ปัญหาการเรียนออนไลน์ ความไม่พร้อม ด้านอุปกรณ์ เทคโนโลยีที่ใช้ประกอบการเรียน
ต้องยอมรับว่าโควิด-19 ทำให้รูปแบบการศึกษาต้องปรับตัว การเรียนออนไลน์จึงถือเป็นช่องทางที่จะทำให้การศึกษายังขับเคลื่อนต่อได้ เสี่ยงการติดเชื้อ แต่การเรียนออนไลน์สำหรับเด็กบางโรงเรียน บางพื้นที่ บางครอบครัว กลัวส่งผลกระทบอย่างหนัก ทั้งในเรื่องอุปกรณ์ เครื่อข่ายอินเตอร์เน็ต ที่ต้องใช้ประกอบการเรียน ฉะนั้นเรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยแรกที่ควรคำนึงถึง หากจะต้องทำการเรียนออนไลน์
ปัญหาการเรียนออนไลน์ สะท้อนภาพ “ความเหลื่อมล้ำ” ทางการศึกษา
เพราะไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะเข้าถึงการศึกษา เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ แม้กระทั่งตัวคุณครูเองก็ต้องปรับตัวปรับรูปแบบการสอน ที่เพิ่มภาระทั้งครู นักเรียน ผู้ปกครอง ภาพความเหลื่อมล้ำชัดเจนขึ้นเมื่อเด็กทุกคนยังไร้ซึ่งอุปกรณ์ที่จะเข้าถึงการศึกษา ในขณะที่บางครอบครัวภาระตกไปอยู่กับผู้ปกครองต้องหาซื้ออุปกรณ์ สัญญาณอินเตอร์เน็ตเพื่อให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียน ต้องจ่ายค่าเทอมและดูและลูกขณะเรียนออนไลน์ คุณครูบางคนต้องควักเงินซื้ออุปกรณ์ช่วยสอนออนไลน์ ความเหลื่อมล้ำความไม่พร้อมที่จะเข้าถึงการศึกษายิ่งเป็นภาพชัด และเป็นปัญหาที่ทางภาครัฐต้องคิดแก้ไข และยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้านการศึกษาให้มากที่สุด
ปัญหาการเรียนออนไลน์ กับภาระงานการบ้านที่มากยิ่งขึ้น
การเรียนออนไลน์อาจส่งผลให้คุณครูต้องตามเก็บชิ้นงานนักเรียน เพื่อวัดผล เพิ่มภาระชิ้นงานให้นักเรียน ส่งผลให้เกิดความเหนื่อยหน่ายในการเข้าเรียน จนเกิดเป็นความเครียดความท้อในเรียนออนไลน์ ไม่เพียงแค่นักเรียนเท่านั้นที่เครียด ด้านครูผู้สอนก็ต้องพยายามหากลยุทธ์ เทคนิคการเรียนใหม่ๆ ศึกษาการใช้อุปกรณ์ เทคโนโลยี เพื่อปรับตัวรับมือกับการสอนออนไลน์ด้วยเช่นกัน
หากมีระบบการเรียนที่พร้อม Support การเรียนออนไลน์ ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูปแบบใหม่ ระบบ ONLINE BLENDED LEARNING จาก LearnEducation ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพห้องเรียน พร้อมรับทุกสถานการณ์ สร้างห้องเรียนคุณภาพ พร้อมรับทุกสถานการณ์ จะเรียนออนไลน์หรือ ออฟไลน์ก็พร้อม กับระบบ ONLINE BLENDED LEARNING มาพร้อมด้วยแบบฝึกหัดที่สอดคล้องกับหนังสือเรียน
พอต้องเรียนออนไลน์ ปัญหาเดิมๆ ก็วนเวียนกลับมาหาหลายคน ทั้งเรื่องไม่มีสมาธิในการเรียน ฟังครูสอนไม่ทัน ไม่ได้เรียนภาคปฏิบัติ ไปจนถึงปัญหาการเข้าถึงอุปกรณ์การเรียน ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต
The MATTER ขอพาทุกคนมาดูปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และวนกลับมาอีกครั้ง หลังต้องย้ายห้องเรียนไปอยู่บนโลกออนไลน์กัน รวมถึงขอชวนทุกคนมาร่วมกันแชร์ประสบการณ์การเรียนออนไลน์ที่พบเจอกัน
1. ไม่มีสมาธิในการเรียน ปัญหาคลาสสิกของการเรียนที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับผู้สอน และอยู่ในบรรยากาศที่ผู้เรียนต้องขุดความกระตือรือร้นมาใช้สูง ทำให้หลายคนไม่มีสมาธิในการเรียน ยิ่งในกลุ่มเด็กเล็ก การจดจ่ออยู่กับหน้าจอยิ่งเป็นเรื่องที่ยากเข้าไปใหญ่
2. เรียนตามไม่ทัน พอต้องเพ่งสมาธิไปที่หน้าจอนานๆ ก็ยากที่จะจดจ่อได้ตลอดทั้งชั่วโมงเรียน แล้วพอหลุดไปบ้าง ก็กลายเป็นว่า ฟังไม่ทันซะแล้ว จุดนี้เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่นักเรียนหลายคนบ่นถึง เพราะบางที บรรยากาศการสอนออนไลน์ก็ไม่เอื้อให้สอบถามข้อสงสัยระหว่างเรียนจากคุณครู หรือเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้แบบที่เรียนในห้องเรียน หลายคนจึงตามสิ่งที่ครูสอนทางออนไลน์ไม่ทัน และต้องมาตามสรุปข้อมูลเองทีหลัง
3. ไม่มีอุปกรณ์ในการเรียน หรืออุปกรณ์ไม่เพียงพอ แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีอุปกรณ์พร้อมสำหรับการเรียนออนไลน์ หรือบางบ้านมีเด็กที่ต้องเข้าเรียนออนไลน์มากกว่า 1 คน ก็ต้องอาศัยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 1 เครื่อง นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนต้องเผชิญ และยังไม่มีการแก้ไขนับตั้งแต่ที่เผชิญปัญหากันไปในการเรียนออนไลน์ครั้งก่อน
4. สัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ดี ขึ้นชื่อว่าเรียนออนไลน์ สัญญาณอินเตอร์เน็ตก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยหลายห้องเรียนจะโปรแกรมสำหรับการประชุมเพื่อการเรียนการสอน แต่ปัญหาก็คือ โปรแกรมเหล่านี้ต้องใช้อินเตอร์เน็ตค่อนข้างเยอะ หลายคนจึงต้องใช้โปรอินเตอร์เน็ตที่มีราคาสูงตามมา แต่ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ใช่ว่าทุกบ้านจะรับไหว ทำให้มีเด็กๆ อีกหลายคนต้องประสบปัญหากับการไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้สำหรับเรียนออนไลน์
สำหรับประเด็นในข้อ 3 และ 4 นี้ อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกล่าวว่า กำลังประชุมเพื่อหาแนวนโยบายร่วมกับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ โดยจะมีการสอนเสริมให้นักเรียนกลุ่มที่ไม่มีความพร้อมในด้านอุปกรณ์เพิ่มเติม แต่ก็ต้องรอฟังผลการประชุมเพื่อความชัดเจนอีกที
5. เจอปัญหาทางเทคนิคกับระบบหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน แม้ว่าบางคนจะมีอุปกรณ์ครบครันสำหรับการเรียนการสอนทางออนไลน์ แต่ก็ยังอาจพบเจอปัญหาทางเทคนิคกับระบบหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน เช่น ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์นานเกินไป จนเครื่องกระตุก ค้าง หรือบางทีก็เจอปัญหากับโปรแกรมที่ใช้จนขาดความต่อเนื่องในการเรียน และทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนลดลงไปด้วย
6. ครูแจกจ่ายงานให้เยอะกว่าปกติ เมื่อต้องสอนกันทางไกล คุณครูก็พยายามแจกจ่ายงานเพื่อให้เด็กๆ ได้รับความรู้ให้มากที่สุด แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ เหล่านักเรียนต้องรับภาระงานจากหลากหลายวิชาจนกลายเป็นว่า งานล้มมือ และเหนื่อยกว่าเดิม ซึ่งจุดนี้ก็มีครูอีกหลายคนที่เข้าใจ และพยายามหาทางแก้ไขกันอยู่
7. เรียนวิชาที่ต้องฝึกปฏิบัติไม่ได้เต็มที่ ปกติแล้วเราไม่ได้เรียนกันแต่วิชาภาคทฤษฎีเท่านั้น แต่วิชาภาคปฏิบัติต่างๆ ตั้งแต่พลศึกษา การเกษตร ไปจนถึงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ก็ต้องกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นสำหรับการเรียนออนไลน์ เพราะเราคงไม่ได้มีถ้วยบีกเกอร์สำหรับกรองสารติดบ้านเอาไว้ หรือหลายคนก็ไม่ได้มีสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้าน กลายเป็นว่า ครูต้องทำการแสดงสมมติเอาเองว่ากำลังว่ายน้ำอยู่ ดังนั้น การเรียนวิชาที่ต้องฝึกในห้องเรียนออนไลน์นั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
8. เด็กเล็กไม่มีคนดูแล อีกหนึ่งปัญหา (เดิม) ที่หลายคนเคยพูดถึงกันไปแล้ว ตั้งแต่การเรียนออนไลน์ครั้งก่อน เพราะการต้องใช้สมาธิผ่านหน้าจอนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับเด็กเล็กเลย ยิ่งกว่านั้น เด็กในวัยนี้ยังต้องการคนดูแลเป็นพิเศษ แต่ผู้ปกครองหลายคนก็ไม่สะดวกที่จะต้องดูแลเด็กๆ แบบ 24 ชั่วโมง ดังนั้น ปัญหาเรื่องเด็กเล็กไม่มีคนดูแลเมื่อต้องเรียนออนไลน์ จึงวนเวียนกลับมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี โรงเรียนในหลายประเทศก็ต้องปิดลงเพื่อป้องกันการระบาดเช่นกัน อย่างตอนนี้ สหราชอาณาจักรเองก็ต้องเพิ่งประกาศปิดโรงเรียนไป หลังการแพร่ระบาดยังคงพุ่งสูงขึ้น ซึ่งก็ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า ควรปิดโรงเรียนจริงหรือ? เพราะการปิดเรียนส่งผลกระทบหลายอย่างกับเด็กๆ เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายที่ยังมองว่า โรงเรียนไม่ใช่จุดที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดขนาดหนักได้ เพราะเด็กที่อายุต่ำกว่า 12-14 ปี ติดเชื้อได้ยากกว่าผู้ใหญ่ และหากติดเชื้อก็เป็นกลุ่มที่แพร่เชื้อได้ยากกว่าผู้ใหญ่ แต่ก็มีอีกหลายคนที่มองว่า ควรปิดโรงเรียนและหาทางปรับให้การเรียนการสอนออนไลน์ทำได้จริงมากกว่า
ขณะที่ ในระดับอุดมศึกษาก็มีปัญหาเรื่องการคืนค่าเทอม หรือการช่วยเหลือนักศึกษาที่หลายคนมองว่า มหาวิทยาลัยจำนวนมากในไทยยังไม่สามารถช่วยเหลือหรือหาแนวทางแก้ปัญหาที่ดีให้กับพวกเขาได้เสียที