เพชรสังฆาตรักษาริดสีดวงได้จริงไหม

นอกจากจะช่วยให้ริดสีดวงบรรเทาและหายได้ง่าย ๆ แล้ว ยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ จึงช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการท้องผูกได้ มีสรรพคุณทางยา รักษาโรคกระดูกบาง ข้อเข่าเสื่อม เสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการจุดเสียดแน่น และท้องอืดท้องเฟ้อ

ปัจจุบันยังมีข้อมูลงานวิจัยว่า เพชรสังฆาตช่วยลดน้ำหนักได้  โดยในต่างประเทศมีการนำทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสร้ามมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นผลดีสำหรับผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน การศึกษาทดลองในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน โดยใช้เพชรสังฆาตมือละ 150 ม,ก.ก่อนอาหาร 2 มื้อเป็นเวลา 10 สัปดาห์ โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนการกินและการออกกำลังกาย พบว่า

น้ำหนักลดลง 8.8% ไขมันในร่างกายลดลง 14.6% เส้นรอบเอวลดลง 8.6% และยังมีผลลดระดับคอเลสเตอรอล 26.69% ไขมันตัวร้าย LDL 20.16% และระดับน้ำตาลในเลือด ได้ 20.16% 

ผลในการลดน้ำหนัก มาจาก เพชรสังฆาตมีเส้นใย ทำให้ลดเนื้อที่ของกระเพาะอาหาร ช่วยให้อิ่มเร็ว

มีผลยับยั้งเอนไซม์ที่ย่อยแป้ง น้ำตาลและไขมัน ทำให้ลดการดูดซึมอาหาร

เพิ่มระดับซีโรโทนนิน ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม และลดสารอักเสบ ของผู้ที่มีภาวะ metabolic syndrome

ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แนะนำให้ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายร่วมด้วยเสมอ ลดการทานจุกจิก ลดเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาล และให้เพชรสังฆาตเป็นตัวช่วยเสริม

* ควบคุมน้ำหนัก 2 แคปซูลก่อนอาหารเช้า เย็น ต่อเนื่อง ได้ 3 เดือน พัก 1 เดือน

* รักษาริดสีดวงทวาร 3 แคปซูล วันละ 3 ครั้งหลังอาหาร (หากทานแล้วระบายมากเกิน)สามารถลดขนาดการทานลงได้

* รักษาข้อเข่าเสื่อม หรือ บำรุงกระดูก ครั้งละ 2 แคปซูล หลังอาหาร 1-3 มื้อ

เครดิตข้อมูลจากเพจสมุนไพรอภัยภูเบศร

สนใจสั่งซื้อ click ที่ link

//www.abhaiherb.net/product/12/%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%9B%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%B2%E0%B8%95-400-%E0%B8%A1%E0%B8%81-70-%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%9B%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%A5-%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A8%E0%B8%A3-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B5

โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) คือโรคที่เกิดจากเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักเกิดการโป่งพอง   มีลักษณะเป็นหัว ซึ่งริดสีดวงทวารสามารถเกิดพร้อมกันได้หลายแห่ง โดยระดับความรุนแรงของริดสีดวงทวาร สามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับ     

  1. ริดสีดวงมีขนาดเล็ก ไม่สามารถมองเห็นได้        
  2. ริดสีดวงเริ่มมีขนาดใหญ่และยื่นออกมาเมื่อมีการเบ่งหรือถ่ายอุจจาระ  แต่สามารถหดกลับ เข้าไปด้านในได้เอง                  
  3. ริดสีดวงยื่นออกมาจากช่องทวารหนักเมื่อมีการเบ่งหรือขับถ่าย ไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง ต้องใช้นิ้วมือดันเข้าไป
  4. ริดสีดวงยื่นออกมาจากทวารหนักอย่างถาวร ไม่สามารถดันกลับเข้าไปด้านในได้ โดยอาการที่พบ ได้แก่                              1. เลือดออกขณะถ่ายอุจจาระ     

          2. คัน และปวดบริเวณทวารหนัก

                             3. พบก้อน หรือติ่งเนื้อบริเวณทวารหนัก

โดยมากการรักษาภาวะริดสีดวงทวารแนะนำให้

1. ใช้ยาเหน็บทวาร และครีมทาบริเวณทวาร เพื่อลดการอักเสบ และระคายเคือง

2. กินยาในกลุ่มแก้ปวดและยาทา เพื่อบรรเทาอาการปวด และคัน

3. กินยาที่มีส่วนผสมของ Diosmin และHesperidin เพื่อลดการอักเสบของหลอดเลือดดำ

นอกจากนี้ตามบัญชียาหลักแห่งชาติได้กล่าวว่าสมุนไพรไทย เพชรสังฆาต สามารถบรรเทาอาการริดสีดวงได้ โดยสารสกัดเพชรสังฆาตมีฤทธิ์กระตุ้นหลอดเลือดดำ ให้มีความตึงตัวเพิ่มขึ้น สามารถลดอาการปวดและทำให้หลอดเลือดดำแข็งแรงขึ้นได้

เพชรสังฆาตเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งที่ถูกถามเข้ามาบ่อย โดยเฉพาะประเด็นรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้รักษาริดสีดวงทวารหนัก ทางเราจึงได้เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดไว้ที่นี่แล้ว ในทุกปัญหาที่เคยถามเข้ามาเกี่ยวกับเพชรสังฆาต

  1. สรรพคุณของเพชรสังฆาต รักษาอะไรได้บ้าง

รักษาริดสีดวง (วิจัยพบว่าประสิทธิภาพไม่ต่างกับยารักษาแผนปัจจุบัน (Daflon) แต่ราคาถูกกว่า) และยังดีในริดสีดวงที่มีการปวดและอักเสบ เพราะเพชรสังฆาตสามารถลดอักเสบ ลดปวดได้ และยังทำให้หลอดเลือดแข็งแรง จากสารฟลาโวนอยด์ที่พบในเพชรสังฆาต ปัจจุบันใช้เป็นยารักษาหลัก ในผู้ป่วยริดสีดวงทวารหนักที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

– บำรุงกระดูก ใช้แพร่หลายในหมอพื้นบ้านและหมออายุรเวท

– เพิ่มมวลกระดูก

– สมานกระดูกที่หัก โดยกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูก และลดอาการบวมและอักเสบได้

  1. ทำไมเพชรสังฆาต ถึงช่วยเรื่องบำรุงกระดูกได้ล่ะ

ในระบบของกระดูก มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าเพชรสังฆาตช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก จากการที่มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูกให้เพิ่มขึ้น และเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในเซลล์สร้างกระดูก และยังป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกในหนูทดลองที่ถูกตัดรังไข่ เพื่อจำลองให้เกิดสภาวะเหมือนหญิงวัยทอง โดยมีผลเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน คือ raloxifene โดยน่าจะเป็นผลจากการที่ในเพชรสังฆาตพบสารกลุ่มไฟโตเอสโตรเจนมาก เนื่องจากในหนูที่ได้รับเพชรสังฆาต พบการเพิ่มขึ้นของระดับเอสโตรเจน และวิตามินดีในเลือด ข้อดีของเพชรสังฆาต เมื่อเปรียบเทียบกับการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน พบว่าเพชรสังฆาตให้ผลดีทั้งในเรื่องของความหนา ความแข็งแรง และความหนาแน่นมวลกระดูก ขณะที่เอสโตรเจนจะไม่มีผลในเรื่องความหนาแน่นของมวลกระดูก เพชรสังฆาตยังมีฤทธิ์ลดอาการปวดได้อีกด้วย

  1. เหมือนแคลเซียมรึป่าว กินแคลเซียมอยู่แล้ว

จากข้อสองจะเห็นได้ว่า เพชรสังฆาตไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนแคลเซียม ซึ่งแคลเซียมเป็นแร่ธาตุตัวหนึ่ง ดังนั้น สามารถกินเพชรสังฆาตร่วมกับแคลเซียมได้

  1. ขนาดยา ใช้อย่างไร

– กินเพื่อรักษาริดสีดวงทวาร กินครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร หากขนาดที่แนะนำกินแล้วระบายมากเกิน ให้ลดขนาดการกินลงมาค่ะ เนื่องจากมีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ

– กินเพื่อรักษาข้อเข่าเสื่อม หรือบำรุงกระดูก กินครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 1-3 มื้อ หลังอาหาร

  1. หากมีต้นสดปลูกอยู่ที่บ้านทำอย่างไร

– หั่นตากแห้ง บดเป็นผง คลุกน้ำมะขามเปียก ปั้นเป็นลูกกลอน กินครั้งละ 5 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร

– เถาแห้ง 1 กำมือ แช่น้ำมะขามเปียกเพื่อลดแคลเซียมออกซาเลตก่อนนำมาต้ม ต้มดื่มกับน้ำ 1 ลิตร ดื่มครั้งละ 1 แก้วกาแฟ เช้า เย็น

– ใช้เถาสด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นยัดใส่ในกล้วยน้ำว้าสุก กลืนทั้งคำลงไปเลย ไม่ต้องเคี้ยว

– ใช้เถาเพชรสังฆาตโขลกจนแหลกและเนียน พอกกระดูกที่หัก

  1. กินกี่เดือนเห็นผล กินได้นานเท่าไร

สามารถกินได้จนกว่าอาการจะดีขึ้น ส่วนใหญ่กินต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือนสำหรับการรักษาริดสีดวงทวาร และกินต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือนสำหรับรักษาอาการกระดูกพรุน เสื่อม แตกหัก หากกินเพื่อบำรุงกระดูก อาจกิน 3 เดือน พัก 1 เดือน

  1. ผลข้างเคียงจากการกินเพชรสังฆาต หรือข้อควรระวัง

– ไม่เคี้ยวสด เพราะจะระคายปาก คันคอ เนื่องจากมีผลึกแคลเซียมออกซาเลตเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

– ยังไม่มีข้อมูลการใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ เพื่อความปลอดภัย

– ไม่กัดกระเพาะ (มีข้อมูลว่ารักษากระเพาะได้อีกด้วย โดยออกฤทธิ์ลดการหลั่งกรด และรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ ด้วยกลไกเดียวกันกับยา omeprazole) แต่อาจเกิดอาการไซ้ท้อง ไม่สบายท้องได้ หากกินตอนท้องว่าง จึงแนะนำให้กินหลังอาหาร

– อาจทำให้ช่วยระบายได้เล็กน้อย หากระบายมากไป ให้ลดขนาดการกินลง และฤทธิ์ระบายของเพชรสังฆาต เป็นฤทธิ์อ่อนๆ ไม่ได้ทำให้ติดยาระบาย หยุดกินแล้วไม่ได้ทำให้ท้องผูก

– บางรายกินแล้วแพ้ มีอาการคันยุบยิบๆ ทั้งตัว แต่ไม่มีผื่น ซึ่งพบคนแพ้น้อยมาก หากแพ้ควรหยุดกิน

  1. เพชรสังฆาตลดน้ำหนัก ได้ด้วยหรือ

ผลดีของเพชรสังฆาตในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน มีการศึกษาหนึ่งทดลองในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน โดยคัดคนที่มีดัชนีมวลกาย หรือ BMI มากกว่า 26 กิโลกรัม/ตารางเมตร ให้กินเพชรสังฆาตรมื้อละ 150 มิลลิกรัม ก่อนอาหาร วันละ 2 มื้อ เป็นเวลา 10 สัปดาห์ โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนการกินและการออกกำลังกาย พบว่าน้ำหนักลดลง 8.8% (จากเดิมน้ำหนักเฉลี่ยของผู้ทดลองก่อนกินเพชรสังฆาต 98.92 กิโลกรัม ลดเหลือ 90.19 กิโลกรัม) ไขมันในร่างกายลด 14.6% เส้นรอบเอวลดลง 8.6% (จากเดิมเส้นรอบเอวเฉลี่ยของผู้ทดลองก่อนกินเพชรสังฆาต 40 นิ้ว ลดเหลือ 36 นิ้ว) และยังมีผลลดระดับคอเลสเตอรอล ไขมันตัวร้าย LDL และระดับน้ำตาลในเลือด ได้ 26.69%, 20.16% และ 14.85% ตามลำดับ

ซึ่งผลในการลดน้ำหนักของเพชรสังฆาต มาจากการที่เพชรสังฆาตมีเส้นใย ทำให้ลดเนื้อที่ของกระเพาะอาหาร ทำให้อิ่มเร็วขึ้น และมีผลยับยั้งเอนไซม์ที่ย่อยแป้ง น้ำตาล และไขมัน (alpha amylase, glucosidase and lipase) ทำให้ลดการดูดซึมอาหาร และยังมีผลเพิ่มระดับซีโรโทนนิน ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม ช่วยลดสารอักเสบ คือ C-reactive protein ที่พบในเลือดของผู้ที่มีภาวะ metabolic syndrome (กลุ่มความผิดปกติที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งพบร่วมกันได้บ่อย ความผิดปกติดังกล่าว ได้แก่ ความผิดปกติของไขมันในเลือด ความดันโลหิต ระดับน้ำตาล) ซึ่งผลดีของเพชรสังฆาตดังกล่าว น่าจะมีประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหา metabolic syndrome

สำหรับผู้ที่อยากคุมน้ำหนัก ยังคงแนะนำว่าต้องคุมอาหารเป็นหลัก โดยอาจกินเพชรสังฆาตรวันละ 1-2 แคปซูล หลังอาหารเช้า ต่อเนื่องสัก 10 สัปดาห์ ร่วมกับการคุมอาหาร

ในงานวิจัยให้กินก่อนอาหาร แต่บางรายที่กินอาจเกิดอาการไม่สบายท้อง จึงแนะนำให้กินหลังอาหารค่ะ ทั้งนี้ แล้วแต่คนด้วยค่ะ ถ้ากินก่อนอาหารได้ ก็กินได้นะคะ ยาไม่ได้กัดกระเพาะ แต่อาจไซ้ท้อง ทำให้ไม่สบายท้อง

  1. ข้อเสนอแนะ

ควรดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ควรปล่อยให้ท้องผูก หรือเบ่งอุจจาระ เนื่องจากอาจทำให้อาการ หรือโรคริดสีดวงทวารหนักกำเริบได้ เช่น กินผักเยอะๆ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้

  1. คำถามอื่นๆ

– ช่วยเรื่องท้องผูกได้ไหม ตอบว่า ได้ มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ

– รักษาริดสีดวงโดยใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้

– เพชรสังฆาตของอภัยภูเบศร มีความแรง 400 มิลลิกรัม ประกอบด้วยผงเพชรสังฆาต 250 มิลลิกรัม และตัวยาอื่นๆ 120 มิลลิกรัม บรรจุ 70 แคปซูล/กระปุก 140 บาท

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita