ในยุคที่ “โทรศัพท์มือถือ” หรือ “มือถือ” เปรียบเสมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกาย ที่ไม่อาจขาดหายไปจากชีวิตได้ แต่หากจู่ๆ มือถือของคุณเกิดหล่นหายหรือถูกขโมยไป จะสามารถตามหามือถือได้อย่างไรบ้าง หรือมีวิธีป้องกันเบื้องต้นแบบใดที่คุณลงมือทำได้ตอนนี้เลย ถ้าอยากรู้ไปดูกันเลย
วิธีป้องกันเบื้องต้น
ลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่อง
ทุกครั้งที่คุณซื้อมือถือใหม่ เมื่อเปิดเครื่องครั้งแรก ระบบจะขอให้คุณกรอกเพื่อตั้งค่ามากมาย และหนึ่งในนั้น คือ “การลงทะเบียน” หรือ “ลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลและรหัสผ่าน” เพื่อเข้าถึงบริการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของอุปกรณ์มือถือที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลเฉพาะคุณ หรืออาจเรียกว่า เป็น “การลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่อง” นั่นเอง
ล็อกหน้าจอมือถือ
สำหรับการตั้งค่าเพื่อล็อกหน้าจอมือถือ เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันการใช้งานมือถือของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งยังเป็นการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ รวมถึงยังสามารถถ่วงเวลาผู้ไม่หวังดีในการลบข้อมูลหรือล้างเครื่อง โดยปัจจุบันมือถือมีระบบการล็อกหน้าจอให้คุณเลือกใช้งานตามความถนัด ดังนี้
- รูปแบบการวาดเส้น หรือ Pattern
- การตั้งรหัส PIN (เป็นการใส่ตัวเลข จำนวน 4-6 ตัว) หรือตั้งรหัสผ่านเป็นตัวอักษร
- การสแกน อาทิ สแกนนิ้ว หรือใบหน้า เป็นต้น
เปิดใช้งานระบบ GPS หรือ Location Service
การเปิดใช้งาน GPS หรือ Location Service ในปัจจุบันไม่ได้มีผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วอย่างที่ผ่านมา เนื่องจากมือถือรุ่นใหม่ๆ ได้มีการออกแบบให้ประหยัดพลังงานและสามารถปิดการทำงาน GPS หรือ Location Service แบบอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน
ฉะนั้น เพื่อให้คุณสามารถตามหามือถือเมื่อมันหายไป การเปิดใช้งาน GPS หรือ Location Service แม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ ในบางช่วง ก็ช่วยให้การตามหามือถือนั้นง่ายขึ้น
จดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมือถือ
ขอให้คุณจดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมือถือไว้ อาทิ รุ่น, ยี่ห้อ, Serial Number และ IMEI Number (กด *#06# หน้าจอมือถือ) เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานข้อมูลต่างๆ ในการแจ้งความ หรือติดตามหามือถือเมื่อมันหายไป
ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ช่วยตามหา
เมื่อมือถือหายไป เจ้าแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับระบบการค้นหามือถือ จะช่วยในการระบุตำแหน่งมือถือ โดยแอปฯ ในมือถือแต่ละระบบ มีดังนี้
- ระบบ iOS ใช้แอปฯ Find My iPhone
- ระบบ Android ใช้แอปฯ Android Device Manager
สำหรับมือถือของ Samsung ใช้แอปฯ Find My Mobile ในการค้นหาโดยเฉพาะ
วิธีการตามหามือถือ
ระบบ Android
วิธีการค้นหามือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android นั้น ก็ไม่ยากแค่เครื่องของคุณอยู่ใน 3 เงื่อนไข คือ ล็อกรหัสผ่าน เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเปิด GPS ไว้เท่านั้น เมื่อรู้ตัวว่า มือถือหาย ให้รีบเช็กตำแหน่งมือถือล่าสุด ดังนี้
- ให้คุณยืมมือถือระบบ Android ของเพื่อน และใช้แอปฯ ที่มีชื่อว่า “Android Device Manager” หรือเปิดคอมพิวเตอร์เข้าเว็บไซต์ www.google.com/android/devicemanager
- กรอก Google Account และรหัสผ่าน ซึ่งก็คือ อีเมลที่คุณลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องไว้ หลังจากนั้น แอปฯ และเว็บไซต์จะเริ่มค้นหาตำแหน่งมือถือให้ทันที
- หากเงื่อนไขทั้งหมดถูกต้อง ระบบจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันของมือถือ
- สามารถใช้ตัวเลือก Play Sound เพื่อให้มือถือส่งเสียงดัง (กรณีทำหล่นหาย) หรือเลือก Lock เพื่อล็อกทุกอย่าง และเลือก Erase เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่อง
ระบบ iOS
- หากมือถือของคุณมีการล็อกรหัสผ่าน เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต มีการเปิด Location service และติดตั้งแอปฯ “Find My iPhone” ไว้ ให้ยืมมือถือของเพื่อนแล้ว เปิดใช้แอปฯ ดังกล่าว หรือเปิดคอมพิวเตอร์เข้าเว็บไซต์ www.icloud.com
- กรอก Apple ID และรหัสผ่าน ซึ่งก็คือ อีเมลที่คุณลงทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่อง
- เมื่อเข้าแอปฯ ได้ ก็จะเริ่มค้นหาตำแหน่งให้ทันที หากเข้าผ่านเว็บไซต์ให้เลือกเมนู Find iPhone ทั้งนี้ หากเงื่อนไขทั้งหมดถูกต้องแล้ว ระบบจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันของ iPhone (รวมถึง iPad)
อย่างไรก็ดี ถ้ามือถือไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ ระบบติดตามมือถือหายของทั้ง Android และ iOS จะแสดงได้แค่ตำแหน่งล่าสุดเท่านั้น
และไม่ว่าคุณจะมีวิธีการป้องกันที่ดีแค่ไหน แต่สิ่งที่ป้องกันโทรศัพท์มือถือหายได้ดีที่สุด คือ การเก็บมือถือให้มิดชิด และระมัดระวังขณะใช้งานนั่นเอง
บางครั้งสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณพลาดเผลอทำโทรศัพท์ล่วงหล่นหายไปและมีคนเก็บไปแต่ไม่คืนหรือนำไปขายต่อกับร้านรับซื้อโทรศัพท์ ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับคุณให้ตั้งสติเป็นลำดับแรก
ไม่ต้องตกใจ เพราะแอนดรอยด์มีระบบที่สามารถทำการติดตามเครื่องได้เมื่อเราลืมโทรศัพท์หรือหาย แต่ทั้งนี้เราต้องตั้งค่าล่วงหน้าไว้ก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมไว้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
ตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัยและคาดเดายาก
การตั้งค่าจดจำใบหน้าแทนรหัสผ่านของคุณควรตั้งลายนิ้วมือไว้ด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะวิธีนี้มีเพียงเจ้าของเครื่องที่สามารถเข้าถึงได้ แต่หลายคนมักจะไม่ทำเพราะไม่สะดวก (จึงเกิดการโจรกรรมข้อมูลกันได้ง่ายขึ้น) แต่ถ้าคุณเผลอทำโทรศัพท์หายหรือถูกขโมย ข้อมูลและรูปภาพ รวมถึงแอพพลิเคชั่นการเงินในโทรศัพท์ จะถูกเข้าถึงได้ง่ายที่สุด และอีกข้อที่สำคัญ คุณไม่ควรให้ใครรู้รหัสผ่านหรือใช้โทรศัพท์ร่วมกับคุณ เพราะโทรศัพท์คือของส่วนตัวที่มีข้อมูลสำคัญอยู่ข้างใน ถ้ามันไปตกอยู่ในมือของคนที่ไม่หวังดี คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน
User Google ช่วยค้นหาโทรศัพท์ได้
ควรลงชื่อเข้าใช้ Google ไว้ในโทรศัพท์ของคุณ เมื่อโทรศัพท์ทำหล่นหายหรือถูกขโมย สามารถติดตามโทรศัพท์ได้ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล วิธีตรวจสอบว่าคุณเปิดค้นหาโทรศัพท์ของคุณไว้หรือยัง ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ เข้าไปที่ Security & Location > Find My Device. หรืออีกวิธีหนึ่งถ้าคุณหาเมนูเบื้องต้นไม่เจอให้เข้าไปที่ Google > Security > Find My Device. เมื่อเข้ามาแล้วให้ทำการเปิดตั้งค่าทุกอย่างและเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการใช้จะติดตามโทรศัพท์ได้ทันที
ใช้ Find My Mobile ช่วยตามหาเพิ่มอีกแรง
ถ้าหากโทรศัพท์ของคุณเป็น Samsung ให้ไปที่โหมด Find My Mobile โหมดนี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่ค้นหาโทรศัพท์ของคุณเท่านั้น แต่ยังสามารถสั่งลบข้อมูลที่สำคัญในเครื่องออกได้อีกด้วย สำหรับวิธีการตั้งค่าให้ทำตามดังวิธีต่อไปนี้ เข้าไปที่ Biometrics and security > Find My Mobile. และให้คุณทำการเข้าสู่ระบบของบัญชี ซัมซุงที่สมัครไว้แล้ว และทำการเลือกเมนู ค้นหาโทรศัพท์ของฉัน จะเป็นการเปิดโหมด Find My Mobile โดยสมบูรณ์
สั่งล็อคเครื่องและติดตาม
สิ่งที่ต้องทำเมื่อโทรศัพท์ถูกขโมยหรือทำหาย ควรใช้ PC หรือ Mac เข้าไปที่เว็บไซต์ www.android.com ให้ทำการล็อคอินโดยใช้ Google account เพื่อตรวจเช็คดูว่าโทรศัพท์ของคุณล่าสุดถูกใช้งานที่ตำแหน่งพิกัดไหน
“ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหามือถือจะทำอย่างไร”
สามารถใช้โทรศัพท์เครื่องอื่นที่เป็น Android ใช้ตามโทรศัพท์ของเราได้ เพียงแค่โหลดแอพ “Google หาอุปกรณ์ของฉัน” โดยสามารถโหลดผ่าน “Google Play Store” และล็อคอินเข้าระบบโดยใช้ Google account ของคุณเพียงเท่านี้คุณจะสามารถติดตามเครื่องได้และสามารถสั่งล็อคเครื่อง ล้างเครื่องได้ทันที
คำเตือน!! แต่ถ้าหากใช้โหมดลบล้างทุกสิ่งในเครื่อง จะไม่สามารถติดตามเครื่องได้แล้ว วิธีนี้ควรใช้ขั้นตอนสุดท้าย ถ้าคุณคิดว่าข้อมูลในโทรศัพท์สำคัญมีค่ามากกว่ามือถือที่หายหรือถูกขโมย
โหมดส่งเสียง โทรศัพท์ของคุณที่ถูกขโมยไปจะส่งแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์ของคุณทันที ถ้าคุณเลือกใช้โหมดส่งเสียง และโหมดนี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณลืมไว้ในบ้าน ไม่รู้ว่าเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ตรงไหน แต่กรณีที่หัวขโมยต้องการโทรศัพท์ เขาจะทำการปิดเครื่องและปิดอินเทอร์เน็ต คุณจะไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากคนที่ขโมยทำการเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต พิกัดล่าสุดจากจะถูกส่งมาในบัญชี Google ทันที
เจ้าของเครื่องจะได้รับประโยชน์จากการใช้ Google อย่างครอบคลุม รวมไปถึงตอนที่คุณทำโทรศัพท์หายหรือถูกขโมย คุณสามารถเข้าไปที่เว็บ www.findmymobile.samsung.com เพื่อตามหาโทรศัพท์ของคุณได้ ไม่ว่าจะใช้โทรศัพท์รุ่นอื่นหรือคอมพิวเตอร์ เมื่อเข้าไปจะสามารถเห็นรู้พิกัดของมือถือได้แบบ real time จะมีเมนูต่างๆ ขึ้นมาให้คุณเลือกไปที่ ค้นหาโทรศัพท์ของฉัน ส่งข้อความก็จะถูกส่งไปที่โทรศัพท์ของคุณและสามารถติดตามได้ทุก 15 นาที ที่สำคัญให้เปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่จะทำให้โทรศัพท์ของคุณแบตหมดช้าที่สุด บริการของซัมซุงจะไม่ต่างจากของ Google มากนัก
เมื่อเจอโทรศัพท์แล้ว อย่านัดรับเครื่องโดยลำพัง แนะนำให้นัดเจอกับผู้ที่เก็บโทรศัพท์ของคุณได้ ตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ผู้คนพลุกพล่าน จะเพิ่มความปลอดภัยในการนัดเจอเพื่อคืนโทรศัพท์และควรแจ้งความเอาไว้ด้วยเผื่อกรณีโดนรีดไถจากคนที่เก็บโทรศัพท์ของคุณได้
ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายเบอร์โทรศัพท์
ถ้าสถานการณ์ชัดเจนว่า คนร้ายที่ขโมยโทรศัพท์ไม่ยอมที่จะคืน ให้รีบทำการแจ้งไปที่ศูนย์บริการค่ายโทรศัพท์ของคุณโดยทันที ทางศูนย์บริการจะช่วยติดตามและนำเลขเครื่องของคุณขึ้น Blacklist ทันที เพราะจะทำให้ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์เครื่องนั้นได้ พร้อมทั้งแจ้งเครือข่ายเบอร์โทรศัพท์ของคุณให้ทำการตัดสัญญาณ เพื่อป้องกันการที่คนร้ายจะเอาเบอร์โทรศัพท์ของคุณไปทำธุรกรรมต่างๆ หรือ เอาไปแอบอ้าง อาจทำให้เกิดการฉ้อโกงขึ้นได้ แต่หากคนร้ายใช้ Wi-fi อาจทำให้ตามหามือถือได้ยากขึ้น
ถ้าคุณทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ทั้งหมดแล้ว มั่นใจได้เลยว่าเมื่อพลาดทำโทรศัพท์หายในอนาคตจะมีสิทธิในการได้คืนอย่างแน่นอน เพียงแค่เสียสละเวลาในการตั้งค่าโทรศัพท์ของคุณไว้ ณ ตอนนี้ เผื่ออนาคตเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจะได้ไม่ต้องกังวล