Nissan X-Trail รถเอสยูวีที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นในตลาดที่ตอบโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่ดูทันสมัย ห้องโดยสารกว้างขวาง ความสูงจากพื้นถึงตัวถังที่พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ เครื่องยนต์ที่พละกำลังเหลือใช้ รวมทั้งมีตัวเลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และในยุคสุดท้ายมีเครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด ให้เลือกใช้งานอีกด้วย
แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงในตลาดเอสยูวี กลับทำให้ความนิยมของ Nissan X-Trail ถูกกลบไป และสุดท้ายยุติการทำตลาดในไทย แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้กลายเป็นรถมือสองที่ราคาค่าตัวถูกลงไปจากราคารถใหม่กว่าครึ่งหนึ่ง
สำหรับ Nissan X-Trail รุ่นที่ 1 ถูกแนะนำสู่ตลาดโลกและเปิดตัวปี 2000 รุ่นที่ 2 เปิดตัวปี 2007 และในรุ่นที่ 3 ปี 2013 จึงได้มีการเปิดตัวจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยตัวถังรหัส T32 และยุติการจำหน่ายในไทยปี 2020 แต่ในตลาดต่างประเทศยังคงมีรุ่นใหม่ที่เปิดตัว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนการใช้พลังงานใหม่ให้เป็นเทคโนโลยี e-Power ทั้งหมด ส่วนจะนำโมเดลนี้กลับมาทำตลาดอีกครั้งหรือไม่ยังไม่มีใครรู้ แต่ถ้ากำลังมองหารถเอสยูวีมือสองที่สมรรถนะไม่เป็นรองใคร ในราคาที่จับต้องได้ง่าย ต้องลองพิจารณากันดู
เปรียบเทียบราคา มือสองคุ้มกว่าเห็นๆ
ราคารถปี 2020
ราคามือสอง 2015-2018
รุ่น 2.5S 2WD ราคา 1,350,000 บาท
รุ่น 2.5V 2WD ราคา 1,460,000 บาท
รุ่น 2.5VL 4WD ราคา 1,660,000 บาท
รุ่น 2.0V 4WD Hybrid ราคา 1,537,000 บาท
รุ่น 2.0VL 4WD Hybrid ราคา 1,617,000 บาท
ประมาณ 550,000 – 650,000 บาท
Nissan X-Trail ที่จำหน่ายในไทยเป็นรถเอสยูวีที่ใช้แนวคิดนวัตกรรมการเคลื่อนที่อัจฉริยะ หรือ Nissan Intelligent Mobility มีจุดเด่นที่เทคโนโลยีควบคุมการขับขี่ที่ปลอดภัย, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, ระบบช่วยควบคุมความนุ่มนวลในห้องโดยสาร, ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะเข้าโค้งหรือผ่อนคันเร่ง และยังเป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกในกลุ่มนี้ที่ติดตั้งกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา
พร้อมด้วยติดตั้ง Panoramic Sunroof ใช้ไฟหน้าแบบ LED Projector และไฟ Daytime Running Lights, ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนได้หลากหลายจากโรเตอร์สวิทซ์ภายในห้องโดยสาร นั่นทำให้ X-Trail เป็นรถเอสยูวีที่มีออปชั่นครบเท่าที่จำเป็นต่อการใช้งานจริงๆ
ส่วนในเรื่องของเครื่องยนต์ หากเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร จะให้พละกำลังสูงสุด 171 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 233 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที แต่หากเป็นรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 2.0 ลิตร จะเป็นการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าชนิด Synchronous Electric Motor พละกำลังสูงสุด 179 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที
ซึ่งแน่นอนว่าในรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดจะให้การตอบสนองต่อคันเร่ง การออกตัวที่จัดจ้านกว่า เพราะมีพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเสริม รวมทั้งจะให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อใช้งานในเมืองที่ดีกว่า การขับออกนอกเมือง แต่ถึงอย่างนั้นการใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ไม่จำเป็นต้องแบกน้ำหนักของแบตเตอรี่และการดูแลรักษาง่ายกว่า ที่สำคัญยังมีราคาที่ถูกกว่า
ส่วนพอมาเป็นรถมือสองแล้วจะเลือกแบบไหนดี เรื่องนี้อยู่ที่ความต้องการใช้งานของแต่ละคน เพราะรถรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดค่อนข้างซื้อง่ายขายคล่อง มาอยู่ไม่นานจะถูกจับจองไปอย่างรวดเร็ว และต้องดูว่าต้องการใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 2WD หรือ 4WD เพราะมีราคาที่ต่างกันพอสมควร แต่รถที่เป็นไฮบริดจะมีแต่ระบบขับเคลื่อนแบบ 4WD เท่านั้น ซึ่งราคาจะสูงกว่าเล็กน้อย
จุดเด่น
จุดด้อย
รูปร่างหน้าตาดูทันสมัย ไม่ตกยุค
เทคโนโลยีความปลอดภัยครบถ้วน
พื้นที่ห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย
เบาะนั่งเป็นแบบ 3 แถว รองรับได้ 7 ที่นั่ง
มีตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน และเบนซิน ไฮบริด
ระบบช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวล นั่งสบาย
เก็บเสียงภายในห้องโดยสารได้ดี
พับเบาะได้ราบเรียบ
รุ่นเครื่องยนต์ ขนาด 2.5 ลิตร กินน้ำมันพอประมาณ
เบาะนั่งแถวที่ 3 นั่งไม่สบาย โดยเฉพาะผู้ที่สูงเกิน 150 ซม.
แอร์จากฝั่งผู้โดยสารแถวสองเย็นไม่ถึงแถวที่สาม
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์
Nissan X-Trail ถ้ามองในยุคที่เป็นรถป้ายแดง ถือว่ามีสเปค สมรรถนะ ระบบความปลอดภัย เทคโนโลยีความสะดวกสบาย รวมถึงราคาค่าตัว ที่สู้คู่แข่งได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่ด้วยความนิยมในรถกลุ่มนี้ที่คู่แข่งทำได้เข้าถึงลูกค้ามากกว่า นั่นทำให้ Nissan X-Trail กลายเป็นรองในทันที ซึ่งหากดูกันตามที่ได้ทดสอบกันมาจะพบกว่า X-Trail เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับใช้งานในเมืองที่การจราจรแออัด รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดจะตอบโจทย์ในเรื่องของความประหยัดมากที่สุด แต่หากขับออกนอกเมืองอัตราสิ้นเปลืองจะไม่ได้ประหยัดมาก อยู่ในระดับกลางๆ
แต่ถ้ามองในเรื่องของพื้นที่ห้องโดยสารถือว่าทำได้น่าประทับใจในระดับหนึ่ง เพราะด้วยการมีเบาะนั่งแบบ 3 แถว แม้ว่าแถวที่ 3 อาจจะนั่งไม่สะดวก แต่ยังพอใช้งานได้ และพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระได้อีกด้วย โดยสิ่งที่ทำให้ Nissan X-Trail มีความน่าสนใจนอกเหนือจากเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จัดเต็มมาแล้ว คือเรื่องของการขับขี่ที่เน้นความสะดวกสบาย ช่วงล่างให้ความนุ่มนวล แต่ยึดเกาะถนนได้อย่างดี การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมีความมั่นใจ เสียงลมเข้ามาในห้องโดยสารไม่ดังมาก และด้วยการที่ตัวถังมีขนาดใหญ่ ทำให้เป็นรถที่สามารถปรับใช้งานได้อย่างหลากหลายอีกด้วย
ทีนี้พอมาเป็นรถมือสองที่ระดับราคาอยู่ในช่วง 5-6 แสนบาท ยิ่งทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น อย่างรถปี 2018 อายุ 4 ปี บางคันเพิ่งจะมีเลขไมล์ทะลุ 1 แสนกิโลเมตร ซึ่งถ้าดูประวัติมีการบำรุงรักษาที่ดี ยังใช้งานได้อีกยาว ผ่อนต่อเดือนประมาณ 1 หมื่นบาท เทียบกับรถเอสยูวีใหม่ป้ายแดงราคาทะลุหลักล้าน ดูแล้วมีความคุ้มค่าอยู่ แถมยังมีการรับประกันคุณภาพจาก Cars24 เพิ่มเติม น่าจะทำให้รถรุ่นนี้มีความน่าสนใจ และคุ้มค่ามากขึ้น หากตัดสินใจเลือกเป็นเจ้าของ
เอาเป็นว่าลองคลิ๊กเข้ามาดูกันที่ Cars24 แล้วนัดดูรถคันจริงก่อนตัดสินใจ แต่จะบอกว่า Nissan X-Trail เข้ามาหลายคัน แล้วขายออกไปหลายคัน ตอนนี้เหลืออยู่ไม่มาก หากใครชอบรถสไตล์นี้ต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ