ยุคนี้มีรายได้ทางเดียว อันตรายมาก เพราะวันที่บริษัทปลดคุณ เขาไม่นึกถึงคุณและครอบครัวคุณหรอก ถ้าคุณนึกถึงครอบครัว คุณต้องมีรายได้หลายทาง จะเป็นข้าราชการหรือพนักงานประจำ หรือจะเป็นอาชีพใดก็ไม่ต่างกัน กระเป๋าหลายใบ ย่อมดีกว่าใบเดียว เงินไหลเข้ากระเป๋าหลายทาง ก็ย่อมดีกว่าทางเดียว บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้แนวคิดและวิธีที่ทำให้คุณรวยเร็วที่สุด แต่จะทำอย่างไรนั้น พบคำตอบได้
อาชีพที่สอง คือ งานเสริม งานอดิเรกที่ต่อยอดเป็นงานมั่นคงได้ เช่น งานค้าขาย รับจ้าง งานที่ใช้ความรู้ความสามารถสร้างรายได้ที่ไม่ใช่งานประจำ รับราชการ เป็นมนุษย์เงินเดือน สำหรับมุมมองของการหางานทำเพิ่มกับงานหลัก ในยุคนี้งานประจำหรือการเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายของคนที่อยากมีความมั่นคงทางการเงินหรือความสุขในงานที่ทำ เพราะยังมีงานเสริมอีกหลายประเภทให้ได้เลือกทำ ตอนนี้บางคนจึงมีงานเสริมทำเพิ่ม ในขณะที่ยังมีหลายคนติดปัญหาไม่กล้าก้าวออกมาจากจุดเดิมด้วยความคิดที่ว่างานที่มั่นคงที่สุดคือการเป็นคนที่มีรายได้แน่นอน
ทว่าตอนนี้การจับจ่ายใช้สอยและการเพิ่มภาระหนี้สินทำให้รายได้สวนทางกับรายจ่าย ยุคสมัยเปลี่ยนไปการมีอาชีพที่สองไว้เป็นเชือกเส้นที่สองย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหันหรือต้องออกจากงานประจำที่ทำอยู่ และไม่เดือดร้อนหันไปพึ่งพาแหล่งเงินกู้เกินจำเป็น คนรุ่นใหม่จึงควรมีช่องทางสร้างรายได้เพิ่ม ลองเช็คความจำเป็นก่อนปิดโอกาสให้ตัวเองดีกว่า ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงต้องมี “อาชีพที่สอง”
=จะได้ค้นหาตัวเอง=
งานประจำคืองานที่ต้องคลุกคลีและส่วนใหญ่มักจะมีรูปแบบการทำงานซ้ำเดิม บางอาชีพไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ แต่เป็นการทำงานตามรูปแบบที่วางไว้ หรือทำงานตามคำสั่ง นานไปอาจกลายเป็นความน่าเบื่อไป เป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะหางานเสริมหรืออาชีพที่สอง โดยเฉพาะคนที่เลือกงานแรกทำเพราะคิดว่ามั่นคงทั้งที่ไม่ได้ชอบรูปแบบการทำงาน การหางานอื่นทำเพิ่มเป็นโอกาสที่ดีในการค้นหาตนเอง ค้นหาสิ่งที่ชอบ งานที่สองอาจมีแรงกดดันน้อย ทำให้รู้สึกเป็นอิสระมากกว่างานประจำที่ทำอยู่ เช่น บางคนทำงานรับราชการมานานทั้งที่ไม่ชอบ หางานอิสระทำเพิ่ม เช่น ทำสวน ปลูกผักปลอดสารพิษขาย ก็ทำให้ชีวิตการทำงานมีความสุขมากยิ่งขึ้น
=เพิ่มช่องทางหารายได้ เป็นเหมือนเชือกเส้นที่สอง=
อย่างที่บอกว่ารายได้มักสวนทางกับรายจ่าย บางคนภาระหนี้สินทั้งผ่อนบ้าน ผ่อนรถ รายได้ทางเดียวไม่พอจ่าย อาชีพที่สองจะช่วยเพิ่มช่องทางหารายได้ เพราะหากมีงานประจำหรือทำงานอย่างเดียว เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นต้องเปลี่ยนงาน อย่างน้อยก็มีรายได้นำมาใช้จ่าย คนรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องทำงานเพียงอย่างเดียว ช่องทางหาอาชีพที่มีอยู่มาก เลือกให้ดีก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มอาจได้ผลตอบแทนมากกว่าเงินเดือนด้วยซ้ำ เช่น ธุรกิจออนไลน์ ค้าขาย เป็นต้น
=ต่อยอดเป็นธุรกิจส่วนตัว=
ถ้าได้ลองติดตามข่าวสารด้านอาชีพจะพบว่าปัจจุบันนี้ คนรุ่นใหม่หันมาทำงานอิสระหรือทำอาชีพที่สองเพิ่มขึ้น เพราะมีความหวังว่าจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง รายได้ดีกว่าและได้ทำงานที่ชอบ ซึ่งหากเป็นมนุษย์เงินเดือนแม้จะมีความก้าวหน้าแต่ก็ไม่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของกิจการได้ เหตุผลที่ควรมีงานที่สองก็เพื่อการวางแผนว่าในอนาคตจะมีธุรกิจส่วนตัว
=เปิดโลกใหม่ เพิ่มประสบการณ์ให้กับชีวิต=
คนรุ่นใหม่ในยุคนี้เข้าถึงข้อมูลและข่าวสารได้เร็วขึ้น รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์ใหม่ที่ ๆ เป็นประโยชน์ การหาอาชีพที่สองทำเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับชีวิต ลองนึกดูว่ามนุษย์เงินเดือนทำงานรูปแบบเดิมโดยไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ บางก็เกิดความเบื่อหน่ายจนอยากจะลาออก แต่หากเพิ่มสิ่งที่ต้องโฟกัสมากยิ่งขึ้น คือหันไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ กับอาชีพที่สอง อย่างน้อยก็ไม่ต้องเบื่อกับการแก้ปัญหาเดิมหรือสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ เพราะงานเสริมหรืออาชีพที่สองจะกลายเป็นเรื่องใหม่ที่ชีวิตจะต้องให้ความสำคัญ เพื่อประสบการณ์ให้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี
=เพิ่มหลักประกันให้กับชีวิตที่เพิ่มความมั่นคง=
อาชีพในยุคนี้มีให้เลือกทำหลากหลายรูปแบบ คนรุ่นใหม่ควรเพิ่มหลักประกันให้กับชีวิตเพราะงานเดียวที่ทำอยู่เหมือนไม่ได้มีความมั่นคงเสมอไป ไม่ใช่แค่เพิ่มช่องทางการสร้างรายได้เท่านั้น แต่ยังมีเงินนำไปลงทุนหรือจ่ายเงินประกันที่เป็นหลักประกันให้กับชีวิตได้ เพราะเมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้ว การเลือกประกันภัยให้กับตนเองและคนในครอบครัวกลายเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องวางแผน หาอาชีพอิสระหรืออาชีพที่สองทำ อย่างน้อยชีวิตก็มีหลักประกันเพิ่ม ไม่เสียหาย
ไม่อยากเตะฝุ่น เสี่ยงว่างงาน หรือไม่อยากจะยึดติดกับงานเดิม ๆ หาอาชีพที่สองทำเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับชีวิต เปิดโอกาสให้กับตนเองได้พบกับสังคม เพื่อนใหม่ รูปแบบการทำงานใหม่ ๆ ดีกว่า ยิ่งปัจจุบันเข้าถึงข่าวสารง่ายขึ้น ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของงานที่ทำได้ ก็ไม่อยากเรื่องยากแล้วที่จะมีอาชีพที่สองไว้หารายได้เสริม ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจกลายเป็นงานประจำที่สร้างรายได้ดีกว่างานแรก
เพราะฉะนั้นหากตอนนี้แม้ว่าจะรับราชการ ทำงานประจำที่คิดว่ามั่นคงอยู่แล้ว หาอาชีพที่สองหรืองานเสริมทำเพิ่มก็ไม่เสียหายอะไร ส่วนการวางแผนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ลองมองงานที่ถนัด สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษ เปลี่ยนความชอบเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ ค่อย ๆ เก็บประสบการณ์อย่าใจร้อน ไม่นานรับรองว่าอาชีพที่สองจะทำรายได้ให้กับตนเองแน่นอน
ส่วนใครที่กำลังชั่งใจอยู่ อย่าให้ความกลัว หรือความเกียจคร้านกลายเป็นข้ออ้างให้ตนเองต้องพลาดกับช่องทางหารายได้เพิ่ม ลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ ๆ และแรงบันดาลใจก็ได้ บางทีอาชีพที่สองอาจให้ความสุขมากกว่างานที่ทำอยู่ ยุคนี้คนรุ่นใหม่จะมีอาชีพเดียวไม่ได้แล้ว อย่าลืมนำเหตุผลนี้มาเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเองได้หางานที่สองทำเพิ่ม ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลแค่เอื้อมแล้ว
เมื่อได้ทำงานที่ตัวเองเลือกแล้ว ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ เราก็ต้องพยายามและอดทนอยู่กับงานนั้นไปอีกนานเลยล่ะ และส่วนใหญ่แล้ว ค่าตอบแทนที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นต่องานหรือต่อเดือน ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยพอสักเท่าไหร่ที่จะใช้ซื้อกับสิ่งของที่ตัวเองอยากได้ จึงทำให้งานเสริมหรือรายได้เสริม เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากเลยล่ะสำหรับตัวเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อขึ้นชื่อว่างานก็ล้วนหายากด้วยกันทั้งนั้น ทำให้การหารายได้เสริม เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่นะ แต่ถ้าหากเราสามารถสร้างความเป็นเศรษฐีให้ตัวเองด้วยงานที่ทำอยู่ได้ล่ะ
อ่านเพิ่มเติม : มหาเศรษฐี ท๊อป 10 ของไทย เขาทำธุรกิจอะไรกันบ้าง ?
หลายๆคนอาจจะไม่เชื่อว่างานที่ทำอยู่นั้นสามารถทำให้ตัวเอง เป็นเศรษฐี ได้ แต่ถ้าเรารู้วิธี รู้หลักการและลงช่องทางได้ถูกต้องเหมาะสม รับรองว่ารายได้ทางเดียว ก็ทำให้เป็นเศรษฐีได้ไม่ยาก โดยเรามีเทคนิคดังนี้
เปลี่ยนจากคำว่าอาชีพ เป็นมืออาชีพ
การสร้างความเป็นมืออาชีพในงานที่ทำอยู่ เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยให้เราเป็นเศรษฐีได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ความเป็นมืออาชีพ สามารถสร้างคนให้กลายเป็นเศรษฐีได้มาแล้วนับไม่ถ้วนนะ อย่างเช่นในเรื่องของการทำอาหาร คนหนึ่งคนที่มีความสามารถในการทำอาหาร ถ้าหากว่ามีฝีมือที่เรียกได้ว่าแค่ทำอาหารเป็น อย่างมากก็คือการเปิดร้านข้าวแกงหรืออาหารตามสั่ง โชคดีหน่อยก็ได้เป็นผู้ช่วยกุ๊ก แต่ถ้ามีฝีมือถึงขั้นเป็นมืออาชีพล่ะ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่หรอกนะที่จะเปิดเป็นร้านอาหารหรูๆ เปิดเป็นภัตตาคาร เพื่อสร้างรายได้ที่มากกว่าให้กับตัวเองได้ แต่ถ้าหากว่าเราอยู่ในจุดที่เป็นมืออาชีพแล้ว แต่ค่าตอบแทนที่ได้รับ ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ล่ะ เราแนะนำว่าควรที่จะรีบหาช่องทางใหม่ที่จะลงไปทำงานให้เหมาะกับตัวเองนะ เปรียบได้กับนกเหยี่ยวที่ไม่ควรอยู่ในกรงนกแก้ว
ผันตัวเองจากลูกจ้างสู่นายจ้าง
หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินว่า เราไม่มีทางที่จะรวยมากกว่านายจ้าง หรืองานที่ทำอยู่นั้น ไม่ว่าจะยังไงนายจ้างก็เป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยอะไร แน่นอนว่าเมื่อเราได้ยินอย่างนี้แล้ว เราควรที่จะทำงานเป็นลูกจ้างต่อไปหรือพยายามที่จะผันตัวไปเป็นนายจ้างกันล่ะ การผันตัวไปเป็นนายจ้างให้กับคนทั่วๆไปหรือคนที่มีฝีมือ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ เพราะนั่นอาจจะหมายถึงการเปิดบริษัทเป็นของตัวเองเลย แต่สำหรับใครที่มีความเป็นมืออาชีพจากงานที่ทำอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่นะกับการที่จะเปิดบริษัทของตัวเองขึ้นมา โดยการตั้งตัวเองเป็นหลักในงานที่ทำอยู่ แล้วก็ลองพยายามรับงานให้มากขึ้นพร้อมๆกับพยายามหาจ้างคนอื่นๆมาช่วยเราทำงาน รับรองว่าไม่นานจากบริษัทเล็กๆที่มีเรานั่งทำงานอยู่ ก็จะกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เราจะทำหน้าที่จ้างคน สั่งงาน แล้วรับเงินแน่นอน
ทำงานที่สามารถพัฒนาตัวเองไปได้ไกล
การเลือกงานที่ทำ เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากเลยก็ว่าได้นะ ถ้าหากว่าเราเลือกที่จะทำงานเป็นแคชเชียร์ เป็นพนักงานแพ็คของธรรมดา แน่นอนว่าความก้าวหน้าของงานก็อาจจะไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะทำงานเป็นนักออกแบบ หรืออาชีพอื่นๆที่สามารถพัฒนาฝีมือตัวเองไปได้ไกล รับรองว่าความเป็นเศรษฐีจากรายได้ทางเดียว เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ เพราะถึงแม้ว่าในตอนนี้ เราอาจจะทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยสูง ทำงานได้เงินเดือนไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีความเป็นมืออาชีพกับงานเหล่านี้ สร้างสรรค์ผลงานออกมาให้เป็นที่ยอมรับ แน่นอนว่าความเป็นเศรษฐีจะอยู่แค่เอื้อมนะ