การเสิร์ฟ/การส่งลูกในกีฬาแบดมินตัน กล่าวได้ว่าเป็นหัวใจของแบดมินตันก็ว่าได้ เพราะผู้เล่นมีคะแนนได้ก็ต่อเมื่อได้สิทธิ์เสิร์ฟ/ส่งลูก ทั้งนี้ การเสิร์ฟ/ส่งลูกแบดมินตันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำคะแนนได้ ควรเสิร์ฟ/ส่งลูกอย่างมีเป้าหมายให้ตกในที่ฝ่ายรับจะรับได้ยากลำบาก
การเสิร์ฟแบดมินตัน/การส่งลูกแบดมินตันแบบโด่ง ผู้ส่งจะต้องสวิงแร็กเกตไปข้างหลังมากๆ โดยยกแร็กเกตให้ส่วนหัวอยู่สูงระดับศีรษะไปทางด้านหลังมากกว่าปกติ พร้อมเสิร์ฟ/การส่งลูกแบดมินตันไปด้วยความเร็ว และแรงให้ต่อเนื่องกัน ไม่งอข้อมือก่อนแร็กเกตกระทบลูก มีการถ่ายน้ำหนักตัวจากเท้าหลังมาเท้าหน้า ขั้นสุดท้ายของการเสิร์ฟแบดมินตัน/การส่งลูกแบดมินตัน คือ ให้บิดตัวไปให้ตั้งฉากกับฝ่ายตรงข้าม
4.1 เฟรมของแร็กเกตยาวทั้งหมดไม่เกิน 680 มม. และกว้างทั้งหมดไม่เกิน 230 มม. ส่วนต่าง ๆ ที่สำคัญได้อธิบายไว้ในกติกาข้อ 4.1.1 ถึง 4.1.5 และได้แสดงไว้ในภาพผัง ค.
4.1.1 ด้านจับ เป็นส่วนของแร๊กเกตที่ผู้เล่นใช้จับ
4.1.2 พื้นที่ขึงเอ็น เป็นส่วนของแร็กเกตที่ผู้เล่นใช้ตีลูก
4.1.3 หัว บริเวณที่ใช้ขึงเอ็น
4.1.4 ก้าน ต่อจากด้ามจับถึงหัว (ขึ้นอยู่กับกติกาข้อ 4.1.5)
4.1.5 คอ (ถ้ามี) ต่อก้านกับขอบหัวตอนล่าง
4.2 พื้นที่ขึงเอ็น
4.2.1 พื้นที่ขึงเอ็นต้องแบนราบ ด้วยการร้อยเอ็นเส้นขวางขัดกับเส้นยืนแบบการขึงเอ็นทั่วไป โดยพื้นที่ตอนกลาง ไม่ควรทึบน้อยกว่าตอนอื่น ๆ และ
4.2.2 พื้นที่ขึงเอ็นต้องยาวทั้งหมดไม่เกิน 280 มม. และกว้างทั้งหมดไม่เกิน 220 มม. อย่างไรก็ตามอาจขึงไปถึงคอเฟรม หากความกว้างที่เพิ่มของพื้นที่ขึงเอ็นนั้นไม่เกิน 35 มม. และความยาวทั้งหมดของพื้นที่ขึงเอ็นต้องไม่เกิน 330 มม.
4.3แร๊กเกต
4.3.1 ต้องปราศจากวัตถุอื่นติดอยู่ หรือยื่นออกมา ยกเว้นจากส่วนที่ทำเพื่อจำกัดและป้องกันการสึกหรอ ชำรุดเสียหาย การสั่นสะเทือน การกระจายน้ำหนัก หรือการพันด้ามจับให้กระชับมือผู้เล่น และมีความเหมาะสมทั้งขนาดและการติดตั้งสำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าว และ
4.3.2 ต้องปราศจากสิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ ที่ช่วยให้ผู้เล่นเปลี่ยนรูปทรงของแร็กเกต
5. การยอมรับอุปกรณ์
สหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ จะกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับปัญหาของแร็กเกต ลูกขนไก่ หรืออุปกรณ์ต้นแบบ ซึ่งใช้ในการเล่นแบดมินตันให้เป็นไปตามข้อกำหนดต่าง ๆ กฏเกณฑ์ดังกล่าวอาจเป็นการริเริ่มของสหพันธ์เองหรือจากการยื่นความจำนงของคณะบุคคล ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องอย่างแท้จริงกับผู้เล่น ผู้ผลิต หรือองค์กรแห่งชาติหรือสมาชิกขององค์กรนั้น ๆ
ในการเล่นประเภทเดี่ยวนิยมส่งลูกโด่ง แต่ก็จะส่งลูกโด่งในการเล่นประเภทคู่ได้บ้าง การส่งลูกโด่งก็คล้าย ๆ กับการส่งลูกสั้น แตกต่างกันที่ การส่งลูกโด่ง ต้องใช้แรงและกำลังมากกว่า เพื่อให้วิถีของลูกลอยโด่งไปตกใกล้เส้นหลังในการเล่นประเภทเดี่ยว และให้ลูกลอยไปตกใกล้เส้นส่งลูกยาวในการเล่นประเภทคู่ การรับลูกควรยืนอยู่กลางสนามและคอยสังเกตุการยืนของผู้ส่งลูกว่าจะส่งมาทิศทางใด และควรเปลี่ยนวิธียืนรับให้ค่อนไปข้างหน้าหรือถอยหลังมาเล็กน้อย แล้วแต่จะเหมาะสมที่จะมีโอกาสตีโต้กลับไปและทำคะแนนได้
วิธีส่งลูกในการเล่นประเภทคู่
นิยมส่งลูกสั้น เพราะใช้แรงเพียงเล็กน้อยให้ลูกเฉียดตาข่าย สูงกว่าตาข่ายประมาณ 1-8 นิ้ว การส่งลูกสั้นจะบังคับให้ผู้รับตีกลับมาด้วยลูกสั้นหรือลูกโด่ง ซึ่งทำให้ฝ่ายส่งลูกตบหรือตีทำคะแนนได้ จุดที่ควรส่งลูกสั้น คือ มุมทั้งสองข้างของสนามฝ่ายรับ เมื่อส่งลูกไปแล้วผู้ส่งควรรีบวิ่งตามลูกเข้าไปใกล้ตาข่าย เพื่อป้องกันมิให้อีกฝ่ายตีลูกสั้นกลับมา ส่วนคู่ของผู้ส่งจะครอบครองเนื้อที่ด้านหลังของสนาม เพื่อมิให้มีพื้นที่ว่าง
การรับลูก
เมื่อฝ่ายส่งลูกส่งลูกข้ามตาข่ายมา ฝ่ายรับจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะเกมการเล่นอยู่ภายใต้การบังคับของฝ่ายส่งลูก ไม่ว่าฝ่ายส่งลูกจะส่งมายังจุดใดก็ตาม ฝ่ายรับจำเป็นต้องรับ และพยายามตีลูกให้ข้ามไปตามจุดที่ฝ่ายตนจะได้เปรียบ การรับลูกต้องคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเป้าหมายการตีของฝ่ายส่งลูกหรือฝ่ายที่ตีโต้กลับมา และการรับลูกต้องตีไปยังจุดที่ห่างตัวอีกฝ่ายหนึ่งให้มากที่สุด ยิ่งตีห่างมากเท่าใด อีกฝ่ายจะมีเวลาจำกัดและตกเป็นฝ่ายรับทันที การรับลูกในเกมแบดมินตัน ไม่ควรตื่นเต้นและรีบร้อน ควรจะควบคุมสติให้มั่นคงตั้งรับโดยไม่กลัวเกรงว่าจะเป็นลูกแบบใหน มีหลักในการรับลูกที่ควรทราบดังนี้ คือ
1. ยืนอยู่ในสนามด้านของตน
2. ยืนคอยจนผู้ส่งลูก ส่งลูกข้ามมา
3. ไม่หลอกล่อ หรือบัง หรือรบกวนผู้ส่งลูก
4. ไม่ทำชักช้าถ่วงเวลาผู้ส่งลูก ทำให้ผู้ส่งลูกเสียเปรียบ
5. ในการเล่นประเภทคู่ คู่ของผู้รับจะต้องไม่รบกวนผู้ส่งลูก มอฉะนั้นฝ่ายรับจะเสียคะแนนทันที
การรับลูกในการเล่นประเภทเดี่ยว
ควรยืนรับโดยห่างจากเส้นส่งลูกสั้นประมาณ 2 ฟุต ในท่าเตรียมพร้อม เงื้อไม้สูงพยายามวิ่งเข้าหาลูก อย่าปล่อยให้ลูกลอยเข้าหาตัว ถ้าลูกมาโด่งให้ฟุตเวอร์คถอยหลังกลับไปตีลูกด้วยลูกตบหรือลูกตัดหยอด หรือโยนมุมหลัง ถ้าส่งลูกมาต่ำจะแย็บหรืองัดโด่งไปสองมุมหลัง หรือหยอดสูงมุมหน้าก็ได้
การรับลูกในการเล่นประเภทคู่
ฝ่ายส่งมักจะส่งลูกดสดเฉียดข้ามตาข่ายมา การยืนรับลูกควรยืนใกล้เส้นส่งลูกสั้น และพยายามที่จะหาทางตีโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝ่ายส่งแก้สถานการณ์ได้ยากการรับลูกในการเล่นประเภทคู่ จะต้องพยายามตีลูกกดลงให้ต่ำไว้เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นฝ่ายรับ อาจรับด้วยลูกดาด ลูกหยอด และลูกทแยงสนามให้ข้ามตาข่ายไป
การตามลูก (Follow-Through) เป็นสิ่งสำคัญมากจะตามลูกไปในทิศทางขึ้นข้างบนหรือไปในทิศทางที่ต้องการให้ลูกไปตก ถ้าตามลูกน้อยไปลูกจะไปตกไม่ถึงที่ต้องการ
การส่งลูกเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำคะแนนได้ ควรส่งลูกอย่างมีเป้าหมายให้ตกในที่ฝ่ายรับจะรับได้ลำบาก เวลาส่งควรยืนให้เท้าซ้ายอยู่ข้างหน้า จับลูกขนไก่ด้วยมือซ้ายสำหรับคนถนัดขวา ค่อย ๆ ปล่อยลูกขนไก่ให้ได้จังหวะเดียวกับที่มือขวาเงื้อแล้วตีลูกข้ามตาข่ายไปตกตามต้องการ
ข้อควรระวังในการส่งลูกมิให้ผิดกติกา คือ
1. ขณะส่งลูก ผู้เล่นต้องยืนในแดนที่ถูกต้อง เท้าทั้งสองต้องไม่เหยียบเส้นใดเส้นหนึ่ง
2. ขณะที่แร็กเก็ตกำลังสัมผัสลูก เท้าทั้งสองต้องอยู่ติดพื้นสนาม จะยกเท้าข้างใดข้างหนึ่งพ้นพื้นสนามไม่ได้
3. หัวแร็กเก็ตต้องอยู่ต่ำกว่าปลายมืออย่างเห็นได้ชัด ถ้าหัวไม้อยู่ระดับปลายมือถือแสดงว่าเป็นการส่งลูกผิดกติกา