เรานั้นมักจะพบว่าหน้าร้อน ยอดค่าไฟมักจะสูงขึ้นเกินผิดปกติ ทำให้เราสงสัยได้ว่า อัตราค่าไฟนั้นคิดยังไง บิลค่าไฟฟ้ารายเดือน บอกอะไรเราได้บ้าง และ เจอค่าไฟแพงผิดปกติต้องแจ้งได้ที่ไหน อย่างไรบ้าง
อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย คิดยังไง
อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยนั้น จะคิดอัตราก้าวหน้า หรือยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ก็ยิ่งจ่ายแพงขึ้น ประกอบกับช่วงนี้ที่อากาศเมืองไทยนั้นร้อนเป็นอย่างมาก ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่ต้องใช้ระบบทำความเย็นต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งรายละเอียดการคิดค่าไฟตามอัตราก้าวหน้า อ้างอิงจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) คือ
- 35 หน่วยแรก เหมารวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 85.21
- 115 หน่วยต่อไป หน่วยละ 1.1236 บาท
- 250 หน่วยต่อไป หน่วยละ 2.1329 บาท
- ส่วนที่เกินกว่า 400 หน่วย หน่วยละ 2.4226 บาท
แต่ถ้าหากบ้านไหนที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเยอะ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้พลังงานสูง เช่น แอร์ คอนดิชั่น , เครื่องฟอกอากาศ , เครื่องทำน้ำอุ่น , เครื่องซักผ้าและเตารีด พอสมาชิกในบ้านกลับมาใช้เวลาอยู่ในบ้านมากยิ่งขึ้นซึ่งจะทำให้ค่าไฟยิ่งแพงขึ้นนั้นเอง โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
- อัตราค่าไฟฟ้า สำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ และมีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน
- อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งมอเตอร์เกิน 5 แอมป์ และบ้านที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์แต่มีการใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยขึ้นไปต่อเดือน ติดต่อกัน 3 เดือนขึ้นไป
แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าบ้านเราใช้ไฟแบบไหน?
เราสามารถตรวจสอบประเภทอัตราไฟฟ้าได้ในส่วนของข้อมูลผู้ใช้ จากตัวเลข 3 หลักแรกในช่องประเภท (Type) เช่น
1115 คือ บ้านอยู่อาศัย ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน
1125 คือ ผู้ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน
ซึ่งไม่เพียงเท่านี้นั้น บิลค่าไฟไม่ได้บอกแค่ค่าไฟที่ต้องชำระในแต่ละเดือนเท่านั้น แต่ก็ยังที่จะมีรายละเอียดอื่นๆ บอกไว้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น
- ข้อมูลส่วนตัว
- ข้อมูลการไฟฟ้า
- ประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง
นั้นเรามาดูกันเลยว่า มีอะไรน่าสนใจบนบิลค่าไฟฟ้า 1 ใบ ที่เราได้รับในทุกๆเดือน บิลแสดงค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)หรือ MEA แบ่งได้เป็น 4 ส่วนก็คือ
1.ข้อมูลทั่วไป
ส่วนนี้จะเป็นข้อมูลของผู้ใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามกสุล ที่อยู่ รวมทั้งหมายเลขของผู้ใช้ไฟฟ้า วัน และเวลาอ่านหน่วยค่าไฟฟ้าประจำเดือน
2.ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บ
เป็นค่าไฟฟ้าที่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและมีความเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟประกอบด้วย
- ค่าพลังงานไฟฟ้า คือ ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า รวมทั้งค่าเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ค่าซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน
- ค่าบริการ คือ ต้นทุนในการอ่าน และ จดหน่วย การจัดทำและส่งบิลค่าไฟฟ้า ระบบชำระค่าไฟฟ้า
- ค่า FT คือ ค่าที่คำนวณจากต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงจากค่าไฟฟ้าฐาน คือค่าเชื้อเพลิงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย , ค่าซื้อเชื้อเพลิงจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รวมทั้งบริษัทลูกของ กฟผ. , ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) , การซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศและค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐบาลที่คณะกรรมการ นโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนด ทั้งนี้โดยปกติแล้วค่า Ft นี้จะมีการปรับทุก 4 เดือน
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เรียกเก็บตามที่กฎหมายกำหนด
3.ข้อมูลการใช้ไฟฟ้า
ส่วนนี้จะประกอบไปด้วย เลขอ่านครั้งก่อน-หลัง จำนวนหน่วยที่ใช้ และ ประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง
มีข้อสงสัยอื่น ๆ เกี่ยวกับในส่วนของค่าไฟฟ้า สามารถสอบถามไปยังการไฟฟ้าในพื้นที่ดังนี้
กรุงเทพฯและปริมณทล แจ้งเรื่องผ่านการไฟฟ้านครหลวงได้ที่ www.mea.or.th และ เบอร์โทรศัพท์ 1130
จังหวัดอื่นๆ แจ้งเรื่องผ่านไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ www.complaint.pea.co.th และเบอร์โทรศัพท์ 1129
หลังจากนั้นแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ โดยจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงประกอบกับประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง หากพบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากระบบของการไฟฟ้า ก็จะจ่ายชดเชยให้
ภาพจาก: การไฟฟ้านครหลวง MEA
ที่มา: today.line.me
SHARE THIS NEWS & ACTIVITIES
Line
Your browser does not support the video tag.
อัตราค่าไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ
ประเภทที่ 4 กิจการขนาดใหญ่
ประเภทที่ 4 กิจการขนาดใหญ่
ลักษณะการใช้ สำหรับการใช้ไฟฟ้าเพื่อประกอบธุรกิจ อุตสาหกรรม หน่วยราชการ สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สถานที่ทำการเกี่ยวกับกิจการของต่างชาติ และสถานที่ทำการขององค์การระหว่างประเทศ ตลอดจนบริเวณที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความต้องการพลังไฟฟ้าเฉลี่ยใน 15 นาทีที่สูงสุด ตั้งแต่ 1,000 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือ มีปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 3 เดือน เกินกว่า 250,000 หน่วยต่อเดือน โดยต่อผ่านเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าเครื่องเดียว
4.1 อัตราตามช่วงเวลาของวัน (Time of Day Tariff : TOD Tariff )
On Peak | Partial Peak | Off Peak | ทุกช่วงเวลา | ||
4.1.1 แรงดัน 69 กิโลโวลต์ขึ้นไป | 224.30 | 29.91 | 0 | 3.1097 | 312.24 |
4.1.2 แรงดัน 12 - 24 กิโลโวลต์ | 285.05 | 58.88 | 0 | 3.1471 | 312.24 |
4.1.3 แรงดันต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์ | 332.71 | 68.22 | 0 | 3.1751 | 312.24 |
On Peak
เวลา 18.30 - 21.30 น. ของทุกวัน
Partial Peak
เวลา 08.00 - 18.30 น. ของทุกวัน คิดค่าความต้องการพลังไฟฟ้าเฉพาะส่วนที่เกินจากช่วง On Peak
Off Peak
เวลา 21.30 - 08.00 น. ของทุกวัน ไม่คิดค่าความต้องการพลังไฟฟ้า
ความต้องการพลังไฟฟ้า
ความต้องการพลังไฟฟ้าแต่ละเดือน คือ ความต้องการพลังไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ เฉลี่ยใน 15 นาทีที่สูงสุดในรอบเดือนเศษของกิโลวัตต์ ถ้าไม่ถึง 0.5 กิโลวัตต์ตัดทิ้ง ตั้งแต่ 0.5 กิโลวัตต์ขึ้นไป คิดเป็น 1 กิโลวัตต์
ค่าไฟฟ้าต่ำสุด
ค่าไฟฟ้าต่ำสุดในแต่ละเดือนต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (Demand Charge) ที่สูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
ค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์
สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีเพาเวอร์แฟคเตอร์ (Lagging) ถ้าในรอบเดือนใดผู้ใช้ไฟฟ้ามีความต้องการพลังไฟฟ้ารีแอคตีฟเฉลี่ยใน 15 นาทีที่สูงสุด เมื่อคิดเป็นกิโลวาร์เกินกว่าร้อยละ 61.97 ของความต้องการพลังไฟฟ้าแอคตีฟเฉลี่ยใน 15 นาที ที่สูงสุดเมื่อคิดเป็นกิโลวัตต์แล้ว เฉพาะส่วนที่เกินจะต้องเสียค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ในอัตรากิโลวาร์ละ 56.07 บาทสำหรับการเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าในรอบเดือนนั้นเศษของกิโลวาร์ถ้าไม่ถึง 0.5 กิโลวาร์ ให้ตัดทิ้ง ตั้งแต่ 0.5 กิโลวาร์ขึ้นไปคิดเป็น 1 กิโลวาร์
4.2 อัตราตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Tariff : TOU Tariff)
On Peak | Off Peak | On Peak | Off Peak | ||
4.2.1 แรงดัน 69 กิโลโวลต์ขึ้นไป | 74.14 | 0 | 4.1025 | 2.5849 | 312.24 |
4.2.2 แรงดัน 12-24 กิโลโวลต์ | 132.93 | 0 | 4.1839 | 2.6037 | 312.24 |
4.2.3 แรงดันต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์ | 210.00 | 0 | 4.3297 | 2.6369 | 312.24 |
On Peak
เวลา 09.00 - 22.00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์
Off Peak
เวลา 22.00 - 09.00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์
เวลา 00.00 - 24.00 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ วันแรงงานแห่งชาติ
วันหยุดราชการตามปกติ (ไม่รวมวันพืชมงคลและวันหยุดชดเชย)
ความต้องการพลังไฟฟ้า
ความต้องการพลังไฟฟ้าแต่ละเดือน คือ ความต้องการพลังไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ เฉลี่ยใน 15 นาทีที่สูงสุดในรอบเดือนเศษของกิโลวัตต์ ถ้าไม่ถึง 0.5 กิโลวัตต์ตัดทิ้ง ตั้งแต่ 0.5 กิโลวัตต์ขึ้นไป คิดเป็น 1 กิโลวัตต์
ค่าไฟฟ้าต่ำสุด
ค่าไฟฟ้าต่ำสุดในแต่ละเดือนต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (Demand Charge) ที่สูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
ค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์
สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีเพาเวอร์แฟคเตอร์ (Lagging) ถ้าในรอบเดือนใดผู้ใช้ไฟฟ้ามีความต้องการพลังไฟฟ้ารีแอคตีฟเฉลี่ยใน 15 นาทีที่สูงสุด เมื่อคิดเป็นกิโลวาร์เกินกว่าร้อยละ 61.97 ของความต้องการพลังไฟฟ้าแอคตีฟเฉลี่ยใน 15 นาที ที่สูงสุดเมื่อคิดเป็นกิโลวัตต์แล้ว เฉพาะส่วนที่เกินจะต้องเสียค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ในอัตรากิโลวาร์ละ 56.07 บาทสำหรับการเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าในรอบเดือนนั้นเศษของกิโลวาร์ถ้าไม่ถึง 0.5 กิโลวาร์ ให้ตัดทิ้ง ตั้งแต่ 0.5 กิโลวาร์ขึ้นไปคิดเป็น 1 กิโลวาร์
ข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราค่าไฟฟ้า
1
อัตราค่าไฟฟ้าข้างต้น เป็นอัตราที่เรียกเก็บรายเดือน ที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม2
ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บในแต่ละเดือน ประกอบด้วยค่าไฟฟ้าตามอัตราค่าไฟฟ้าฐาน และค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) โดยมีการเรียกเก็บ Ft ทุกเดือน แยกเป็นรายการในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้า ทั้งนี้ Ft ที่เรียกเก็บจะปรับเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน โดยกำหนดให้ Ft เป็นอัตราคงที่ต่อหน่วยการใช้พลังงานไฟฟ้า
**อัตราค่าไฟฟ้าใหม่นี้เริ่มใช้ตั้งแต่ค่าไฟฟ้า ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป**