แค่ ป ชั่ น. รักภาษาอังกฤษ

บ่อยครั้งที่เราเจอสถานการณ์ที่เราอยากโพสต์ภาพเซลฟี่น่ารักๆ หรือภาพสวยๆ แต่เราไม่รู้จะเขียนแคปชั่นภาษาอังกฤษเพราะๆ ว่าอะไรดี สิ่งสำคัญสำหรับการเขียนแคปชั่นดีๆ เพราะๆ คือ แคปชั่นที่น่าสนใจจะช่วยแสดงความเป็นตัวตนของคุณได้ดีมากยิ่งขึ้น และสร้างกระตุ้นให้ผู้ติดตามของคุณกดไลค์และเขียนคอมเม้นท์มากขึ้น ยิ่งแคปชั่นของคุณเป็นภาษาอังกฤษ จะยิ่งดี เพราะจะช่วยให้ผู้ติดตามที่ไม่ได้พูดภาษาไทยเข้าใจคุณได้ นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มฐานผู้ติดตามแอคเค้าท์ของคุณให้ใหญ่ขึ้นอีกด้วย

หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้จะเขียนแคปชั่นภาษาอังกฤษอะไรดี หรือเพิ่มเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ และไม่รู้วิธีเขียนประโยคภาษาอังกฤษแบบสละสลวย เรามีแคปชั่นที่เหมาะใช้บรรยายใต้ภาพสวยๆ ของคุณในทุกสถานการณ์ในบทความนี้ ชอบแคปชั่นไหนก็เลือกไปใช้ได้เลย

100 แคปชั่นภาษาอังกฤษสำหรับทุกวัน

1.
Life is a journey and only you hold the key.
ชีวิตคือการเดินทาง และมีแต่คุณเท่านั้นแหละที่ถือกุญแจอยู่

(มีที่มาจากประโยค “Key of Life” โดย key ที่แปลว่า กุญแจในที่นี้ เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งสำคัญในชีวิต แคปชั่นนี้หมายความว่า คุณเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งสำคัญ และสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตจริงๆ คืออะไร)

2.
You ruined the melody of my favourite song.
คุณทำให้จังหวะเพลงโปรดของฉันเสียไปหมด

(หมายความว่าบุคคลนั้นเป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตดีๆ หรือสิ่งที่เราชอบ และสนุกกับมันกร่อยไป ไม่สนุกแล้ว)

3.
You experience things that I don’t believe.
เธอมีประสบการณ์กับสิ่งที่ฉันไม่เชื่อ

(หมายความว่าคุณไม่เชื่อสิ่งที่เขาบอกว่าเขาได้ทำ หรือบอกว่าเกิดขึ้นกับเขา)

4.
I got bored with the fake smile that I lost every day.
ฉันเบื่อที่ต้องแสร้งฝืนยิ้มอยู่ทุกวัน

5.
Smile a little more, regret a little less.
ยิ้มให้มากขึ้นสักนิด เสียใจให้น้อยลงสักหน่อย

6.
Friday, my second favorite F word.
วันศุกร์ (Friday) เป็นคำที่ขึ้นต้นด้วยตัว F ที่ฉันชอบมากที่สุดเป็นอันดับสอง

(The F word ในที่นี้ หมายถึง F*ck ซึ่งถือเป็นคำหยาบท่ีสุดคำหนึ่งในภาษาอังกฤษ แคปชั่นนี้จึงเป็นการบอกอ้อมๆด้วยว่า คำในภาษาอังกฤษที่ชอบมากที่สุด คือ คำว่า F*uck นั่นเอง)

7.
The way you speak to yourself matters the most.
วิธีที่คุณพูดกับตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

(การพูดกับตัวเองในแง่บวก เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจและความตระหนักถึงคุณค่าในตัวเอง เมื่อใดที่เรารับรู้ถึงคุณค่าในตัวเอง ผู้อื่นจึงเห็นคุณค่าของเรา ดังนั้นการพูดกับตัวเองจึงสำคัญที่สุด )

8.
Throw sass around like confetti.
จงเริ่ดๆ เชิ่ดๆ กับทุกสิ่งรอบๆ ตัว

(คำว่า sass เป็นคำนาม มาจากคำคุณศัพท์ sassy ที่มีหลายความหมาย ได้แก่ มีชีวิตชีวา กล้าหาญ หยิ่งทะนง หรือหน้าด้าน ก็ได้ ในภาษาอังกฤษแบบบริติช คำนี้ยังสามารถหมายความว่าน่าเย้ายวน เซ็กซี่ ได้อีกด้วย การนำไปใช้มักใช้ในความหมายด้านบวก เช่น หากคุณเป็น sassy girl หมายความว่า คุณเป็นผู้หญิงพูดตรงๆ ไม่ค่อยกลัวใคร เป็นต้น)

9.
Life is simple. It’s just not easy.
ชีวิตมันเป็นเรื่องธรรมดานี่แหละ มันแค่ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่านั้นเอง

10.
You can’t live a full life on an empty stomach.
หากยังปล่อยให้ท้องหิว คุณก็ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ไม่ได้หรอก

(เมื่อเราหิว สมองมักคิดอะไรไม่ออก ร่างกายก็ไม่มีพลัง จะทำอะไรก็ได้ไม่เต็มที่)

11.
I don’t know where I’m going, but I’m on my way.
ฉันไม่รู้หรอกว่าจุดหมายปลายทางฉันอยู่ที่ไหน แต่ฉันกำลังเดินทางไปหามัน

12.
I had fun once, it was horrible.
เคยลองทำเรื่องสนุกๆ อยู่ครั้งหนึ่ง มันแย่มาก

(เป็นแคปชั่นตลกร้าย เสียดสี อธิบายอารมณ์ของคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่สนุก แต่สุดท้ายแล้วผลที่ตามมันกลับไม่ดีหรือทำให้คุณเสียใจ เช่น คุณนั่งรถไฟเหาะสนุกมาก แต่คุณกลับอาเจียนออกมาหมดหลังจากลงจากรถไฟเหาะแล้ว)

13.
Another fine day ruined by responsibilities.
อีกหนึ่งวันดีๆที่ถูกทำลายเพราะภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ

(เป็นประโยคเสียดสี สำหรับคนที่ไม่ชอบทำงาน แต่ก็ต้องทำเพราะเป็นความรับผิดชอบ)

14.
Keep your heels, head & standards high.
ใส่ส้นสูง มีความมั่นใจสูง และตั้งมาตรฐานสูงด้วยนะ

(เป็นการเล่นคำ คำว่า “high” ที่แปลว่า “สูง” ในภาษาอังกฤษ keep your heels high แปลว่า ใส่รองเท้าส้นสูง, keep your head high หมายถึง จงมั่นใจและภูมิใจในตัวเอง ส่วน keep your standards high นั้นแปลว่า ตั้งมาตรฐานตัวเองให้สูง เมื่อรวมกันจึงหมายถึง ผู้หญิงที่รักจะใส่รองเท้าส้นสูง จงเดินเชิดหน้าอย่างมั่นใจ และเราจะต้องรู้จักเลือกด้วย ตั้งมาตรฐานของตัวเองให้สูงไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความรัก หรือเพื่อน)

15.
Being happy never goes out of style.
การมีความสุขไม่เคยตกยุค

(สไตล์หรือรสนิยมของคนเรา ไม่ได้เกี่ยวกับเครื่องแต่งกายที่คุณสวมใส่เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวไปถึงการใช้ชีวิตของเราอีกด้วย เมื่อเราต่างเลือกในส่ิงที่ดีที่สุด สนุกและมีความสุข ดังนั้นการมีความสุขจึงเป็นรสนิยมที่ไม่เคยตกเทรนด์)

16.
A girl should be like a butterfly. Pretty to see, hard to catch.
ผู้หญิงควรเป็นเหมือนกับผีเสื้อ สวยงามน่ามอง แต่จับยากเหลือเกิน

17.
I need a six-month holiday, twice a year.
ฉันต้องการวันหยุดแค่ปีละสองครั้ง ครั้งละหกเดือนก็พอ

(วันหยุดครั้งละ 6 เดือน หยุดปีละ 2 ครั้ง เท่ากับหยุด 12 เดือน หรืออยากมีวันหยุดทั้งปีนั้นเอง)

18.
Sometimes you gotta be a beauty and a beast!
บางครั้งคนเราก็ต้องเป็นทั้งโฉมงามและอสูรในเวลาเดียวกัน

19.
There are a million fish in the sea. But I’m a mermaid.
มีปลานับล้านในท้องทะเล แต่ฉันเป็นนางเงือกนะ

(แคปชั่นนี้มาจาก “There are a million fish in the sea” ที่แปลว่ามีคนให้เลือกมากมายในโลกนี้ หากเราอกหักก็หาใหม่ได้ แคปชั่นนี้หมายความว่า แม้จะมีคนอื่นให้เลือก แต่ฉันมีความพิเศษกว่าคนอื่นอยู่นะ เพราะฉันไม่ได้เป็นแค่ปลา แต่เป็นนางเงือก)

20.
Always classy, never trashy, and a little bit sassy.
มีระดับอยู่เสมอ, ไม่ทำตัวไร้ค่า และร้ายให้มากขึ้นอีกสักหน่อย

21.
May your coffee be hot and your eyeliner even.
ขอให้คุณได้ดื่มกาแฟร้อนๆ และกรีดอายไลน์เนอร์ได้เท่ากัน

(เป็นคำอวยพรขอให้โชคดีแบบติดตลก เอาเรื่องในชีวิตประจำวันของผู้หญิง อย่างการดื่มกาแฟที่บางครั้งได้ร้อนบ้างไม่ร้อนบ้าง หรือการกรีดอายไลน์เนอร์ที่ไม่ได้ชัดเป๊ะทุกวันมาพูดถึง ถ้าวันไหนได้กาแฟร้อน อายไลน์เนอร์ตรงสวยแสดงว่าวันนั้นน่าจะเป็นวันที่ดี)

22.
Going to bed early. Not going to a party. Not leaving my house. My childhood punishments have become my adult goals.
เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ห้ามไปงานปาร์ตี้ ห้ามออกไปนอกบ้าน การถูกลงโทษสมัยเราเป็นเด็กๆ ตอนนี้กลายเป็นความต้องการสูงสุดในชีวิตของผู้ใหญ่อย่างเราไปซะแล้ว

23.
At least my pizza still loves me.
อย่างน้อยก็ยังมีพิซซ่าของฉันที่ยังรักฉันอยู่

(เป็นสำนวนเสียดสีตัวเองว่าไม่มีใครรักเรา อย่างน้อยก็ยังมีพิซซ่าแหล่ะนะที่รักเรา เพราะพิซซ่ามันเถียงเราไม่ได้)

24.
Maybe she’s born with it, maybe it’s an Instagram filter.
บางทีเธออาจจะสวยมาตั้งแต่เกิดหรือบางทีอาจจะเป็นแค่ฟิลเตอร์ในอินสตาแกรมก็ได้

25.
It’s not a phase mom, it’s who I am.
มันไม่ได้เป็นแค่วัยนี้นะแม่ มันคือตัวตนของหนูจริงๆ

(เมื่อวัยรุ่นเข้าสู่ช่วงที่มีบุคลิกภาพที่แตกต่างออกไปจากตอนเด็กๆ พ่อแม่มักจะคิดว่าเป็นแค่การข้ามผ่านช่วงวัยๆหนึ่งเท่านั้น แต่วัยรุ่นเองจะคิดว่านี่คือตัวตนของพวกเขาจริงๆ มากกว่า)

26.
When nothing goes right, go left.
เมื่อไม่มีอะไรที่มันถูกต้อง ให้ลองไปทางซ้ายดู

(ในภาษาอังกฤษคำว่า “right” จะแปลว่า “ด้านขวา” และ “ความถูกต้อง” สำนวนนี้เป็นการเล่นคำ คำว่า “right” เพื่อสื่อความหมายว่าอย่าแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิม ลองหาวิธีใหม่ๆที่เหมาะกับตัวเองดู)

27.
My bed is a magical place I suddenly remember everything I had to do.
ที่นอนของฉันเป็นสถานที่ที่น่าอัศจรรย์ เพราะจู่ๆฉันก็จะจำทุกอย่างที่ต้องทำได้ในทันทีก่อนจะล้มตัวลงนอน

28.
Sure, I do marathons. On Netflix.
แหงอยู่แล้ว ฉันกำลังจะลงเล่นมาราธอน แต่เป็นดูหนัง Netflix แบบมาราธอนหรอกนะ

(คำว่า Marathon ในภาษาอังกฤษ แปลว่า การวิ่งมาราธอน หรือทำงานที่ยากและใช้เวลานานก็ได้ สำนวนนี้จึงสื่อความหมายติดตลกว่า แทนที่จะเป็นการวิ่งมาราธอนเหมือนคนอื่น แต่ฉันกำลังดูซีรีส์ต่อเนื่องแบบมาราธอนไม่หยุดพักต่างหาก)

29.
If there would be an award for being lazy, I would send someone to pick it up for me.
ถ้ามีรางวัลสำหรับคนขี้เกียจ ฉันจะส่งคนไปรับรางวัลนั้นมาให้กับตัวเอง

30.
A smile is the most beautiful curve on a woman’s body.
รอยยิ้มเป็นส่วนโค้งเว้าที่สวยที่สุดในเรือนร่างของผู้หญิง

31.
Quit trying to fix me, I am not broken.
เลิกพยายามที่จะแก้ไขอะไรในตัวฉันได้แล้ว ฉันยังไม่มีอะไรพังนะ

(สื่อความหมายว่าอย่าพยายามเข้ามาปรับเปลี่ยนตัวของฉัน ทุกอย่างที่เป็นฉันมันไม่ได้มีปัญหาอะไรหรือไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน)

32.
Real queens fix each other’s crowns.
ราชินีตัวจริงจะช่วยซ่อมแซมมงกฎให้กันและกัน

(สื่อความหมายว่าแม้เราจะอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน แต่ผู้หญิงจะมีอำนาจและสง่างามมากขึ้นเมื่อร่วมมือกันทำงาน)

33.
I am not lazy, I am just on save energy mode.
ฉันไม่ได้ขี้เกียจนะ ฉันแค่เก็บแรงไว้เพราะอยู่ในโหมดฉุกเฉินต่างหากล่ะ

34.
Follow your heart, but take your brain with you.
จงทำตามหัวใจ แต่อย่าลืมใช้สมองด้วย

35.
Life isn’t perfect. But my Hair is!
แม้ชีวิตจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ทรงผมของฉันต้องสมบูรณ์แบบเสมอ

36.
Brains are awesome. I wish everybody would have one!
สมองเป็นอวัยวะที่ยอดเยี่ยม ฉันหวังว่าทุกคนน่าจะมีมันไว้นะ

37.
The time to turn the page and close the book.
ถึงเวลาที่ต้องเปิดไปหน้าถัดไป และปิดหนังสือลงได้แล้ว

(Turn the page แปลว่า เปิดหนังสือหน้าใหม่ หมายถึงการเริ่มต้นหรือทำต่อไป ส่วน Close the book แปลว่า หยุดอ่านหรือปิดหนังสือ และยังสื่อความหมายถึงการหยุดทำหรือเลิกทำบางสิ่งบางอย่างด้วย แคปชั่นนี้จึงหมายความมันถึงเวลาที่จะต้องทำสิ่งสุดท้ายนี้และจบเรื่องราวเหล่านี้เสียที)

38.
Flower child, you are about to bloom.
บุปผาชนทั้งหลาย พวกเจ้ากำลังจะบานสะพรั่ง

(Flower child เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มบุปผาชนหรือกลุ่มฮิปปี้ ที่ในยุคสมัยหนึ่งเป็นกลุ่มคนมีชื่อเสียงในการสนับสนุนสันติภาพ ความรัก ความงามและความสงบสุข)

39.
Remember that happiness is a way of travel – not a destination.
จงจำไว้ว่าความสุขคือการเดินทาง ไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง

40.
Self-love is the best love.
รักตัวเองคือรักที่ดีที่สุด

41.
Just because you’re awake doesn’t mean you should stop dreaming.
การที่คุณตื่นอยู่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องหยุดฝัน

42.
Life is like photography, we develop from the negatives.
ชีวิตก็เหมือนกับถ่ายรูป ที่เราต้องพัฒนาจากความผิดพลาด

(สำนวนนี้เล่นกับคำว่า negative และ develop ซึ่งคำว่า Negative หมายถึง ฟิล์มสีที่กลับสีดำเป็นสีขาว หรืออาจจะหมายถึงจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดก็ได้ ส่วนคำว่า develop โดยทั่วไปหมายถึง ปรับปรุงหรือพัฒนา แต่ถ้าพูดถึงการถ่ายรูป จะหมายถึง การล้างรูปหรือล้างฟิล์ม)

43.
Don’t be afraid of your shadow; it’s really just a constant reminder that there’s light all around you.
ไม่ต้องกลัวเงาของตัวเอง เพราะมันคอยเตือนเราอยู่เสมอว่ายังมีแสงสว่างอยู่รอบตัวคุณ

44.
Life isn’t perfect but your outfit can be.
แม้ชีวิตจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เสื้อผ้าที่คุณใส่สามารถทำให้สมบูรณ์แบบได้

45.
Some days you just have to create your own sunshine.
บางครั้งเราต้องสร้างแสงตะวันของตัวเราเอง

(สื่อความหมายว่า การเริ่มทำตามสิ่งที่เคยฝันไว้ว่าจะทำ ยิ่งคุณตระหนักว่าต้องกระตือรือร้นในการสร้างความสุขให้กับตัวเองได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะเพลิดเพลินไปกับความสุขหรือแสงสว่างที่ตัวเองสร้างขึ้นมาได้เร็วขึ้นเท่านั้น)

46.
People will stare. Make it worth their while.
ผู้คนจะจ้องมองมา จงทำให้มันคุ้มค่ากับการจ้องมองของพวกเขา

(เป็นสำนวนที่มาจากวงการแฟชั่น เมื่อเราแต่งตัวออกไปในที่สาธารณะ ใครๆก็เห็นการแต่งตัวของเรา ดังนั้นเราจะต้องมั่นใจ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะมองเราอย่างไร บางครั้งนำมาใช้สื่อความหมายว่า อย่าประหม่าในการตัดสินใจจะทำอะไร จงมั่นใจในตัวเองและความสามารถของตัวเอง)

47.
Whatever is good for your soul, do that.
อะไรที่ดีต่อใจ ก็จงทำมันซะ

(สื่อความหมายว่า ให้ทำอะไรที่ทำให้ตัวเราเองมีความสุข)

48.
I’m not high maintenance, you’re just low effort.
ฉันไม่ได้เรื่องเยอะ แค่คุณมีความพยายามน้อยไปหน่อย

(เป็นสำนวนที่เล่นกับคำว่า high maintenance และ low effort ซึ่งมีหลายความหมาย คำว่า high maintenance แปลว่าต้องบำรุงรักษาอย่างมาก, ต้องดูแลอย่างดี ถ้าหมายถึงคน จะแปลว่า เรื่องมาก เอาแต่ใจ ส่วนคำว่า Low effort แปลว่า ความพยายามน้อย หรือถ้าพูดถึงเครื่องจักรจะหมายถึง กำลังของเครื่องจักรต่ำ)

49.
Life is better when you’re laughing.
ชีวิตจะดีขึ้นเมื่อคุณได้หัวเราะ

50.
Look for the magic in every moment.
จงมองหาความมหัศจรรย์ในทุกๆช่วงเวลา

(สำนวนนี้มาจากคำว่า magic moment หมายถึง ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นหรือกำลังตก ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นที่ท้องฟ้าสวยงามมากที่สุด แต่หากพูดถึงชีวิตคนเรา เราสามารถมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นได้ตลอดเวลา ถ้าเราพยายามมองหามัน)

51.
Vodka may not be the answer but it’s worth a shot.
ว้อดก้าอาจจะไม่ใช่คำตอบ แต่ก็คุ้มค่าที่จะลอง

(การดื่มแอลกอฮอล์อาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่หากได้ดื่มสักกรึ๊บก็คงดี)

52.
You can regret a lot of things but you’ll never regret being kind.
คุณสามารถเสียใจกับอะไรหลายๆสิ่งได้ แต่คุณจะไม่มีวันเสียใจที่ได้เป็นคนใจดี

53.
Don’t trust everything you see, even salt can look like sugar.
อย่าเชื่อในทุกสิ่งที่คุณเห็น เพราะแม้แต่เกลือก็ยังดูเหมือนกับน้ำตาลได้เลย

54.
Everyone has a chapter they don’t read out loud.
ทุกคนจะมีบทละครของตัวเองที่ไม่อ่านออกเสียงมาดังๆ ให้คนอื่นได้ยิน

(สื่อความหมายว่าคนเราทุกคนย่อมมีชีวิตส่วนตัวหรือประสบการณ์ที่ไม่เคยบอกใคร)

55.
Life is tough but so am I.
แม้ชีวิตจะยากเย็น แต่ฉันก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน

(คำว่า tough ในภาษาอังกฤษมีหลายความหมาย ยากเย็น, แข็งแรง, น่ากลัว ฯลฯ)

56.
We rise by lifting others.
เราจะดีขึ้นได้ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น

57.
I want to see what happens if I don’t give up.
ฉันอยากรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าฉันไม่ยอมแพ้

58.
Old ways won’t open new doors.
กุญแจดอกเก่าไม่สามารถเปิดประตูบานใหม่ได้

(สื่อความหมายว่าหากเราใช้วิธีเดิมๆ ก็ไม่เปิดโอกาสให้เกิดสิ่งใหม่ๆ หรือการใช้วิธีเดิมไม่สามารถแก้ปัญหาใหม่ๆได้)

59.
Take the risk or lose the chance.
จะเสี่ยงหรือจะเสียโอกาสนั้นไป

(การจะทำอะไร บางครั้งก็มีความเสี่ยง อาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ได้ แต่ถ้าเราไม่ทำมันก็เท่ากับว่าเราเสียโอกาสที่อาจจะสำเร็จนั้นไปเลย)

60.
I wasn’t made to fall in line.
ฉันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ทำตามกฎหรือทำตามใคร

(Fall in line หมายถึงคนทำตามกฎและประพฤติตนตามมาตรฐานที่สังคมคาดหวังไว้ ดังนั้นคำนี้จึงใช้อธิบายคนที่ไม่ชอบทำตามกฎ หรือไม่ชอบทำตามคนอื่น)

61.
I don’t have dreams I have goals.
ฉันไม่มีความฝันแต่ฉันมีเป้าหมาย

62.
Dream big. Work hard. Stay focused & surround yourself with good people.
ฝันให้ใหญ่ ทำงานให้หนัก จดจ่อตั้งใจและอยู่ท่ามกลางคนดีๆ

63.
I never dreamt of success, I worked for it.
ฉันไม่เคยฝันถึงความสำเร็จ แต่ฉันลงมือทำเพื่อความสำเร็จ

64.
Never plan a future with people who don’t have future plans.
อย่าสร้างอนาคตกับคนที่ไม่วางแผนอนาคต

65.
Never give up on something you can’t go a day without thinking about.
อย่าปล่อยให้สิ่งที่คุณนึกถึงมันอยู่ทุกวันหลุดมือไป

66.
Sometimes you win, sometimes you learn.
บางครั้งคุณชนะ แต่บางครั้งคุณก็ได้เรียนรู้

67.
I didn’t come this far to only come this far.
ฉันไม่ได้มาไกลขนาดนี้เพียงเพื่อมาไกลได้เท่านี้

(สื่อความหมายว่าแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดตัวเองไว้เพียงเท่านี้ จะทำมันต่อไปเพื่อให้สำเร็จหรือดีมากขึ้นไปอีก)

68.
Your opinion will never cut me a check.
ความคิดเห็นของคุณไม่มีค่า

(คำว่า Check เป็นภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน แปลว่า เช็คเงินสดหรือใบเบิกเงิน ประโยคนี้มีความหมายตามตัวอักษรว่า ความคิดเห็นของคุณไม่เคยทำให้ฉันได้เงิน หรือสื่อความหมายว่า ไม่มีค่าอะไรกับฉันเลย)

69.
Don’t call it a dream, call it a plan.
อย่าเรียกมันว่าความฝัน ให้เรียกมันว่าแผนการจะดีกว่า

(คำว่าฝันเหมือนเป็นสิ่งที่คิดไว้ ยังไม่ได้ลงมือทำ แต่คำว่าแผนการมีความหมายเป็นรูปธรรม สามารถลงมือทำได้ทันที)

70.
The comeback is always stronger than the setback.
การกลับมาจะแข็งแกร่งกว่าการยอมแพ้เสมอ

71.
Underestimate me. That’ll be fun.
ดูถูกฉัน สนุกแน่

(หมายความว่าอย่ามาดูถูกฉันนั่นเอง)

72.
Fu*k what others think, do what makes you happy.
ไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขก็พอ

73.
I don’t need your approval, I got mine.
ฉันไม่จำเป็นต้องรอความเห็นชอบจากคุณ เพราะแค่ความเห็นชอบของฉันคนเดียวก็พอแล้ว

74.
A year older, a year bolder.
แก่ขึ้นอีกปี ก็แกร่งขึ้นอีกหนึ่งปี

75.
I heard you’re a player. Nice to meet you, I’m the coach.
ได้ยินว่าคุณคือผู้เล่น (คนเจ้าชู้) ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันเป็นครูฝึก

(คำว่า player มี 2 ความหมาย คือ แปลว่า ”ผู้เล่น” และ “คนเจ้าชู้” แคปชั่นนี้เป็นการเล่นคำที่เขียนและออกเสียงเหมือนกัน แต่มีความหมายต่างกัน มีความหมายว่า หากคุณเป็นคนเจ้าชู้ ฉันก็จะเป็นครูฝึกที่จะมาดัดนิสัยคนเจ้าชู้)

76.
I don’t have an attitude problem, I just have a personality you can’t handle.
ฉันไม่ได้มีปัญหาเรื่องทัศนคติ ฉันแค่มีบุคลิกที่คุณอาจรับมือกับมันไม่ได้

77.
You will never be ready, just start.
คุณจะไม่มีวันพร้อมหรอก เริ่มทำไปเลย

(ไม่ต้องรอให้พร้อมแล้วค่อยลงมือทำ ถ้าอยากทำอะไร ให้ลงมือทำไปเลยจะดีกว่า)

78.
Each day you must choose: The pain of discipline or the pain of regret?
ในแต่ละวันคุณจำเป็นต้องเลือกระหว่าง ความทรมานจากการมีระเบียบวินัยหรือความทรมานจากการเสียใจ

(ความมีระเบียบวินัยอาจบังคับให้คุณทำสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำมากกว่าสิ่งที่คุณอยากทำจริงๆ แต่หากไม่มีวินัย คุณจะต้องเสียใจกับผลที่ตามมา)

79.
If you get tired, learn to rest not quit.
เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย ให้เรียนรู้ที่จะพัก ไม่ใช่เลิกทำ

80.
If you’re tired, then do it tired.
ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย ก็ทำต่อไปแบบเหนื่อยๆ นั่นแหละ

81.
I don’t just survive, I thrive.
ฉันไม่ได้แค่มีชีวิตรอดเท่านั้น แต่ฉันยังเติบโตขึ้นอีกด้วย

82.
Success is not easy and certainly not for the lazy.
ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆ และแน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับคนขี้เกียจอย่างแน่นอน

83.
I’m better than I’ve ever been, better than you’ve ever been.
ฉันดีกว่าเดิมจากที่ฉันเคยเป็น และดีกว่าคนที่คุณเคยเป็นด้วย

84.
Be who you want to be, not what others want to see.
เป็นในแบบที่คุณอยากเป็น ไม่ใช่แบบที่คนอื่นอยากเห็น

85.
A bad attitude is like a flat tire: You can’t go anywhere until you change it.
ทัศนคติที่แย่ๆก็เหมือนกับยางรถยนต์แบนๆ ถ้าคุณไม่เปลี่ยนมัน คุณก็ไปไหนไม่ได้

86.
Warriors aren’t the ones who always win, they’re the ones that always fight.
นักรบไม่ใช่คนที่สู้ชนะทุกครั้ง แต่เป็นคนที่เลือกที่จะสู้ทุกครั้งต่างหาก

87.
If you want to fly, give up everything that weighs you down.
หากคุณอยากจะบิน จงละทิ้งทุกสิ่งที่ถ่วงคุณลงมา

88.
Spend time with those who bring out the best in you, not the stress in you.
จงใช้เวลาคนที่ดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคุณออกมา ไม่ใช่กับคนที่ทำให้คุณเครียด

89.
Be bold enough to design your own life.
จงกล้าที่จะออกแบบชีวิตของตัวคุณเอง

90.
I am not perfect, I am original.
แม้ฉันจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ฉันก็เป็นต้นแบบที่ไม่เหมือนใคร

91.
You only live once. But if you get it right, once is enough.
คุณมีชีวิตอยู่แค่ครั้งเดียว ถ้าใช้มันอย่างถูกต้อง แค่ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว

92.
The ugly selfie you deleted is the real you. Accept it!
ยอมรับซะเถอะว่า รูปเซลฟี่ที่น่าเกลียดที่คุณลบมันไปมันคือตัวจริงของคุณ

93.
May your day be as good as a perfect selfie on the first try.
ขอให้วันนี้ของคุณเป็นวันที่ดีพอๆ กับรูปเซลฟี่สวยสมบูรณ์แบบที่ถ่ายได้ตั้งแต่ครั้งแรก

94.
A good selfie is when you successfully capture the feeling of that very moment!
รูปเซลฟี่ที่ดีคือรูปที่คุณสามารถจับภาพอารมณ์ความรู้สึกของช่วงเวลานั้นได้สำเร็จ

95.
Don’t allow anyone to take the wheel and steer you in their direction because you will never truly be happy.
อย่าปล่อยให้ใครมาบังคับพวงมาลัยและพาคุณไปในทิศทางของพวกเขา เพราะคุณจะไม่มีวันมีความสุขอย่างแท้จริง

(สื่อความหมายว่า อย่าให้ใครมาบังคับเราในเส้นทางของชีวิตที่เราสามารถเลือกเองได้)

96.
Cinderella never asked for a prince.
ซินเดอเรลล่าไม่เคยขอเจ้าชาย

(สำนวนนี้มาจากนิทานเรื่องซินเดอเรลล่าอันโด่งดัง แม้ว่าซินเดอเรลล่าช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ไม่เคยขอร้องให้ผู้ชายคนไหนมาช่วยเธอ หรือไม่เคยขอให้เจ้าชายมาแต่งงานกับเธอ แต่เจ้าชายมาตกหลุมรักเธอเอง เปรียบเทียบกับผู้หญิง ที่ไม่จำเป็นต้องง้อผู้ชาย เราสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แล้วผู้ชายก็จะเห็นความสามารถของเรา และรักเราที่เป็นตัวของเราในที่สุด)

97.
Even the most beautiful women will have at least some insecurity, whether they admit it or not.
แม้แต่ผู้หญิงที่สวยที่สุดก็ยังมีความไม่มั่นใจอยู่บ้าง ไม่ว่าพวกเธอจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม

98.
Hating me doesn’t make you pretty.
การเกลียดฉันก็ไม่ได้ทำให้คุณสวยขึ้นมาหรอก

99.
It doesn’t matter what anyone else thinks of me because I know who I am, and I am damn proud of it.
มันไม่สำคัญหรอกที่ใครจะคิดกับฉันอย่างไร เพราะฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร และฉันก็ภูมิใจในตัวเองมาก

100.
The best mistake to never repeat is to never cry for the same problem twice.
ความผิดพลาดที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้มันซ้ำรอยเดิม คือ การไม่ร้องไห้ให้กับปัญหาเดิมซ้ำกันสองรอบ

60 แคปชั่นภาษาอังกฤษตลก

1.
Honesty is the key to a relationship. If you can fake that, you’re in.
ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ใดความสัมพันธ์หนึ่ง แต่ถ้าเราแสร้งทำเป็นซื่อสัตย์ได้ เราก็มีความสัมพันธ์นั้นได้เหมือนกัน

2.
I’m a math teacher. One plus two equals me and you
ผมเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ หนึ่งบวกสองเท่ากับผมและคุณ

3.
Why fall in love when you can fall asleep?
จะตกหลุมรักไปทำไม เมื่อเรานอนหลับได้?

(เป็นสำนวนที่เล่นกับคำว่า fall in love ที่แปลว่า “ตกหลุมรัก” และ fall asleep ที่หมายถึง “นอนหลับ” ดังนั้นแคปชั่นนี้จึงสื่อความหมายว่า จะตกหลุมรักไปเพื่ออะไร ในเมื่อเรายังนอนหลับได้อยู่ การนอนดีกว่าการตกหลุมรักเสียอีก)

4.
A friend in need is a friend to be avoided.
เพื่อนในยามยากคือเพื่อนที่เราต้องหลีกเลี่ยง

(เป็นแคปชั่นที่ล้อเลียนสำนวน A friend in need is a friend indeed. ที่มีความหมายว่า เพื่อนแท้คือเพื่อนที่สามารถช่วยเราได้ในยามยาก)

5.
Do you know what’d look good on you? Me.
รู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้คุณดูดี? ก็ฉันยังไงล่ะ!

6.
With a great girlfriend comes great expenses.
แฟนที่แสนดีมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่แสนแพง

(เป็นสำนวนที่เล่นกับคำว่า great ที่แปลว่า ยอดเยี่ยม, มาก หรือยิ่งใหญ่)

7.
Got a new phone today, my old phone failed the swimming test.
วันนี้ได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ละ เพราะเครื่องเก่าไม่ผ่านการทดสอบว่ายน้ำ

(แคปชั่นนี้สื่อความหมายว่าโทรศัพท์เครื่องเก่าเสียเพราะตกน้ำ)

8.
Just saw the smartest person when I was in front of the mirror.
เพิ่งจะเห็นคนที่ฉลาดที่สุดก็ตอนที่อยู่หน้ากระจก

9.
It’s funny how people judge others’ mistakes while they also do the same thing.
มันตลกดีนะที่คนเราชอบตัดสินความผิดพลาดของคนอื่นในขณะที่พวกเขาเองก็ทำเหมือนกัน

10.
Can I take your picture? I love to collect pictures of natural disasters.
ขอถ่ายรูปเธอหน่อยได้ไหม? ฉันชอบเก็บภาพภัยธรรมชาติ

11.
Cousins are created so that our Parents can compare marks.
ลูกพี่ลูกน้องถูกสร้างมาให้พ่อแม่คอยเปรียบเทียบคะแนนกัน

12.
I hate math, but I love counting money.
ถึงฉันจะเกลียดวิชาเลข แต่ฉันก็ชอบนับเงิน

13.
Dear sleep: thanks for trying, but you can’t beat surfing the net.
เรียนการนอนหลับที่เคารพ ขอบคุณสำหรับความพยายามจะทำให้ฉันง่วง แต่คุณก็ยังเอาชนะการเล่นอินเทอร์เน็ตไม่ได้

14.
If we’re not meant to have midnight snacks, why is there a light in the fridge?
ถ้าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อกินขนมตอนดึกๆ แล้วตู้เย็นจะมีหลอดไฟไว้ในตู้ทำไมล่ะ

15.
I eat cake because it’s somebody’s birthday somewhere.
ฉันกินเค้กเพราะเป็นวันเกิดของใครบางคนที่อยู่ที่ไหนสักแห่ง

16.
You laugh. I laugh. You cry. I cry. You jump off a tall cliff. I yell, “Do a flip!”
หากคุณหัวเราะ ฉันก็หัวเราะด้วย หากคุณร้องไห้ ฉันก็ร้องไห้ด้วย หากคุณกระโดดจากหน้าผาสูง ฉันจะตะโกนไปบอกว่า “ตีลังกาด้วยยยย!”

(สำนวน jump off a cliff หมายถึง พยายามทำอะไรโดยที่ไม่ต้องรอให้พร้อมก่อน, ลุยไปเลย)

17.
I hope you dance like no one’s watching because they’re not—they’re taking selfies.
หวังว่าคุณจะเต้นให้เหมือนกับว่าไม่มีใครดูอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดูอยู่แล้วล่ะ เพราะพวกเขากำลังเซลฟี่!

(แคปชั่นนี้ล้อเลียนสำนวนที่กล่าวว่า Dance like nobody’s watching หมายถึง จงเต้นให้เหมือนกับไม่มีใครมองอยู่ เมื่อไม่มีใครมอง เราก็จะเต้นได้เป็นธรรมชาติ ไม่เขินอายและเต้นอย่างที่เราอยากจะเต้นจริงๆ)

18.
People are like Oreos. The good stuff is on the inside.
คนเราก็เหมือนกับโอรีโอ้ เพราะสิ่งดีๆมันมักจะซ่อนอยู่ข้างใน

19.
I don’t know what’s tighter, our jeans or our friendship.
ฉันไม่รู้ว่าอะไรมันแน่นกว่ากัน ระหว่างกางเกงยีนส์กับมิตรภาพของพวกเรา

20.
We’ll be the old ladies causing trouble in the nursing home.
พวกเราจะเป็นหญิงแก่ที่ไปสร้างปัญหาให้บ้านพักคนชราด้วยกันนะ

21.
The best way to look younger, hang out with older people.
วิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ตัวเองดูเด็กลง คือ ไปเที่ยวกับคนที่แก่กว่า

22.
I am not fat, I am just easier to see.
ฉันไม่ได้อ้วนหรอกนะ แค่มองเห็นง่ายกว่าเท่านั้นเอง

23.
I am not feeling lazy actually; I am just incredibly motivated to do nothing.
จริงๆแล้วฉันไม่ได้ขี้เกียจนะ ฉันแค่มีแรงบันดาลใจในการอยู่ว่างๆ เท่านั้น

24.
I am not lazy, I am just in my energy-saving mode.
ฉันไม่ได้ขี้เกียจหรอก ฉันแค่อยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน

25.
I followed a diet but it didn’t follow me back, so I unfollowed it.
ฉันควบคุมอาหารอยู่ แต่มันไม่ยอมติดตามฉันกลับ ฉันเลยเลิกติดตามมันแล้ว

(เป็นแคปชั่นที่เล่นกับคำว่า follow ที่แปลว่า กดติดตามในโซเชียลมีเดีย และ follow a diet ที่แปลว่าควบคุมอาหาร โดยทั่วไปการกดติดตามใคร โดยเฉพาะเพื่อนหรือคนรู้จัก อีกฝ่ายมักจะกดติดตามเรากลับมาด้วย สำนวนนี้จึงสื่อความหมายว่าเขาเลิกลดนำ้หนัก หรือ unfollow มันไปแล้ว โดยให้เหตุผลติดตลกว่าพยายามควบคุมอาหาร หรือ follow a diet แล้วแต่มันไม่ยอมกดติดตามกลับมา)

26.
I hate when I am about to hug someone sexy and my face hits the mirror.
ฉันเบื่อเวลาที่กำลังจะเข้าไปกอดคนเซ็กซี่คนนึงแล้วหน้าฉันดันไปชนกับกระจกเสียก่อน

(แคปชั่นนี้สื่อความหมายว่า ฉันเป็นคนเซ็กซี่คนนั้นนั่นเอง)

27.
Forget love, I’d rather fall in chocolate.
ลืมความรักไปซะเถอะ ฉันชอบช็อคโกแลตมากกว่า

(แคปชั่นนี้ล้อกับคำว่า Fall in love ที่แปลว่า “ตกหลุมรัก” แต่เปลี่ยนมาเป็น fall in chocolate แทน)

28.
An apple a day keeps the doctor away, but if the doctor is cute, forget the fruit.
กินผลไม้วันละลูกทำให้สุขภาพดี แต่ถ้าหมอน่ารัก ลืมผลไม้ไปก่อนก็ได้

(เป็นแคปชั่นที่ล้อสำนวน An apple a day keeps the doctor away หากแปลตามตัวอักษรจะหมายถึง กินแอ๊ปเปิ้ลวันละลูก จะห่างไกลจากหมอ สื่อความหมายว่า กินผลไม้วันละลูกสุขภาพจะดี ไม่ต้องไปหาหมอ)

29.
Be a pineapple: stand tall, wear a crown, and be sweet on the inside.
จงทำตัวให้เหมือนกับสัปปะรด ยืนยืดอกอย่างมั่นใจ ใส่มงกุฎอย่างสง่างาม และอ่อนหวานจากภายใน

30.
I’m not funny, I am just mean and people think I’m funny!
จริงๆแล้วฉันไม่ได้เป็นคนตลกนะ ฉันแค่หยาบคายแต่คนกลับคิดว่าฉันตลก!

31.
Life is not a fairy tale. If you lose your shoe at midnight, you’re probably drunk.
ชีวิตไม่ใช่เทพนิยาย หากคุณทำรองเท้าหายตอนเที่ยงคืน แสดงว่า…คุณเมา!

(เป็นแคปชั่นที่ยกเทพนิยายชื่อดังเรื่อง “ซินเดอเรลลา” มาล้อ แต่ในนิยายซินเดอเรลลาไปงานเลี้ยงเต้นรำแล้วทำรองเท้าหล่นไว้ เจ้าชายจึงออกตามหาเจ้าของรองเท้าคู่นั้น)

32.
I made a huge list for today. I just can’t figure out who’s going to do it.
วันนี้ฉันเขียนรายการที่ต้องทำไว้เยอะมากๆ แต่แค่ไม่รู้ว่าใครจะทำมัน

33.
Life doesn’t have any hands, but it can sure slap you sometimes.
ถึงชีวิตมันจะไม่มีสักมือ แต่บางครั้งมันก็ตบคุณได้เหมือนกัน

(เป็นแคปชั่นที่เล่นกับสำนวน Lifes slap you in the face แปลว่า ชีวิตตบหน้าคุณ หรือหมายถึง ชีวิตที่ต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ)

34.
An apple a day keeps anyone away if you throw it hard enough.
แอ๊ปเปิ้ลวันละลูกสามารถกันใครให้ไปไกลๆได้ ถ้าเราขว้างมันแรงมากพอ

(เป็นอีกแคปชั่นที่ล้อกับสำนวน An apple a day keeps the doctor away มีความหมายว่า กินผลไม้วันละลูกแล้วจะมีสุขภาพดี)

35.
I’m a smart person, I just do stupid things.
จริงแล้วฉันเป็นคนฉลาดนะ ฉันแค่ชอบทำแต่เรื่องโง่ๆ

36.
The more you weigh, the harder you are to kidnap. Stay safe eat cake.
ยิ่งคุณน้ำหนักขึ้นมากเท่าไหร่ ก็ลักพาตัวคุณยากมากขึ้นเท่านั้น อยากอยู่อย่างปลอดภัยก็จงกินเค้กต่อไป

37.
During the day I didn’t believe in ghosts. At night I become a bit more open-minded.
ตอนกลางวันฉันไม่เชื่อเรื่องผี แต่ตอนกลางคืนฉันเริ่มยอมรับฟังความเห็นที่แตกต่างขึ้นมาหน่อยนึง

38.
Sometimes I wish I was a bird. So I could fly over certain people and shit on their heads.
บางครั้งฉันก็อยากเป็นนก ฉันจะได้บินข้ามหัวบางคนแล้วอึใส่บนหัวพวกเขา

(แคปชั่นนี้เล่นกับแสลงภาษาอังกฤษว่า shit on your head ที่หมายถึง มีใครบางคนทำผิดหรือทำให้คุณโกรธ หรือทำเรื่องตลกๆ แต่ในแคปชั่นนี้ใช้คำว่า shit ที่แปลว่า อุจาระหรืออึแทน)

39.
Cinderella is proof that a new pair of shoes can change your life.
ซินเดอเรลลาได้พิสูจน์แล้วว่ารองเท้าคู่ใหม่สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้

40.
I may look calm, but in my mind, I have killed you three times.
ฉันอาจจะดูนิ่งๆ แต่ในใจฉัน ฉันฆ่าคุณไปแล้วสามรอบ

41.
Maybe if we tell people the brain is an app, they’ll start using it.
บางทีถ้าเราบอกใครว่าสมองคือแอพพลิเคชั่น พวกเขาอาจจะเริ่มใช้มันนะ

(เป็นแคปชั่นที่ล้อเลียนคนในยุคปัจจุบันที่ติดมือถือ ชอบเล่นแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ แต่กลับไม่ค่อยฉลาด)

42.
I tried to embrace my inner child today and the little asshole bit me.
ฉันพยายามจะโอบกอดความเป็นเด็กน้อยที่อยู่ในตัวเอง แต่เจ้างั่งตัวจิ๋วนั่นมันดันมากัดฉัน

(แนวคิดเรื่อง inner child มาจากการศึกษาที่พบว่า ด้วยความจำเป็นหลายอย่างทำให้หลายคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว และยังคงเป็นเด็กน้อยในร่างของผู้ใหญ่ ทำให้การจัดการอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆนั้นมีปัญหา การค้นหา, ยอมรับและโอบกอดเด็กน้อยในตัวเรา จึงเป็นแนวทางที่จะช่วยให้ผู้ใหญ่อย่างเราเป็นตัวเองตามอายุที่แท้จริง)

43.
Don’t worry about getting older. You still get to do stupid things, only slower.
ไม่ต้องกลัวที่จะแก่ เพราะคุณยังทำแต่เรื่องโง่ๆอยู่ดีนั่นแหล่ะ แค่ช้าลงเท่านั้น

44.
My life is a constant battle between my love for food and not wanting to get fat.
ชีวิตของฉันคือการต่อสู้ระหว่างความรักในอาหารกับความไม่อยากอ้วน

45.
Run like you stole something.
วิ่งให้เหมือนกับคุณขโมยอะไรมา

46.
On Mercury, a day lasts 1,408 hours. Just like Monday does on Earth.
บนดาวพุธ หนึ่งวันยาวนานถึง 1,408 ชั่วโมง เหมือนกับวันจันทร์บนดาวโลกเป๊ะเลย

47.
Dear life, when I said, “Can my day get any worse?” it was a rhetorical question, not a challenge.
ถึงชีวิตที่รัก เมื่อฉันพูดว่า “วันของฉันจะแย่ได้กว่านี้อีกไหม” มันเป็นแค่คำถามเชิงโวหารที่ฉันพูดไปอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องท้าทายกันสักหน่อย

48.
Of course, I talk to myself. Sometimes I need expert advice.
แน่นอนสิ ฉันพูดกับตัวเอง เพราะฉันจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญบ้าง

49.
This life is hard, but it’s harder if you’re stupid.
ชีวิตนี้มันช่างยากเย็น แต่มันจะยากขึ้นไปอีกถ้าคุณยังโง่อีกด้วย

50.
Are you living a life or just paying the bills until you die?
คุณกำลังใช้ชีวิตหรือคุณต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต ค่าจิปาถะทุกอย่างไปจนวันตาย

51.
If Cinderella’s shoe fit perfectly, why did it fall off in the first place?
ถ้ารองเท้าของซินเดอเรลลามันใส่พอดี แล้วทำไมตอนแรกมันถึงหลุดจากเท้าได้

(ในนิยาย ซินเดอเรลลาทำรองเท้าแก้วหลุดและตกไว้ จนเจ้าชายต้องออกตามหาผู้หญิงที่สวมรองเท้านั้นได้พอดี ซึ่งก็คือซินเดอเรลลานั่นเอง)

52.
I stopped fighting my inner demons. We’re on the same side now.
ฉันหยุดที่จะสู้รบปรบมือกับปิศาจร้ายในตัวเอง เพราะตอนนี้เราอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้ว

53.
Sometimes I have to tell myself it’s not worth the jail time.
บางครั้งฉันต้องบอกกับตัวเองว่ามันไม่คุ้มหรอกที่จะติดคุก

54.
Common sense is like deodorant. The people who need it most never use it!
สามัญสำนึกมันก็เหมือนกับนำ้ยาดับกลิ่น คนที่จำเป็นต้องใช้มากที่สุด ไม่เคยได้ใช้มัน

55.
Can we just skip to the part of my life where I travel the world?
ฉันขอข้ามไปช่วงเวลาของชีวิตที่ฉันได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลกเลยได้ไหม?

56.
I think something’s missing in my life. Like 2-3 million dollars.
ฉันว่ามีอะไรบางอย่างในชีวิตฉันที่หายไป น่าจะเป็นเงินประมาณ 2-3 ล้านดอลลาร์นะ

57.
What if I told you, you can eat without posting it on Instagram.
ถ้าเกิดฉันบอกอะไรกับคุณได้ ฉันจะบอกว่า คุณสามารถกินอาหารได้โดยไม่ต้องโพสลงอินสตาแกรม

58.
Even I don’t believe myself when I say I’ll be ready in five minutes.
แม้แต่ฉันก็ยังไม่เชื่อตัวเองเลย เวลาที่ตัวเองบอกว่าจะพร้อมภายในห้านาที

59.
I don’t think inside the box. I don’t think outside the box either. I don’t even know where the box is.
ฉันไม่คิดอะไรในกรอบ และฉันก็ไม่คิดอะไรนอกกรอบด้วย ฉันไม่รู้แม้แต่กรอบนั่นมันอยู่ตรงไหน!

(แคปชั่นนี้เล่นกับสำนวนภาษาอังกฤษที่บอกว่า Thinking inside the box หมายถึง แนวคิดในการจัดการบางเรื่องจากภายในกรอบ มีการวางแผนที่ชัดเจน และสำนวน Thinking outside the box หมายถึง การคิดนอกกรอบหรือคิดให้แตกต่างจากเดิม)

60.
You can’t make everybody happy. You are not a jar of Nutella.
คุณไม่สามารถทำให้ทุกคนมีความสุขได้ เพราะคุณไม่ใช่นูเทลล่า

(Nutella คือ ช็อคโกแลตถั่วเฮเซลนัตยอดนิยมจากประเทศอิตาลี มีรสชาติอร่อยที่ทำให้ใครๆก็ติดใจ)

50 แคปชั่นภาษาอังกฤษเกี่ยวกับความรัก

1.
By the way, I’m wearing the smile you gave me.
จะบอกอะไรให้นะ ฉันน่ะใส่รอยยิ้มที่คุณเคยยิ้มให้ฉันอยู่นะ

(คำว่า wearing แปลว่าสวมใส่ ประโยคแคปชั่นนี้ต้องการบอกว่า รอยยิ้มของคุณเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอยิ้มได้แบบนี้ หรือคุณเป็นคนที่ทำให้เธอยิ้มได้นั่นเอง)

2.
Trust me, you are the best thing that ever happened to me. 
เชื่อฉันเถอะ คุณเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน

3.
You stole my heart so I’m gonna steal your surname. 
เธอขโมยหัวใจของฉัน ดังนั้นฉันจะขโมยนามสกุลของเธอละกัน

4.
When trust stumbles, love falls off the cliff.
เมื่อความเชื่อใจมันสะดุด ความรักก็ตกลงมาจากหน้าผา

(Fall off the cliff เป็นสำนวนที่มีความหมายว่า ความสำเร็จหรือความนิยมลดลงอย่างรวดเร็ว, ปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว แคปชั่นนี้จึงสื่อความหมายว่า เมื่อมีสิ่งใดมาทำลายความเชื่อใจ ความรักก็ลดน้อยลงไปอย่างรวดเร็ว)

5.
Why chase you when I’m the catch.
ทำไมฉันจะต้องไล่ตามคุณในเมื่อฉันก็มีดีเหมือนกัน

(I’m the catch หมายถึง ผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีคุณสมบัติในการเป็นแฟนที่ดี เช่น หน้าตาดี หรือหาเงินได้มาก)

6.
And it’s all fun and games until somebody falls in love.
มันคงเป็นแค่เรื่องขำๆ หรือแค่ความสนุกจนกระทั่งใครคนหนึ่งเริ่มรู้สึกรักขึ้นมาจริงๆ

7.
I don’t tell you I love you out of habit but as a reminder of how much you mean to me.
ฉันไม่ได้บอกรักคุณเพราะความเคยชินแต่บอกเพื่อเตือนให้รู้ว่าคุณมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน

8.
Life is better when you’re laughing. You’re the king, baby I’m your queen.
ชีวิตมันดีขึ้นเมื่อคุณหัวเราะ คุณคือพระราชานะที่รัก ส่วนฉันจะเป็นราชินีให้คุณเอง

9.
True love is like a pair of socks you gotta have two and they’ve gotta match.
รักแท้ก็เหมือนถุงเท้าคู่หนึ่ง ที่คุณต้องมีสองข้างและสองข้างนั้นมันต้องเข้าคู่กัน

10.
Falling in love is only half of what I want. Staying in love with you forever is the other.
ตกหลุมรักเป็นเพียงครึ่งหนึ่งที่ฉันต้องการ การรักคุณตลอดไปนั้นจะเป็นอีกครึ่งที่เหลือ

11.
I will always love you, no matter what happens.
ฉันจะรักคุณเสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

12.
Your hand fits in mine like it’s made just for me.
มือของคุณมันช่างพอดีกับมือของฉัน เหมือนมันสร้างขึ้นมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ

13.
I love you because you’re awesome just like me!
ฉันรักคุณเพราะคุณเป็นคนที่สุดยอดเหมือนกับฉันเลย

(คำว่า awesome สามารถแปลว่า ดีเลิศ, ยอดเยี่ยม หรือบางครั้งแปลว่า น่ายำเกรงก็ได้ ความหมายของแคปชั่นนี้ ฉันรักคุณเพราะคุณเป็นคนประเภทเดียวกันกับฉันนั่นเอง)

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita