อีกหนึ่งธุรกิจ อย่าง ซัก อบ รีด ที่ตอบโจทย์ในยุคที่มีแต่ความเร่งรีบ จนคนยุคใหม่ไม่มีเวลาที่จะมา ซักผ้า รีดผ้า เอง และหันมาใช้บริการร้านซักรีดซะเป็นส่วนใหญ่ และเชื่อว่าหลายคนก็อยากจะทำธุรกิจนี้เช่นกัน วันนี้ ชี้ช่องรวย จะมาตอบคำถามว่า หากเราอยากเปิดร้าน ซัก อบ รัด ต้องซื้อเครื่องมือหรืออุปกรณ์อะไร และใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
อุปกรณ์ เครื่องใช้สไนักงาน (จะมีหรือไม่มีก็ได้)
- โต๊ะ เก้าอี้ทำงาน 3,000 บาท
- เครื่องคิดเลข 200 บาท
————————————————————
อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าหลัก (จำเป็นต้องมี)
- เครื่องซักผ้า (ฝาหน้า) 2 เครื่อง 50,000 บาท
- เครื่องอบผ้า 2 เครื่อง 25,000 บาท
- เตารีดไอน้ำ 2,000 บาท
- โต๊ะรีดผ้า 2,000 บาท
- ตู้แควนเสื้อ หรือราวแควนเสื้อ 3,000 บาท
- อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ถุงใส่ชุด ไม้แควน ไม้หนีบ ป้านร้าน 2,000 บาท
หมายเหตุ : ราคาที่แสดงเป็นราคากลางซึ่งผู้ลงทุนอาจจะหาได้ในราคาที่ถูกกว่า (ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพและแบรนด์ที่เลือกใช้)
————————————————————
วัตถุดิบที่ต้องใช้
- ผงซักฟอก 2,000 บาท
- น้ำยาปรับผ้านุ่ม 1,000 บาท
- น้ำยาซักผ้าขาว 1,000 บาท
หมายเหตุ : ราคาวัตถุดิบเป็นการลงทุนสำหรับครั้งแรก ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนของลูกค้า
————————————————————
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะต้องเตรียมไว้ (เงินหมุนเวียน)
- ค่าเช่าสถานที่ 5,000 - 10,000 บาท (สำหรับผู้ที่ต้องเช่าพื้นที่)
- ค่าวัตถุดิบ 3,000 บาท
- ค่าน้ำ - ค่าไฟ 5,000 - 6,000 บาท
————————————————————
งบลงทุนที่จะเตรียมโดยประมาณ 110,000 บาท
————————————————————
หากมีรายได้ต่อเดือนจากลูกค้า 100 คน ค่าบริการคนละ 500 บาท รายได้ต่อเดือนจะอยู่ที่ 50,000 บาท เงินที่ลงทุนไปจะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลา 4 - 6 เดือน โดยประมาณ
ในส่วนของการตั้งราคา แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ
อัตราค่าบริการรายเดือน
โดยจะกำหนดจำนวนชิ้นของผ้าที่ส่งซักรีด เช่น 500 บาท ต่อผ้า 30 ชิ้น เป็นต้น ร้านค่าควรใช้การเก็บค่าบริการแบบนี้ต่อเมื่อร้านมีลูกค้าประจำมากพอสมควร
อัตราค่าบริการต่อชิ้น
อัตรานี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะของผ้าโดยปกติจะเริ่มต้นที่ชิ้นละ 15 บาท เช่น เสื้อเชิ้ต กางเกง กระโปรง เป็นต้น (ราคารวมรีด) ผ้าเช็ดตัว 25 - 50 บาท ผ้านวม 150 - 200 บาท เป็นต้น
สรุปได้ว่าร้าน ซัก อบ รีด เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ ถึงแม้จะใช้เงินลงทุนสูง แต่หากมีลูกค้าประจำมากพอก็สามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาไม่นาน สำหรับใครที่กำลังอยากจะเปิดธุรกิจนี้ บทความนี้ก็พอที่จะทำให้รู้บ้างแล้วว่าจะต้องเตรียมเงินทุนเท่าไหร่ ส่วนเรื่องของวิธีการซักการบริหารจัดการเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้อยู่แล้ว
ทุกวันนี้กรุงเทพฯมีอพาร์ตเม้นต์และคอนโดผลุดขึ้นมากมาย ซึ่งอาคารที่อยู่อาศัยที่มีคนอยู่จำนวนมากเช่นนี้เป็นโอกาสของธุรกิจร้านซักอบรีด จุดเด่นของการทำร้านซักอบรีดคือหากมีลูกค้าสมาชิกมากพอจะทำให้รายได้ในแต่ละเดือนมีการันตีขั้นต่ำไว้แล้ว สร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของร้าน จนอาจเรียกได้ว่าเป็นเสือน้อยนอนกินก็ว่าได้
สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการเปิดร้านซักอบรีด
1.หน้าร้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเช่า ทำเลเช่าที่ดีที่สุดคือใต้อาคารอพาร์ตเม้นต์หรือคอนโดฯจะดีที่สุด ซึ่งขณะนี้ราคาค่าเช่าจะตกอยู่ประมาณ 10,000-15,000 บาท ขึ้นอยู่กับทำเล
2.เครื่องซักผ้าอย่างน้อยต้องมี 2 เครื่อง ถ้าไม่มีเงินให้ซื้อเครื่องใหญ่สำหรับซักผ้านวม 1 เครื่อง เครื่องเล็กสำหรับซักผ้าธรรมดา 1 เครื่อง ปัจจุบันนี้ราคาจะตกไม่เกินเครื่องละ 20,000 บาท
3.เตารีด ถ้าต้องการเปิดร้านซักแห้ง ซักอบรีดที่เป็นมืออาชีพสักหน่อยจะต้องเลือกซื้อเตารีดไอน้ำ ถ้าไม่มีเงินให้เลือกเครื่องที่มีบาร์หรือแรงดันน้อย แต่ถ้าเงินให้เลือกเครื่องที่มีบาร์หรือแรงดันไอน้ำสูงหน่อย ค่าลงทุนในส่วนนี้ถือว่ามากที่สุด เพราะหากซื้อเตารีดราคาถูกจะเสียง่าย แต่หากซื้อสำหรับมืออาชีพราคาก็จะแพงหน่อย และเตารีดสำหรับมืออาชีพควรมี 2 ลักษณะคือลักษณะเบา และลักษณะหนัก เตาหนักไว้สำหรับรีดอัดกลีบให้ทรงของกางเกงหรือกระโปรงพีทชัด
4.น้ำยาซักผ้า หากเป็นซักอบรีดจะเป็นการซักในระบบน้ำ ควรเลือกน้ำยาซักผ้าที่เป็นน้ำ ไม่ควรเลือกผงซักฟอก เพราะเวลาใช้ผงซักฟอก หากเครื่องตีผงไม่แตกแป้งของผงซักฟอกจะติดบนเสื้อเป็นคราบขาวๆ แต่ถ้าใช้น้ำยาซักผ้าชนิดน้ำจะไม่มีปัญหา
5.น้ำยาปรับผ้านุ่ม ควรเติมหลังจากการซักน้ำในรอบที่ 2 เสร็จ ไม่ควรเติมเข้าไปในเครื่องโดยหวังว่าทางเครื่องซักผ้าจะควบคุมการปล่อยโดยอัตโนมัติ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น น้ำยาปรับผ้านุ่มจะลงไปเคลือบผ้าก่อนทำให้การซักผ้าไม่สะอาด
6. วิธีรับผ้าโดยลูกค้ามีอยู่ 2 ประเภท ลูกค้าขาจร เวลาจัดส่งผ้ามาให้จดยอดลงบิลและส่งสำเนาให้ลูกค้าถือ ส่วนลูกค้าประจำก็จดลงบิลของลูกค้าประจำแยกออกจากกันให้เห็นลักษณะชัดเจน
7.หนึ่งในหัวใจของการเปิดร้านซักอบรีดคือ การซักผ้าให้สะอาด ขั้นตอนแรก เมื่อได้จดยอดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ต้องนำผ้ามาสำรวจว่ามีอะไรติดอยู่ในกระเป๋าหรือไม่ โดยเฉพาะกระดาษทิชชู หากลงตู้ซักผ้าแล้วจะเปื่อยติดเป็นขุยเกาะเสื้อทำให้เสื้อที่ซักไม่สะอาด
8.ทำการสำรวจจุดสกปรกต่างๆ บนตัวผ้า ถ้าเป็นเสื้อส่วนใหญ่ก็จะที่ตำแหน่งคอปก กางเกงจะตำแหน่งปลายเท้า ให้ทำผ้าให้เปียก นำน้ำยาซักผ้าปาดแล้วถูด้วยมือให้คราบเหล่านี้ออกก่อนที่จะโยนผ้าลงเครื่อง
9.ขั้นตอนการรีดเสื้อ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ลูกค้าจะติดอกติดใจร้านค้าก็ตรงที่รีดเสื้อเรียบสะอาด มีกลิ่นหอม
• ขั้นตอนการรีดเสื้อให้รีดที่ปกเสื้อ สาบเสื้อ แขนเสื้อ แล้วจับตัวเสื้อ โดยยกเสื้อทั้งหมดเข้ามาข้างในติดตัวคนรีด เริ่มรีดจากแถบเสื้อด้านขวาของด้านหน้า แถบเสื้อด้านหลัง แถบเสื้อด้านซ้ายของด้านหน้า แล้วยกขึ้นมาแต่งแขนเสื้ออีกครั้งหนึ่ง เวลาแขวนเสื้อให้ติดกระดุมบนและกระดุมล่าง เพื่อให้เสื้ออยู่ทรง
• ส่วนการรีดกางเกง ให้สอดทรงกางเกงเข้าไปรีดด้านหน้า ด้านหลัง แล้วนำกางเกงมาทบเข้าหากัน รีดส่วนในก่อน ค่อยๆ ไล่จีบให้คม ไม่ควรรีดหลายจีบ พอรีดส่วนในเสร็จแล้วก็มารีดส่วนนอก
• การรีดกระโปรง ขึ้นอยู่กับทรง ถ้าเป็นกระโปรงทรงเอ ก็รีดง่าย แต่ถ้าเป็นกระโปรงทรงจีบนักเรียน ให้จัดจีบจากข้างในของอีกฝั่งหนึ่งก่อน แล้วค่อยมาจัดจีบข้างหน้า รีดข้างหน้าให้เรียบร้อย จีบข้างหลังก็เริ่มชัด รีดอีกเล็กน้อยก็จะได้จีบที่คมชัดแล้ว
10.คุณสมบัติที่สำคัญของการเปิดร้านซักอบรีดคือ ต้องรู้จักวิเคราะห์เนื้อผ้าด้วยว่าเป็นผ้าชนิดใด เพราะผ้าแต่ละชนิดมีความต้องการความร้อนในการรีดเสื้อแตกต่างกัน โดยคร่าวๆ ใยผ้าแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ ใยคอตตอน และใยสังเคราะห์ ถ้าเป็นใยคอตตอน ผ้ายีนส์ จะใช้ไฟร้อน ไอน้ำต้องถึง ส่วนผ้าโพลีเอสเตอร์หรือผ้าใยสังเคราะห์ต่างๆ ใช้น้ำน้อย ไฟอ่อน ก็สามารถรีดได้เรียบแล้ว ซึ่งผ้าที่มีแบรนด์ส่วนใหญ่ จะมีป้ายบอกประเภทของเนื้อผ้า กรรมวิธีในการซัก รีดไว้เรียบร้อยแล้ว เราสามารถศึกษาจากป้ายกำกับเหล่านั้นได้