ระยะการรับส่งสัญญาณของ Bluetooth 4 นั้นอยู่ที่ประมาณ 50 เมตรในพื้นที่โล่งแจ้ง และ 10 เมตรภายในอาคาร ในขณะที่ Bluetooth 5 นั้นรองรับ 200 เมตรในพื้นที่โล่งแจ้ง และ 40 เมตรภายในอาคาร
หลายคนพออ่านถึงท่อนนี้ก็อาจจะคิดว่า อ้าวแล้วทำไมหูฟังของฉันระยะใช้งานจริงมันถึงสั้นกว่าที่ระบุไว้ล่ะ ?
ในความเป็นจริงนั้นในการใช้งานจริงจะมีปัญหาเรื่องของคลื่นสัญญาณรบกวนจากแหล่งต่างๆ เช่น จากอุปกรณ์ไร้สายต่างๆที่ใช้ย่านความถี่ที่ 2.4Ghz ซึ่งเป็นย่านความถี่เดียวกันกับบลูทูธ(อย่างไวไฟเร้าเตอร์), คลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ, คลื่นแม่เหล็กที่มาจากอุปกรณ์ไฟฟ้า, สิ่งของกีดขวางต่างๆเช่นกำแพง ตู้โต๊ะเตียงเป็นต้น ทำให้ระยะของสัญญาณ Bluetooth ลดลงอาจจะเหลือเพียง 60-70% เท่านั้น (สังเกตุดูว่าตอนใช้งานตามสถานที่แออัด เช่น ห้าง BTS หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน สัญญาณจะดรอบลงหรือขาดๆหายๆแบบเห็นได้ชัด)
2.ประหยัดพลังงานมากกว่า
Bluetooth 5 ประหยัดพลังงานกว่า Bluetooth 4 สังเกตุดูว่าพวกอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth 5 นั้นจะประหยัดพลังงานกว่า และมีชั่วโมงการใช้งานที่ยาวนานกว่า Bluetooth 4 พอสมควร
3.การโอนถ่ายข้อมูลที่มากกว่า
Bluetooth 5 นั้นรองรับการโอนถ่ายข้อมูลที่ 255byte ต่อวินาที แต่ Bluetooth 4 ส่งข้อมูลได้เพียง 31byte ต่อวินาที (แต่จริงๆใช้ได้แค่ 17-20 Byteต่อวินาที เนื่องจากต้อง Header สำหรับชุดคำสั่งและทฤษฎีคอขวด)
ซึ่งการโอนถ่ายข้อมูลที่เร็วกว่านี้เอง ทำให้อุปกรณ์ Bluetooth ใหม่ๆ ที่รองรับ Bluetooth 5.0 นั้นส่วนมากรองรับการถอดรหัส Code ที่สูงขึ้นกว่าเดิม เช่น APT-X HD หรือเทียบเท่ากับ CD
ต้นน้ำ และ ปลายน้ำ สำคัญยังไง ?
ท้ายที่สุดแล้ว หากหูฟังของคุณเป็น Bluetooth 5.0 แล้วก็อยากให้ย้อนกลับมามองที่ต้นน้ำ (มือถือ หรือ Dap) ของคุณว่ารองรับ Bluetooth 5.0 หรือ Codec นั้นหรือยัง
เพราะถ้าหากหูฟังของคุณเป็น Bluetooth 5.0แล้ว แต่มือถือคุณยังเป็น Bluetooth 4.0 การเชื่อมต่อก็จะเป็นคอขวด และ รองรับเพียงแค่ Bluetooth 4.0 เท่านั้นอยู่ดี ดังนั้นแล้วอย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณด้วยเช่นกัน โดยไปที่ Settings > Applications > Applications ที่กำลังทำงานอยู่
อุปกรณ์ต่างๆในปัจจุบันของเรานั้นไม่ว่าจะเป็น คีย์บอร์ด เม้าส์ หรือ แม้แต่หูฟังเอง ก็มักจะเขียนว่ารองรับ Bluetooth 4.2 เอย Bluetooth 5.0 เอย (แต่อุปกรณ์ใหม่ๆในช่วงปลายปี 2019 เริ่มจะเป็น 5.0 กันหมดแล้ว)
คำถามคือ แล้ว 4.2 / 5.0 เลขที่ว่ามันแตกต่างกันตรงไหน ? เรามาดูกัน
1.ระยะการรับ(ส่ง)สัญญาณของ Bluetooth ที่แรงและไกลกว่า
ระยะการรับส่งสัญญาณของ Bluetooth 4 นั้นอยู่ที่ประมาณ 50 เมตรในพื้นที่โล่งแจ้ง และ 10 เมตรภายในอาคาร ในขณะที่ Bluetooth 5 นั้นรองรับ 200 เมตรในพื้นที่โล่งแจ้ง และ 40 เมตรภายในอาคาร
หลายคนพออ่านถึงท่อนนี้ก็อาจจะคิดว่า อ้าวแล้วทำไมหูฟังของฉันระยะใช้งานจริงมันถึงสั้นกว่าที่ระบุไว้ล่ะ ?
ในความเป็นจริงนั้นในการใช้งานจริงจะมีปัญหาเรื่องของคลื่นสัญญาณรบกวนจากแหล่งต่างๆ เช่น จากอุปกรณ์ไร้สายต่างๆที่ใช้ย่านความถี่ที่ 2.4Ghz ซึ่งเป็นย่านความถี่เดียวกันกับบลูทูธ(อย่างไวไฟเร้าเตอร์), คลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ, คลื่นแม่เหล็กที่มาจากอุปกรณ์ไฟฟ้า, สิ่งของกีดขวางต่างๆเช่นกำแพง ตู้โต๊ะเตียงเป็นต้น ทำให้ระยะของสัญญาณ Bluetooth ลดลงอาจจะเหลือเพียง 60-70% เท่านั้น (สังเกตุดูว่าตอนใช้งานตามสถานที่แออัด เช่น ห้าง BTS หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน สัญญาณจะดรอบลงหรือขาดๆหายๆแบบเห็นได้ชัด)
Bluetooth 5 ประหยัดพลังงานกว่า Bluetooth 4 สังเกตุดูว่าพวกอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth 5 นั้นจะประหยัดพลังงานกว่า และมีชั่วโมงการใช้งานที่ยาวนานกว่า Bluetooth 4 พอสมควร
3.การโอนถ่ายข้อมูลที่มากกว่า
Bluetooth 5 นั้นรองรับการโอนถ่ายข้อมูลที่ 255byte ต่อวินาที แต่ Bluetooth 4 ส่งข้อมูลได้เพียง 31byte ต่อวินาที (แต่จริงๆใช้ได้แค่ 17-20 Byteต่อวินาที เนื่องจากต้อง Header สำหรับชุดคำสั่งและทฤษฎีคอขวด)
ซึ่งการโอนถ่ายข้อมูลที่เร็วกว่านี้เอง ทำให้อุปกรณ์ Bluetooth ใหม่ๆ ที่รองรับ Bluetooth 5.0 นั้นส่วนมากรองรับการถอดรหัส Code ที่สูงขึ้นกว่าเดิม เช่น APT-X HD หรือเทียบเท่ากับ CD
ต้นน้ำ และ ปลายน้ำ สำคัญยังไง ?
ท้ายที่สุดแล้ว หากหูฟังของคุณเป็น Bluetooth 5.0 แล้วก็อยากให้ย้อนกลับมามองที่ต้นน้ำ (มือถือ หรือ Dap) ของคุณว่ารองรับ Bluetooth 5.0 หรือ Codec นั้นหรือยัง
เพราะถ้าหากหูฟังของคุณเป็น Bluetooth 5.0แล้ว แต่มือถือคุณยังเป็น Bluetooth 4.0 การเชื่อมต่อก็จะเป็นคอขวด และ รองรับเพียงแค่ Bluetooth 4.0 เท่านั้นอยู่ดี ดังนั้นแล้วอย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์ของคุณด้วยเช่นกัน โดยไปที่ Settings > Applications > Applications ที่กำลังทำงานอยู่