การปรากฏขึ้นของศูนย์การค้า "เม-ญ่า" (MA-YA) บนพื้นที่แปลงสวยบริเวณสี่แยกรินคำ กลางเมืองเชียงใหม่ เป็นการรุกคืบของกลุ่มทุนธุรกิจโรงภาพยนตร์ค่ายเอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
เพราะถือว่าเป็นการแตกไลน์ธุรกิจภาพยนตร์มาทำธุรกิจศูนย์การค้าเป็นครั้งแรก และเชียงใหม่เป็นพื้นที่แรกในประเทศไทยที่ค่ายเอสเอฟฯเลือกที่จะมาปักหมุดลงทุน ด้วยความมั่นใจเต็ม 100% แล้วมีปัจจัยอะไรที่ทำให้มั่นใจได้เพียงนั้น "สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์" ประธานบริษัท เม-ญ่า ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ตอบข้อสงสัยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ในทุกประเด็น
สุวัฒน์บอกว่า ให้ความสนใจพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มากเป็นพิเศษ วางแผนที่จะทำศูนย์การค้ามาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว มีการสำรวจและวิจัยการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง และพบว่าเชียงใหม่มีศักยภาพสูงมากในแง่ของกำลังซื้อของคนในพื้นที่ รวมถึงกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยว โดยดูจากศักยภาพของการเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โดยตัดสินใจเพียง 5 นาที เพื่อซื้อที่ดินเกือบ 10 ไร่ ต่อจากนายตัน ภาสกรนที บริเวณสี่แยกรินคำ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ด้วยความมั่นใจในทำเลที่มีศักยภาพและดีที่สุดจุดหนึ่งของเชียงใหม่ จึงตัดสินใจลงทุนทำโครงการศูนย์การค้าเม-ญ่า ด้วยเงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท (รวมราคาที่ดิน)
"ทำเลตอบโจทย์ทุกอย่าง ทำให้ตัดสินใจได้เร็วและเดินหน้าทันที การก่อสร้างโครงการคืบหน้ากว่า 80% จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้เดือนตุลาคม 2556 นี้"
โครงการเม-ญ่าวางตำแหน่งเป็น LifestyleShopping Mall มีคอนเซ็ปต์ดีไซน์ "Vertical Nimman" หรือที่เรียกว่า "นิมมานแนวตั้ง" คือการตกแต่งภายในที่จะทำให้สัมผัสถนนนิมมานเหมินท์ในมิติใหม่ การตกแต่งผสมผสานระหว่างความทันสมัยและศิลปวัฒนธรรมของเชียงใหม่เข้าด้วยกัน พื้นที่กว่า 80,000 ตารางเมตร
สุวัฒน์บอกอีกว่า พยายามคัดเลือกร้านค้าที่แตกต่างจากศูนย์การค้าอื่น ๆ ซึ่งมั่นใจในกำลังซื้อและจะสามารถตอบโจทย์กำลังซื้อได้ ร้านค้าที่เข้ามาลงทุนภายในโครงการขณะนี้มากกว่า 300 ร้านค้า แบ่งเป็นร้านค้าแบรนด์ดังจากส่วนกลาง อินเตอร์แบรนด์ 70-80% และนักลงทุนในท้องถิ่นราว 20-30%
ในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ต ได้พันธมิตรอย่างริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้ามาลงทุนด้วย กลุ่มลูกค้าหลักที่วางไว้คือ ฐานลูกค้าในย่านถนนนิมมานเหมินท์และบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด ซึ่งมีทั้งมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ชุมชน หมู่บ้านจัดสรร สถานที่ราชการ โรงพยาบาล ฯลฯ ซึ่งในบริเวณนี้ทั้งหมดเป็นศูนย์กลางของการทำงาน แหล่งท่องเที่ยว บ้านพักอาศัย มีความหนาแน่นของชุมชน และเป็นฐานที่มีกำลังซื้อระดับกลาง-บน
สุวัฒน์มองว่า ห้างหรือศูนย์การค้าในเชียงใหม่ไม่ได้ล้น แต่เป็นความเปลี่ยนแปลงของเชียงใหม่ในรอบหลาย 10 ปีที่เมืองโต คนอยู่อาศัยมากขึ้น จึงมีความต้องการที่จะเข้าถึงความสะดวกสบายมากขึ้น และการแข่งขันก็เป็นเรื่องธรรมดาของกลไกตลาด ที่ต้องมีหลายทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจ เป็นการแชร์ส่วนแบ่งกันไป แล้วแต่ว่าใครจะตอบโจทย์ได้มากกว่ากัน
ด้านกำลังซื้อซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ ประธานเม-ญ่ามองว่า กำลังซื้อของเชียงใหม่มีมากพอ ซึ่งดูได้จากรายได้ของธุรกิจโรงภาพยนตร์ติด 1 ใน 5 ของประเทศ และอนาคตเมื่อศูนย์การค้าใหม่เปิดให้บริการเต็มระบบก็จะมีโรงภาพยนตร์ในเชียงใหม่รวมกันราว 36 โรง ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าตลาดของธุรกิจโรงภาพยนตร์มหาศาล เบื้องต้นทางกลุ่มตั้งเป้ารายได้จากโรงภาพยนตร์ของเอสเอฟฯที่จะเปิดบริการ 10 โรงในศูนย์การค้าเม-ญ่าไว้ที่ 225 ล้านบาท/ปี ซึ่งก็เป็นกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าในส่วนอื่น ๆ ด้วย
"จุดแข็งของเราผมว่าตอบโจทย์นะ เพราะทำเลเราดี เราเชื่อมั่น ซึ่งบริเวณสี่แยกรินคำจะเหมือนแยกราชประสงค์ และคอนเซ็ปต์ของโครงการเราแตกต่าง อีกไม่นานเชียงใหม่จะมีรถไฟความเร็วสูง ก็จะขนถ่ายคนเข้ามาได้ง่าย รวดเร็วและสะดวกขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เอื้อต่อการลงทุน"
สุวัฒน์บอกว่า ไม่กังวลว่าเชียงใหม่เป็นเมืองปราบเซียน เพราะอาจจะจริงกับสินค้าบางประเภทเท่านั้น โดยเฉพาะศูนย์การค้าเป็นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้ ซึ่งเชียงใหม่มีกำลังซื้อแฝงอยู่มาก การลงทุนของเม-ญ่าครั้งนี้ และการที่ศูนย์การค้าลงทุนที่เชียงใหม่พร้อม ๆ กันหลายแห่ง ก็เป็นจังหวะที่ต่างคนต่างมองเหมือนกัน และอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเปิด AEC ก็ยิ่งเป็นปัจจัยผลักดันให้การลงทุนในเชียงใหม่ชัดขึ้น
"เราไม่กังวลเลยกับคำว่าปราบเซียน เพราะมั่นใจว่าตอบโจทย์ได้ ส่วนเรื่องจุดคืนทุนบอกตรง ๆ ไม่ได้คิดไว้เลย คิดแค่ว่าอยากจะมาลงทุนที่นี่ อยากทำอะไรให้คนเชียงใหม่มากกว่า"
สำหรับยอดขายรวมทั้งกรุ๊ปของเอสเอฟฯในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขายราว 3,000 ล้านบาท
การแตกไลน์ทำธุรกิจศูนย์การค้า ภายใต้แบรนด์ "เม-ญ่า" ของค่าย SF มายังพื้นที่เชียงใหม่ ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันของศูนย์การค้าที่กำลังจะเริ่มทวีความดุเดือด แต่ "สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์" กลับไม่มีความกังวล เพราะเขามั่นใจทำเลที่ได้เปรียบ และตอบโจทย์ตลาดในทุก ๆ ข้อ
ธุรกิจค้าปลีกในจังหวัดเชียงใหม่กำลังบูมสุดขีดเมื่อยักษ์ใหญ่หลายรายดาหน้าทุ่มเงินลงทุนมหาศาลเพื่อปักหลักรอรับ “เออีซี” และกำลังซื้อมหาศาลจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งล่าสุด MAYA (เมญ่า) ได้เปิดให้บริการไปเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
การเปิดตัวของ “เมญ่า” นับว่าเป็นการยกระดับธุรกิจค้าปลีกในเชียงใหม่ขึ้นทาบรัศมีแหล่งช็อปปิ้งชั้นนำระดับโลก กับแนวคิดการเป็นไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ที่โดดเด่นกับการออกแบบอาคาร การตกแต่ง ความหลากหลายของร้านค้า ในรูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะ ผสมผสานความทันสมัยของแบรนด์ระดับอินเตอร์และแบรนด์ท้องถิ่นอย่างลงตัว บนพื้นที่ทำเลทองย่านนิมมานเหมินท์ใจกลางเมืองเชียงใหม่กว่า 9 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
ในวันเปิดตัวเพื่อให้สมกับการเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ระดับโลก เมญ่าได้จัดพิธีเปิดแกรนด์โอเพนนิ่งอย่างยิ่งใหญ่ จัดแฟชั่นโชว์ด้วยขบวนดารา-นางแบบระดับแถวหน้าของเมืองไทยกว่า 150 คน นับเป็นครั้งแรกของเชียงใหม่ที่นักธุรกิจระดับชั้นนำของประเทศกว่า 500 คนไปแสดงความยินดีและให้กำลังใจกับ “เมญ่า” ที่กำลังเติมแต่งเป็นอีกหนึ่ง “ไอคอน” เหมือนมหานครเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโลก ซึ่งจะนำความภาคภูมิใจมาสู่ชาวเชียงใหม่
นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมญ่า ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “เมญ่า” มีความโดดเด่นด้วยงานดีไซน์ทางสถาปัตยกรรม สะท้อนถึงเมืองที่มีวัฒนธรรมแห่งการถักทอ ที่สำคัญยังคงไว้เอกลักษณ์ของชาวล้านนา ซึ่งไฮไลต์ที่เตรียมเปิดต่อไปในเดือน เม.ย.นี้ คือจุดชมวิว “นิมมานฮิลล์” บนชั้น 6 ซึ่งจะเห็นวิวดอยสุเทพแบบพาโนราม่าโอบล้อม จะเป็นแหล่ง “ชิลเอ้าท์” แห่งใหม่ที่ให้ทุกคนมารับประทานและดื่มจากร้านดังหลากหลายร้านพร้อมกับบรรยากาศนั่งผ่อนคลายสบายๆ
“นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยที่มุ่งเน้นไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมานำเสนอให้ชาวเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นทั้งแบรนด์ดังระดับอินเตอร์และแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยชื่อดัง, ไลฟ์สไตล์การกินดื่ม ความบันเทิงกับโรงภาพยนตร์เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า 10 โรงมาตรฐานระดับโลก ด้วยระบบการฉายดิจิตอล 4K ทุกโรง และศูนย์ธุรกรรมทางการเงินและการบริการเป็นต้นกว่า 220 ร้านค้า”
นายสุวัฒน์กล่าวด้วยว่า สำหรับซุปเปอร์มาร์เกต นับว่าเป็นจุดเด่นของไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้งมอลล์แห่งนี้ ดำเนินการโดย ริมปิง ซุปเปอร์มาร์เกต ที่เน้นคัดสรรผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลกนับเป็นซุปเปอร์มาร์เกตดีที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ก็ว่าได้ และ ทัช ฟิตเนส ฟิตเนสแนวใหม่ล่าสุดที่มาเปิดที่นี่เป็นที่แรกในเมืองไทย นอกจากนี้ยังมี C.A.M.P. (Creative And Meeting Place) เป็นห้องสมุดสุดชิคสำหรับคนรุ่นใหม่มาพบปะ มาติวหนังสือ มาแชร์ไอเดียได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“พื้นที่ของเมญ่าทั้งหมดจำนวน 6 ชั้น บนพื้นที่กว่า 80,000 ตารางเมตรกับแนวคิด “นิมมานแนวตั้ง” การตกแต่งภายในจะทำให้เห็นนิมมาน-เหมินท์มิติใหม่แบบชั้นต่อชั้นนับตั้งแต่การตกแต่งศิลปะสไตล์ “นูโว อาร์ต” ชั้นจี ศิลปะสไตล์ “ป๊อป อาร์ต” ชั้น 2 ศิลปะแนว “ดิจิตอลอาร์ต” ชั้น 3 ส่วนชั้น 4 เป็นศิลปะสไตล์ “รัสติก อาร์ต” ชั้น 5 เป็นศิลปะแนวมิกซ์ โมเดิร์นไทยและชั้น 6 เป็นแนว “เนอเชอรัล อาร์ต” เพื่อเติมแต่งให้เป็นแหล่งช็อปที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นที่สุดในเชียงใหม่”
“นับจากวันที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ได้รับการตอบรับจากชาวเชียงใหม่รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างล้นหลามเกินคาด สมดั่งใจที่หวังให้ “เมญ่า” เป็นไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ที่สุดของแลนด์มาร์คของเชียงใหม่อย่างแท้จริง”
นายสุวัฒน์ยังได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยความมั่นใจว่า แม้จะเป็นการลงทุนในธุรกิจศูนย์การค้าโครงการแรกก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับศูนย์การค้าของกลุ่ม “เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น” มากว่า 32 ปี กับการเปิดโรงภาพยนตร์ในศูนย์การค้าที่ได้สัมผัสข้อดีข้อเสียของธุรกิจ รวมทั้งประสบการณ์จากการบริหารพื้นที่ค้าปลีกบนชั้น 7 เอ็มบีเค เซ็นเตอร์มากว่า 15 ปี ที่ประสบผลสำเร็จอย่างสูง แม้ “เมญ่า” จะเป็นศูนย์ขนาดกลาง แต่รู้ว่าผู้บริโภคในยุคนี้มีความต้องการอะไรแล้วใส่ในรายละเอียดนั้นอย่างเต็มที่
ที่นี่จึงเป็นที่แรกและที่เดียวของกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจและมีทุกอย่างครบครัน ทำให้เกิดอารมณ์ บรรยากาศของไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ที่ผู้บริโภคสามารถอยู่เพลิดเพลินได้ทั้งวัน!!!