เมื่อเอ่ยถึงคำว่า Cashless Society หลายท่านคงคุ้นหูเป็นอย่างดีใช่มั้ยคะ แต่ในขณะเดียวกันหลายท่านก็ยังสงสัยอยู่ว่า Cashless Society คืออะไร
Cashless Society คือ แนวคิดเกี่ยวกับสังคมเศรษฐกิจที่ไม่นิยมถือเงินสดหรือปราศจากเงินสด เพราะการใช้เงินสดในการทำธุรกรรมทางการเงินมีความยุ่งยากและมีความเสี่ยงมากมาย เช่น เสี่ยงต่อการโจรกรรม และยังไม่สามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมได้อย่างชัดเจนเป็นช่องทางให้เกิดอาชญากรรมทางการเงินและการทุจริตได้ ดังนั้น เพื่อพัฒนาสังคมให้ก้าวไปสู่แนวคิดสังคมเศรษฐกิจที่ดีกว่า Cashless Society จึงถือกำเนิดขึ้น
ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ถือว่าตอบโจทย์สำหรับสังคมแนวคิดนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เรียกว่า “บัตรเครดิต” ดังนั้นเด็กรุ่นใหม่ Generation Y ที่เติบโตมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Cashless Society เมื่อเรียนจบและเริ่มต้นทำงานต่างมีความต้องการใช้บัตรเครดิตแทบทุกคน แต่ด้วยเงินเดือนเฉลี่ยของผู้จบใหม่เริ่มต้นอยู่ที่ 15,000 บาท ทำให้หลายคนมีความกังวลและมีคำถามต่างๆมากมายเกี่ยวกับการสมัครบัตรเครดิต ซึ่งในบทความนี้เราจะมาตอบคำถามเหล่านั้นกันค่ะ
- คำถาม : เงินเดือนเริ่มต้นแค่ 15,000 บาทสามารถสมัครบัตรเครดิตได้หรือไม่
คำตอบ : ได้ค่ะ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ผู้ที่จะสามารถสมัครบัตรเครดิตได้นั้น ต้องมีรายได้จาก แหล่งที่มาต่างๆรวมกันไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท หรือไม่ต่ำกว่า 180,000 บาทต่อปี โดยต้องแสดงหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้
- คำถาม : เอกสารหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้คืออะไร
คำตอบ : สำหรับพนักงานประจำหรือลูกจ้างสามารถยื่นเอกสารเป็นสลิปเงินเดือนและ/หรือ หนังสือรับรองเงินเดือนที่มีตราประทับหรือมีลายเซ็นต์กำกับจากทางบริษัท
- คำถาม : หากมีเงินเดือนแค่ 15,000 บาทจะได้วงเงินในบัตรเครดิตเท่าไหร่
คำตอบ : โดยทั่วไปแล้วบัตรเครดิตจะถูกอนุมัติโดยให้วงเงินในบัตรเป็นจำนวน 1-5 เท่าของรายได้ต่อเดือน ตามเอกสารที่แสดงแหล่งที่มาของรายได้ นั่นหมายความว่าหากมีเงินเดือน 15,000 บาทก็อาจจะได้รับวงเงินอนุมัติที่ 15,000 – 75,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือในเอกสารอื่นๆที่ยื่นประกอบกัน หรือทางธนาคารอาจทำการปรับยอดวงเงินในบัตรเพิ่มให้ทุกปีตามประวัติการใช้งานแต่สูงสุดไม่เกิน 75,000 บาท
อย่างไรก็ตามเนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ในปัจจุบันทางธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศมาตรการในการควบคุมวงเงินในบัตรเครดิตโดยประกาศให้
- ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท จะได้รับวงเงินอนุมัติ ≤5 เท่าของรายได้
- ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 50,000 บาท จะได้รับวงเงินอนุมัติ ≤ 3 เท่าของรายได้
- ผู้ที่มีรายได้มากกว่า 50,000 บาท จะได้รับวงเงินอนุมัติ ≤ 5 เท่าของรายได้
ซึ่งประกาศนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน 2560 ดังนั้นหากผู้สมัครมีรายได้ 15,000 บาทจะได้รับการอนุมัติวงเงิน ≤ 1.5 เท่าของรายได้ หรือประมาณ 15,000 – 22,500 บาทซึ่งจะไม่มีการปรับขึ้นรายปีเกินกว่า 22,500 บาทซึ่งเป็นวงเงินสูงสุด
- คำถาม : หากเงินเดือนขึ้นจะสามารถเปลี่ยนวงเงินในบัตรเครดิตที่ถืออยู่ได้หรือไม่
คำตอบ : ได้ค่ะ หากคุณเลือกทำบัตรเครดิตกับสถาบันการเงินแห่งเดียวกับธนาคารที่ท่านใช้รับเงินเดือน เมื่อบัตรเครดิตอนุมัติ และมีการปรับเงินเดือนขึ้นในแต่ละปี ทางธนาคารจะทำการพิจารณาปรับวงเงินเพิ่มขึ้นให้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาประวัติการเงินตลอดระยะเวลาที่ถือบัตรเครดิตร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามหากคุณสมัครบัตรเครดิตคนละธนาคารกับที่มีบัญชีเงินเดือน คุณก็สามารถส่งเอกสารสลิปเงินเดือนและ / หรือหนังสือรับรองเงินเดือนใหม่ไปให้ธนาคารพิจารณาปรับวงเงินเพิ่มให้ได้
- คำถาม : หากต้องการใช้เงินมากกว่าวงเงินที่มีอยู่ในบัตรต้องทำอย่างไร
คำตอบ : หากเงินเดือน 15,000 บาทและได้รับการอนุมัติวงเงินที่ 20,000 บาทและต้องการขอวงเงินเพิ่มชั่วคราว สามารถทำได้โดยติดต่อไปยังธนาคารโดยตรงโดยทำการขออนุมัติวงเงินเพิ่มชั่วคราว ซึ่งส่วนใหญ่ธนาคารจะอนุมัติไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ อีกทั้งวงเงินที่อนุมัติจะสามารถใช้ได้ชั่วคราวเพียงหนึ่งรอบบิลเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนการขออนุมัติเพิ่มวงเงินชั่วคราวทุกครั้ง ต้องพิจารณาความจำเป็นให้ถี่ถ้วน เพราะการขออนุมัติวงเงินเพิ่มธนาคารจะทำการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดและหากถูกปฏิเสธจากทางธนาคาร ก็จะส่งผลต่อประวัติเครดิตของตัวคุณเองได้ อีกทั้งวงเงินที่อนุมัติหากมีการใช้จ่ายต้องนำเงินมาชำระคืนภายใน 30 วันเพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยและภาระหนี้สินที่จะตามมา
- คำถาม : เลือกบัตรเครดิตอย่างไรสำหรับคนเงินเดือน 15,000 บาท
คำตอบ : เนื่องจากบัตรเครดิตในปัจจุบันมีการแบ่งแยกระดับอย่างชัดเจน เช่น ระดับ Classin , ระดับ platinum หรือระดับ Signature ดังนั้นหากเริ่มต้นสมัครบัตรเครดิตใบแรกด้วยฐานเงินเดือน 15,000 บาทจึงควรเลือกสมัครบัตรเครดิตในระดับ Classic เนื่องจากมีข้อดีดังนี้
- ไม่เสียค่าธรรมเนียม : โดยทั่วไปบัตรเครดิตระดับ Classic จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพราะถือเป็นการจูงใจผู้บริโภค อย่างไรก็ตามบางธนาคารอาจกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องใช้จ่ายผ่านบัตรต่อปี ซึ่งวงเงินที่กำหนดสำหรับบัตรประเภท Classic จะมีจำนวนที่น้อยมากหากเทียบกับเงื่อนไขของบัตร Platinum หรือ Signature
- บัตรอนุมัติง่าย : เนื่องจากบัตรระดับ Classic สร้างมาเพื่อรองรับเงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ดังนั้นธนาคารจะพิจารณาอนุมัติบัตรได้ง่ายกว่าบัตรเครดิตประเภทอื่นๆ
- มีส่วนลดและโปรโมชั่นต่างๆมากมาย : แม้ว่าบัตรเครดิตระดับ Classic จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษในด้านการบริการเหมือนกับบัตร Platinum หรือ บัตร Signature แต่บัตรระดับ Classic กลับมีส่วนร่วมในโปรโมชั่นของแถมและส่วนลดของร้านค้าที่ร่วมรายการมากมาย เพราะบัตรเครดิตประเภทนี้มีสัดส่วนผู้ใช้งานมากที่สุดนั่นเอง
จากคำถามทั้งหมดที่ได้กล่าวไปข้างต้น ทุกท่านคงได้รับคำตอบที่ชัดเจนในการทำบัตรเครดิตใบแรกด้วยเงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 บาทแล้วใช่มั้ยคะ เห็นมั้ยคะว่าแม้ว่าเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับผู้จบใหม่จะไม่มากมายแต่ก็สามารถสมัครบัตรเครดิตได้เช่นกัน แต่อย่าลืมนะคะ หากเราจะก้าวเข้าสู่ยุค Cashless society การมีสติทุกครั้งก่อนรูดบัตรเครดิตเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ก่อประโยชน์สำหรับการเริ่มต้นวัยทำงาน มากกว่าสร้างภาระและเกิดโทษตามมามากมายในภายหลัง