สวัสดีครับ กำลังหาข้อมูลอยู่ใช่ไหมว่า ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ไหม? ผมตอบตรงนี้เลยครับว่า “ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ด้วยครับ”
ซึ่งเราสามารถขอ “ใบรับรองแพทย์ตามแบบที่แพทยสภารับรอง” เพื่อไปต่อใบขับขี่ได้ที่ คลินิกใกล้บ้าน หรือที่โรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล ก็ได้ครับ
ใบรับรองแพทย์ต้องกรอกอะไรบ้างละ?
เดี๋ยวผมอธิบาย ขั้นตอนการกรอกเอกสารใบรับรองแพทย์เอาไว้สำหรับต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี โดยวิธีการขอไม่ได้น่ากลัวครับ เพียงแค่เราจะต้องตอบคำถามตามนี้
- แจ้งประวัติโรคประจำตัว ว่า มี หรือไม่มี หากมีโรคประจำตัวก็ต้องบอกว่าเป็นโรคอะไรบ้าง
- เราเคยประสบอุบัติเหตุและผ่าตัดหรือเปล่า อันนี้ตอบตามจริงนะครับ เคย หรือไม่เคย
- เราเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไหม และต้องระบุอาการให้ชัดเจนครับผม
- หรือมีประวัติอื่น ๆ อีกไหม
โดยรายละเอียดใบรับรองแพทย์ใช้ต่อใบขับขี่ทั้งหมดคุณหมอจะเป็นคนเขียนให้เราครับ ง่ายๆ คุณหมอถามอะไรก็ตอบตามจริงแค่นั้นครับ สบายๆ ไม่ต้องเครียด ส่วนราคาของใบรับรองแพทย์ก็แล้วแต่พื้นที่ครับ อย่างที่ผมเคยไปขอใบรับรองแพทย์ก็มีค่าใช้จ่าย ใบละ 100 บาทครับ ประมาณนี้ครับ
เรื่องต้องรู้ ของการขอใบรับรองแพทย์ก่อนต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี เราจะต้องใช้ทันที หรือภายใน 1 เดือนหลังจากขอใบรับรองแพทย์มาครับ นับง่ายๆ คือ นับจากวันที่เราขอใบรับรองแพทย์มาถึงวันต่อใบขับขี่ครับ ดังนั้น ต้องเตรียมการจองคิวต่อใบขับขี่ให้ดี และเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมนะ
ต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
ก่อนไปขนส่งใกล้บ้าน เพื่อให้ชัวร์ ไม่กลัวพลาด มาครับมา เตรียมตัวต่อใบขับขี่ 2565 กัน การต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี เราจะต้องเตรียมอะไรบ้างนะ เดี๋ยวผมสรุปให้ครับ จะได้สบายๆ ในวันต่อใบขับขี่นะ
- ใบขับขี่เดิมที่กำลังจะหมดอายุ (บัตรจริง)
- บัตรประชาชนของเรา (บัตรจริง) เดี๋ยวนี้ไม่ต้องถ่ายเอกสารไปแล้วนะ
- ใบรับรองแพทย์ที่เตรียมไว้ ต้องเอาไปด้วยนะ
- เตรียมคิวนัดต่อใบขับขี่ที่ทำการนัดจองออนไลน์ไว้อันนี้สำคัญ ซึ่งเราต้อง จองผ่านแอป DLT Smart Queue เพื่อออกใบอนุญาตขับรถใหม่ครับ
หรือถ้าสนใจอยากอ่านข้อมูลค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ต่อใบขับขี่ 2565 ต้องเตรียมอะไร เตรียมเงินกี่บาท ทีมงานเราก็เขียนไว้ให้อ่านแล้วเช่นกันครับ
หลังจากเตรียมทุกอย่างครบพร้อม อย่าลืมเตรียมเงินไปด้วยครับ หากเราต่อใบขับขี่ด้วยนะ
- ใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ 5 ปี = 255 บาท (ค่าใบอนุญาตขับรถมอเตอร์ไซค์ 250 บาท + คำขอ 5 บาท)
- ใบขับขี่รถยนต์ 5 ปี = 505 บาท (ค่าใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล 500 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท)
ค่าใช้จ่ายที่บอกนี้ ไม่รวมค่าซองใบขับขี่นะครับ อาจจะต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าใครอยากมีซองเอาไว้ใส่ใบขับขี่นะ
ถามว่าทำไมต่อใบขับขี่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์?
หลายคนอาจจะรู้สึกสงสัยว่า ทำใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี เท่านั้นหรอที่ต้องเตรียมใบรับรองแพทย์ อันนี้ผมขอหยิบยกรายละเอียดตามประกาศกฎกระทรวงคมนาคม มาอธิบายเรื่องการขอและการออกใบอนุญาตขับรถและการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ.2563 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลใช้บังคับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้ที่ต้องการขอรับและขอต่ออายุใบขับขี่รถทุกชนิด ทุกประเภทต้องมีใบรับรองแพทย์ยื่นประกอบการดำเนินการด้วย สรุปหมายความว่า การต่อใบขับขี่จะต้องมีใบรับรองแพทย์ทุกครั้งครับ
เตรียมตัวต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปีเรียบร้อยแล้ว หากอยากเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยรถยนต์ก็เช่นเคยนะครับ ต้องที่ Priceza Money นะครับ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ตามรุ่นของตัวเองฟรี! ดูประกันภัยรถยนต์ได้ทั้งหมด ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ รวบรวมแผนประกันจาก บริษัทชั้นนำทั่วประเทศไว้ให้คุณในที่เดียว ไม่ซื้อไม่เป็นไร เข้าเทียบเบี้ยประกันภัยกับ Priceza Money ได้นะครับ
ในปัจจุบันการสอบใบขับขี่ใหม่ การต่ออายุใบขับขี่ชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นกี่ปีก็ตามแต่ ได้มีการกำหนดไว้ว่าต้องมีเอกสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชาชน หรือใบขับขี่ตัวจริง ทะเบียนบ้าน และใบรับรองแพทย์ ซึ่งในส่วนของใบรับรองแพทย์ ทําใบขับขี่นั้น เพิ่งมีการประกาศเปลี่ยนใหม่ว่า ทุกครั้งที่มาทำธุรการที่เกี่ยวข้องกับใบขับขี่จำเป็นต้องขอใบรับรองแพทย์มาด้วยทุกครั้ง
ทั้งนี้ใบรับรองแพทย์ ใบขับขี่ ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ตามที่แพทยสภารับรองอย่างเดียวเท่านั้น หากไม่ใช่ใบรับรองตามที่แพทยสภารับรองก็ไม่สามารถทำใบขับขี่ได้
เมื่อเล่มทะเบียนรถหาย ต้องทำอย่างไร และค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ต่อใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
ใบรับรองแพทย์แบบ 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 กรอกข้อมูลเพื่อรับรองตัวคุณเอง มีหรือไม่มีโรคประจำตัวรึไม่ ตลอดจนเคยประสบอุบัติเหตุ หรือเคยผ่าตัดมาก่อนรึไม่ และมีส่วนที่แพทย์ต้องรับรองว่าผู้ขอไม่เป็นโรคที่ส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือการขับขี่ ได้แก่ สติฟั่นเฟือน, ติดยาเสพติด, โรคเท้าช้าง, วัณโรค และโรคเรื้อน
ส่วนที่ 2 ผู้ขอใบรับรองแพทย์ต้องทำการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน และตรวจชีพจร นอกจากนี้ยังมีการระบุเพิ่มเติมถึง “โรคต้องห้าม” ที่ทางกรมการขนส่งทางบกและแพทยสภาได้ประกาศไว้ว่า หากเป็นโรคเหล่านี้จะไม่สามารถทำใบขับขี่ได้ ได้แก่
- โรคลมชัก
- โรคเบาหวานร้ายแรง (ในเคสที่ต้องฉีดอินซูลิน)
- โรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่เคยผ่าตัดสมองมาก่อน
- โรคหัวใจที่เสี่ยงจะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด
ดังนั้นการขอใบรับรองแพทย์ ทําใบขับขี่ หากคุณไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงตามที่กรมการขนส่งทางบกและแพทยสภาได้ประกาศ ก็สามารถขอใบรับรองได้เลย
ใบรับรองแพทย์ ใบขับขี่ 2564 ขอที่ไหน? ราคาเท่าไหร่? ทั้งนี้ราคาของการขอใบรับรองแพทย์ ใบขับขี่นั้น ไม่มีราคาตายตัวสักเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับคลินิกแต่ละที ตลอดจนโรงพยาบาลแต่ละทีนั้นเอง แต่บอกได้ว่าราคาของการขอใบรับรองแพทย์ ใบขับขี่ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50 บาท ขึ้นไปก็ว่าได้
ข้อควรระวังเพิ่มเติมหลังจากได้รับใบรับรองแพทย์ ใบขับขี่มาแล้วก็คือ เมื่อนำไปใช้ทำใบขับขี่ ต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกจนถึงวันที่ขอทำใบขับขี่ หากไม่ใช่รูปแบบตามที่ขนส่งกำหนด หรือมีอายุเกินจากที่ระบุไว้ ถือว่าใช้ไม่ได้
ตามปกติของการขอใบรับรองแพทย์ ทําใบขับขี่ สถานพยาบาลบางแห่งอาจจะให้ตรวจตาบอดสีเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากหากสายตาของคุณมีความผิดปกติกับสีสันแล้ว การขับรถยนต์ไปเจอไฟจราจร ได้แก่ สีแดง, สีเหลือง และสีเขียว ก็อาจสร้างความสับสนได้เนื่องจากมองไม่เห็นสีที่ถูกต้องนั้นเอง อย่างไรก็ตามทางกรมขนส่งก็จะมีการทดสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่งอยู่ในเรื่องตาบอดสี
เมื่อเตรียมทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน สำเนาบัตรประชาชน หรือใบขับขี่ตัวจริง ทะเบียนบ้าน และใบรับรองแพทย์ สามารถเดินทางไปสำนักงานขนส่งแถวบ้านคุณได้เลย โดยในปัจจุบันอาจต้องลงทะเบียนจองคิวในรูปแบบออนไลน์เสียก่อน มีให้เลือกทั้งเว็บไซต์ gecc.dlt.go.th และแอปพลิเคชันชื่อว่า DLT smart queue
เมื่อสามารถจองคิวการทำใบขับขี่ผ่านรูปแบบออนไลน์ได้แล้ว สิ่งที่เหลือก็เตรียมตัวให้พร้อม หากเป็นการทำใบขับขี่ครั้งแรก จะต้องพบเจอการอบรมที่มีระยะเวลาตามประเภทใบขับขี่นั้น ๆ และยังต้องเตรียมตัวทำข้อสอบใบขับขี่ด้วย โดยในส่วนข้อสอบแบบทฤษฎีเรียกได้ว่าเป็นจุดยากสุดในการทำข้อสอบก็ว่าได้ ซึ่งมีการระบุไว้ว่า ต้องทำข้อสอบทั้งหมด 50 ข้อ และสามารถผิดได้เพียง 5 ข้อเท่านั้น เรียกว่าคะแนนต่ำสุดที่จะสอบผ่านก็คือ 45 คะแนน เลยทีเดียว
หลังจากสอบทางทฤษฎีเสร็จเรียบร้อย สิ่งสุดท้ายที่ต้องได้รับการทดสอบก็คือ สอบภาคสอบภาคปฏิบัติ ซึ่งมีรูปแบบเป็นฐานต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ความยากง่ายในการทดสอบขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ขับขี่เพียงเท่านั้น
สำหรับคนที่ต้องการต่อใบขับขี่เพียงเท่านั้น หากใบขับขี่ยังมีอายุไม่ขาดเกินตามที่สำนักงานขนส่งกำหนดไว้ จะไม่มีขั้นตอนการสอบต่าง ๆ แต่อย่างใด มีเพียงแค่ทดสอบอ่านสี ทดสอบเหยียบเบรก ทดสอบการกะระยะ เพียงเท่านั้น ในส่วนที่เหลือจะเป็นเพียงการนั่งฟังอบรมระยะเวลา 1 ชั่วโมง และไปถ่ายรูปรับบัตรใหม่ เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้น