ชื่อเรื่อง: | คุณค่าของพุทธศาสนาในการบริหารราชการ |
ผู้แต่ง: | ทินพันธุ์ นาคะตะ |
ผู้ควบคุมงานวิจัย: | มาลัย หุวะนันทน์, อาจารย์ที่ปรึกษา |
ชื่อปริญญา: | รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต |
ระดับปริญญา: | ปริญญาโท |
สาขาวิชา: | รัฐประศาสนศาสตร์ |
คณะ/หน่วยงาน: | คณะรัฐประศาสนศาสตร์ |
หน่วยงานที่ประสาทปริญญา: | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
วันที่เผยแพร่: | 2509 |
หน่วยงานที่เผยแพร่: | สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
บทคัดย่อ/เนื้อเรื่องย่อ: | วัตถุประสงค์ของวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ คือ.- 1. เป็นการศึกษาหน้าที่และความสัมพันธ์ของศาสนาที่มีต่อสังคมโดยทั่วไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าศาสนาเป็นสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการบริหารอย่างไร 2. เพื่อแสดงว่าพุทธศาสนามีคุณค่าต่อสังคมโดยส่วนรวม มีอิทธิพลอยู่เหนือจิตใจและการประพฤติปฏิบัติของคนไทย 3. เพื่อศึกษาหลักธรรมที่สำคัญ ๆ ที่มีคุณค่าควรแก่การยึดถือเป็นหลักจริยธรรมในการบริหารทั้งในด้านการใช้ศิลปและเทคนิคในการปฏิบัติราชการ 4. เพื่อศึกษาถึงคุณค่าและอิทธิพลของพุทธปรัชญาที่มีต่อจริยธรรม
และพฤติกรรมในการปกครองและการบริหารในทางปฏิบัติที่เป็นอยู่ ทั้งนี้เพื่อนำมาสู่ข้อสรุปที่ว่าพุทธศาสนามีคุณค่าต่อการบริหารของไทยอย่างไรบ้าง. |
รายละเอียดเพิ่มเติม: | วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2509. |
หัวเรื่องมาตรฐาน: | พุทธศาสนา |
ประเภททรัพยากร: | วิทยานิพนธ์ |
ความยาว: | 185 หน้า. |
ชนิดของสื่อ: | Text |
รูปแบบแฟ้มข้อมูล: | application/pdf |
ภาษา: | tha |
สิทธิในการใช้งาน: | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) |
URI: | //repository.nida.ac.th/handle/662723737/1121 |
คำตอบด้านศาสนาของเด็กรุ่นใหม่
8/10/2563 | 26,783 |
ผมได้รับข้อความผ่านเฟซบุ๊ค เป็นการแชร์ภาพแบบฝึกหัดของเด็กนักศึกษาเกี่ยวกับศาสนา โดยระบุคำบรรยายภาพว่า “สังคมเราน่าห่วงถ้าเยาวชนคิดอย่างนี้ การฝึกคิดเป็นเรื่องจำเป็น” สิ่งที่ถูกเขียนดูจะเป็นคำตอบที่มีนอกเหนือจากตำรา
คำถามข้อแรกถามว่า “ศาสนาคืออะไร”
คำตอบ (ของเด็ก) “ศาสนา สำหรับผมมันก็แค่ความเชื่อที่มนุษย์มโนกันไปเองทั้งนั้น”
ข้อต่อมาถามว่า “ประโยชน์ของศาสนา คือ...”
คำตอบ (ของเด็ก) “ทำให้มีความเชื่อที่เหมือนกัน คิดว่าสิ่งที่คุณทำคือสิ่งที่ถูก และอีกประโยชน์ ก็คือมันสร้างสงครามได้”
ข้อที่สามถามว่า “หลักธรรมคำสอนเรื่องใดที่นักศึกษาใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยว และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร”
คำตอบ (ของเด็ก) “ไม่มี...ห้ามฆ่า? สุดท้ายคุณก็กินเนื้อ ห้ามกามา? สุดท้ายก็ต้องทำ ห้ามโกหก? อะไรล่ะคือโกหก ห้ามสุรา? แล้วจะสร้างมาทำไม”
ข้อความที่ผมได้รับ ยังระบุอีกว่า เห็นคำตอบแล้วถึงกับอึ้ง บ้างก็มองว่าหากภาพฝึกหัดดังกล่าว เป็นคำตอบของนักศึกษาจริงๆ มันก็สะท้อนว่าปัจจุบันเด็กสมัยใหม่ห่างไกลจากศาสนามากขึ้นทุกที ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งกลับมองว่าคำสอนที่เด็กได้ระบุลงไปในแบบฝึกหัดมันคือการสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดแบบใหม่ของเด็กในสังคมปัจจุบัน ที่กล้าคิดนอกเหนือจากตำราเรียนและใช้ความคิดของตนแทน
ผมเห็นคำตอบของเด็กแล้วไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยไม่ทราบว่าเป็นเด็กนักศึกษา ระดับไหน มีพื้นฐานทางพระพุทธศาสนาแข็งแรงหรือไม่ สถานศึกษาที่สังกัดเป็นโรงเรียนวัดหรือโรงเรียนเอกชน แต่ถ้าผมเป็นอาจารย์คนที่สอนเด็กคนนี้ ผมคงต้องเอาหัวตัวเองโขกกระดานดำ
ศาสนานั้นมีองค์ประกอบที่สำคัญคือมีศาสดา
ศาสนาของแต่ละศาสนามีประวัติศาสตร์ มีหลักฐานโบราณวัตถุ โบราณสถานที่สามารถยืนยันพิสูจน์ความเชื่อได้ เช่น พระพุทธเจ้า มีลุมพินีเป็นที่ประสูติ และตรงตามตำราที่เรียน ตรงตามคัมภีร์ที่จารึกไว้ ไม่ใช่เรื่องความเชื่อที่มนุษย์มโนกันไปเอง
ที่อันตรายอย่างมาก คือ ในประเทศที่เจริญทางวัตถุอย่างรวดเร็ว ปรากฎว่ามีคนรุ่นใหม่ระบุในทะเบียนประวัติว่าไม่มีศาสนาหรือไม่นับถือศาสนาใดๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ตัวเลขเท่าไร ผมไม่ยืนยัน และในบ้านเราก็เริ่มที่จะไม่นับถือศาสนา เพราะอะไร ฝากให้ท่านที่มีหน้าที่อธิบายได้คิดกัน
หากลูกของเรา ถามเราว่าประโยชน์ของศาสนาคืออะไร ผมเห็นว่าในฐานะผู้ปกครองต้องหาคำตอบที่เป็นรูปธรรมตอบลูกให้ได้เห็นจริง ผมอาจให้คำตอบกับลูกๆว่า ประโยชน์ของศาสนาก็คือ ทำให้เรามีที่พึ่งพาเมื่อยามที่ชีวิตของเรามีปัญหา หาทางออกอะไรไม่ได้ ศาสนามีหลักธรรมสอนให้เราทำดี ละเว้นความชั่ว บางศาสนาสอนให้มนุษย์มีความรักความเมตตาต่อกัน
เราต้องร่วมกันอย่างจริงจัง ในการทำให้เด็กและเยาวชนมองเห็นความสำคัญของศาสนาและเชื่อว่าศาสนาดีจริง ไม่ใช่เรื่องมโน หรือเข้าใจเพียงผิวเผิน แล้วตอบว่าไม่มีหลักธรรมคำสอนใดเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวดำรงชีวิต หากนักเรียนนักศึกษาไม่เชื่อในกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วแล้ว อนาคตของเขาและสังคมจะเป็นเช่นไร
วันก่อนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยสงฆ์ และอีกหลายหน่วยงาน ได้ร่วมกันดำเนินการสร้างความร่วมมือด้านต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาอันจะเกิดกับเด็กและเยาวชน ที่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีก็คือ การร่วมมือกันให้ความรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนาที่ตนนับถือในกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา และยังจะพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนอีกด้วย พาเด็กไปดูของจริงให้รู้จริง ปฏิบัติได้จริง ความคิดเห็นทางศาสนาจะเปลี่ยนไป
ดร.สมชาย สุรชาตรี
ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
โฆษกประจำสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
Email : [email protected]