ ควบคุมการทำงานได้อย่างง่ายดายด้วยรีโมทคอนโทรล ทั้งยังรองรับการเล่นเพลงจากแอป Music Flow Bluetooth ที่ช่วยให้เล่นและควบคุมเสียงได้ง่ายดาย รองรับทุกการใช้งานจริง ๆ
- คุณสมบัติ: มีการออกแบบที่หรูหรา ให้เสียงแบบ Hi-Res กำลังขับสูง 400W ควบคุมการทำงานได้ด้วยรีโมทและแอป
- ระบบเสียง: DTS Virtual : X
- ขนาด: 890 x 57 x 85 mm (soundbar) / 171.0 x 393.0 x 248.5 mm (subwoofer)
- จำนวนแชนแนล: 2.1 ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 400W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth ไม่ระบุเวอร์ชั่น
- ราคาเริ่มต้น: ฿5,990
7. Xiaomi TV Speaker Soundbar Theater
ซื้อสินค้าที่นี่
มาถึงฝั่งเครื่อใช้ไฟฟ้าฝั่งจีนที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นในประเทศไทย จากคุณภาพที่คุ้มค่าคุ้มราคาพร้อมกับสนนราคาค่าตัวที่เอื้อมถึงได้ Xiaomi TV Speaker Soundbar Theater ก็ไม่ทิ้งคอนเซปต์นั้นด้วยซาวด์บาร์เสียงดีที่มาพร้อมกับกำลังขับเคลื่อนเสียงที่สูงถึง 100W และระบบเสียงแชแนล 2.1 ที่ประกอบด้วยลำโพงหลักและซับวูฟเฟอร์ ให้เสียงใสแต่กระหึ่มด้วยกำลังขับ เน้นเสียงเบสได้แบบแน่น ๆ ทั้งยังเชื่อมต่อได้หลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น Coaxial, AUX, Optical รวมไปถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สายจาก Bluetooth 5.0
- คุณสมบัติ: ให้กำลังขับสูง 100W คุณภาพเกินราคา
- ระบบเสียง: N/A
- ขนาด: 900 x 63 x 102 mm (soundbar) / 240 x 240 x 306 mm (subwoofer)
- จำนวนแชนแนล: 2.1 ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 100W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth 5.0
- ราคาเริ่มต้น: ฿2,970
8. Xiaomi Redmi Bluetooth TV Speaker Soundbar
ซื้อสินค้าที่นี่
อีกหนึ่งซาวด์บาร์จาก Xiaomi Redmi ที่มาด้วยราคาเบา ๆ ต่ำ 1,000 บาท แต่อัดแน่นและครบถ้วนด้วยคุณสมบัติเครื่องเสียงที่จำเป็นและคุณภาพสูง ภายในอัดแน่นด้วยไดรเวอร์ขับเสียงแบบ Full Range ด้วยกำลังขับ 30W และระบบเสียง Clear Dialog ขับเสียงได้กระหึ่ม ครบทุกย่านเสียง สามารถเชื่อมต่อกับช่องทางได้หลากหลาย ทั้ง S/PDIF และ AUX รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ 5.0 สามารถวางได้ทั้งแบบเคาท์เตอร์หรือติดผนัง ด้วยขนาดกะทัดรัด เหมาะกับทุกความบันเทิงในบ้าน
- คุณสมบัติ: มาพร้อมเสียงคุณภาพสูงที่ผ่านการปรับแต่งโดย Acoustic Engineer เพื่อปรุงแต่งเสียงให้มีความชัดเจนและสบายหูมากที่สุด
- ระบบเสียง: Clear Dialog
- ขนาด: 780 x 63 x 64 mm (soundbar)
- จำนวนแชนแนล: N/A
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 30W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth 5.0
- ราคาเริ่มต้น: ฿999
9. AJ SB-103 Soundbar Speaker
ซื้อสินค้าที่นี่
กลับมาที่ซาวด์บาร์เสียงดีที่เป็นแบรนด์ไทยกันบ้างกับ AJ SB-103 Soundbar Speaker ที่มาพร้อมกับดีไซน์หรูหรา เข้ากับการใช้งานอย่างลงตัว ให้เสียงดังกระหึ่มประทับใจทุกการใช้งานด้วยลำโพงซาวด์บาร์กำลังขับ 15W x4 (RMS) พร้อมด้วยซับวูฟเฟอร์ขับเสียงเบสแน่น ๆ เชื่อมต่อได้ทั้งจาก AUX , COAXIAL , OPTICAL รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ ตอบทุกโจทย์การใช้งาน
- คุณสมบัติ: รับสัญญาณวิทยุ FM ให้คุณภาพเสียงดังกระหึ่ม ประทับใจ เต็มอารมณ์ทุกความบันเทิง
- ระบบเสียง: N/A
- ขนาด: 1005 x 128 x 120 mm (soundbar) / 352 x 252 x 390 mm (subwoofer)
- จำนวนแชนแนล: 2.1 ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 15W x4 (RMS)
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth
- ราคาเริ่มต้น: ฿3,990
10. JBL Soundbar 9.1
ซื้อสินค้าที่นี่
มาถึงตัวสุดท้ายกับคุณสมบัติด้านพลังเสียงที่อัดแน่นเต็มรูปแบบกับ JBL Soundbar 9.1 True Wireless Surround with Dolby Atmos® ที่มาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos, DTS:X พลังขับ 820W มาตรฐานสูงเทียบเท่าโรงภาพยนตร์ ด้วยชาแนล 5.4.1 ที่ประกอบด้วย ลำโพงซาวน์บาร์ไร้สายแบบไฮเอนด์ พร้อมซับวูฟเฟอร์ และรีโมทควบคุมได้จากระยะไกล รองรับสัญญาณทั้งจาก 5G Chromecast และ AirPlay2 เรียกได้ว่ามาตรฐานการให้เสียงเทียบเท่าโฮมเธียเตอร์จนเหมือนการยกโรงภาพยนตร์มาไว้ในบ้านได้ด้วยการวางซาวด์บาร์ตัวเล็ก ๆ ตัวนี้ไว้แค่ตัวเดียวเลย
- คุณสมบัติ: ระบบเสียง 3D รอบทิศทาง 5.1.4 ch รองรับการใช้งานแบบไร้สาย
- ระบบเสียง: Dolby Atmos, DTS:X
- ขนาด: 884 x 62 x 120mm (soundbar) / 305 x 440 x 305mm (subwoofer)
- จำนวนแชนแนล: 5.1.4 ch
- กำลังขับเคลื่อนเสียง: 820W
- พอร์ตเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth 4.2, Google Chromecast, Apple Airplay 2
- ราคาเริ่มต้น: ฿29,900
ใช้เครื่องเสียงตัวอื่นได้ไหมทำไมต้อง Sound Bar
เครื่องเสียงในท้องตลาดที่เราพบเห็นได้บ่อยก็คงหนีไม่พ้นลำโพงทั่วไปที่มีข้อจำกัดเรื่องคุณภาพเสียงและชุดเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ที่จำเป็นต้องติดตั้งอย่างดี แต่สำหรับซาวด์บาร์เสียงดี ๆ แล้วเป็นเหมือนสิ่งที่อยู่ตรงกลางของอุปกรณ์ทั้งสอง นั่นคือเป็นอุปกรณ์ที่รวมคุณสมบัติการให้เสียงของลำโพงชนิดต่างๆ เอาไว้ โดยที่คงความเรียบง่ายสไตล์มินิมอลแบบชิ้นเดียวอยู่ไว้ได้ ทำให้สามารถเป็นเครื่องเสียงที่วางไว้ในบ้านได้แบบไม่ดูแปลกแยก ในขณะที่ก็สามารถให้พลังเสียงเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ดูหนังฟังเพลงได้อย่างเต็มที่
ดังนั้นจุดเด่นเลยของตัวซาวด์บาร์ก็คงหนีไม่พ้นคุณสมบัติในการประหยัดพื้นที่และติดตั้งง่าย สามารถวางไว้ใต้จอทีวีได้แบบไม่มีปัญหา ทั้งยังสร้างประสบการณ์บันเทิงได้อย่างเต็มที่ด้วยคุณสมบัติที่สามารถกระจายเสียงได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าครบจบจริง ๆ สำหรับการใช้งานเพื่อความบันเทิงขนาดย่อมในบ้าน
เคล็ดลับเลือก Sound Bar ให้เสียงใส-แต่งบ้านสวย
เพื่อให้ได้ซาวด์บาร์เสียงดีที่ถูกใจ ก่อนที่เราจะเลือกSoundbar ยี่ห้อไหนดีกลับมาที่บ้านก็ควรต้องคำนึงถึงเคล็ดลับดังต่อไปนี้
1. ขนาดที่พอดีกับพื้นที่
จริงอยู่ที่การเลือกซาวด์บาร์ที่มีขนาดกว้างจะช่วยให้การกระจายเสียงเป็นไปได้ดี แต่หากคุณต้องการความสวยงามแล้วการเลือกซาวด์บาร์ให้มีความกว้างพอเหมาะกับหน้าจอโทรทัศน์ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้หากต้องการวางไว้ใต้จอโทรทัศน์ก็ควรคำนวณความสูงของซาวด์บาร์ให้พอเหมาะกับพื้นที่ที่มีอยู่ด้วย
2. ชนิดของซาวด์บาร์ที่เหมาะ
เพราะซาวด์บาร์มีทั้งแบบ All-in-one ที่สามารถถ่ายทอดเสียงออกมาได้แบบ 5.1.2 หรือ 7.1.2 ชาแนล ที่ให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม หรือซาวด์บาร์ที่มาพร้อมกับ Subwoofer หรือ เชื่อมต่อกับลำโพงแบบเซอร์ราวด์แยกมาให้ ซึ่งก็จะให้คุณภาพเสียงที่สมจริงได้มากยิ่งขึ้น แต่ก็จะมีขั้นตอนการติดตั้งเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
3. คุณสมบัติการเชื่อมต่อ
เนื่องจากตัวซาวด์บาร์มีไว้เพื่อปรับปรุงเสียงจากโทรทัศน์ให้มีคุณภาพดีขึ้น แต่ก็ยังจำเป็นต้องรับสัญญาณเสียงจากโทรทัศน์อยู่เหมือนกัน ซึ่งโทรทัศน์บางรุ่นก็ให้เอาท์พุทได้เฉพาะแค่ PCM 2.0 แต่บางรุ่นก็สามารถให้ได้ถึง 5.1 แชนเนล ขณะที่ซาวด์บาร์บางรุ่นมีช่องรับ HDMI ซึ่งเป็นประโยชน์มาก แต่หากโทรทัศน์ของคุณรองรับสัญญาณภาพสูงขนาด 4K UHD เพื่อให้รับคุณภาพเสียงได้อย่างเต็มที่ควรเช็กช่องรับสัญญาณของซาวด์บาร์ให้รองรับ HDMI 2.0a หรือ HDCP 2.2 ขึ้นไป
4. คุณสมบัติของเสียงที่ต้องการ
หากคุณต้องการซาวด์บาร์ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีควรสังเกตรุ่นที่รองรับ Dolby Atmos และ DTS:X ซึ่งสามารถถ่ายทอดเสียงได้สมจริงกว่า และได้รับความนิยมใส่คุณสมบัตินี้ไว้ในซาวด์บาร์รุ่นใหม่ ๆ หลาย ๆ ตัว
5. รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย
หากมองหาซาวด์บาร์สำหรับเชื่อมต่อบลูทูธหรือรองรับการใช้งานแบบไร้สาย ควรหารุ่นที่รองรับบลูทูธ aptX ที่ให้คุณภาพเสียงระดับสูงไม่ทำให้เกิดเสียงที่ผิดเพี้ยนไปได้ ขณะที่รุ่นที่ใช้ระบบ DTS Play-Fi จะเป็นระบบมาตรฐานของซาวด์บาร์ทั่วไป
และเหล่านี้ก็คือบรรดา Soundbar ยี่ห้อไหนดีที่เราแนะนำในคราวนี้ ด้วยคุณภาพเสียงที่คุ้มค่าคุ้มราคาและสนนราคาค่าตัวของแต่ละเครื่องค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณกำลังมองหาซาวด์บาร์เสียงดีสักตัว รีวิวซาวด์บาร์ยี่ห้อไหนดีที่เรานำมาฝากกันในคราวนี้น่าจะพอเป็นตัวเลือกในการซื้อหาได้แบบไม่ยาก นอกจากนี้หากใครอยากซื้อสมาร์ตทีวียี่ห้อไหนดีเราก็มีตัวเลือกมาให้เลือกเช่นกัน