วิธีถ่ายภาพหน้าจอพร้อมบอดี้เครื่องกับคำสั่งลัด Apple Frames รองรับ iPhone 14 Pro และ Apple Watch Ultra
Apple ปล่อยอัปเดต iOS 16.1.1 แก้ไขบั๊กต่างๆและอัปเดตความปลอดภัย
iOS
ย้อนอดีต iOS แต่ละรุ่นมีอะไรใหม่บ้าง? ก่อนที่ iOS 15 จะเปิดตัวโดยก่อนที่เราจะได้รู้ว่า iOS 15 ที่ Apple เตรียมเปิดตัวนั้นจะมีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆบ้าง เราจะพาทุกคนมาย้อนอดีตดูกันว่าใน iOS แต่ละรุ่นตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบันนั้นมีฟีเจอร์อะไรถูกเพิ่มเข้ามาบ้างในแต่ละรุ่น
By
Bankbnk
Published on 06/06/2021
ในวันที่ 7 มิถุนายนที่จะถึงนี้จะเป็นวันที่ Apple จัดงาน WWDC ซึ่งเป็นงานเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ของ Apple ซึ่งในงานจะมีการเปิดตัว iOS 15 ด้วย
โดยก่อนที่เราจะได้รู้ว่า iOS 15 ที่ Apple เตรียมเปิดตัวนั้นจะมีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆบ้าง เราจะพาทุกคนมาย้อนอดีตดูกันว่าใน iOS แต่ละรุ่นตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบันนั้นมีฟีเจอร์อะไรถูกเพิ่มเข้ามาบ้างในแต่ละรุ่น
iPhone OS 1
ในปี 2007 ซึ่งเป็นปีที่ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นแรกที่มาพร้อมกับ iPhone OS 1 โดยในความเป็นจริงแล้ว Apple ไม่ได้เรียกชื่อระบบปฏิบัติการบน iPhone นี้ว่า iPhone OS หรือ iOS เลยด้วยซ้ำ ซึ่ง Apple บอกแค่เพียงว่ามันมีพื้นฐานมาจาก Mac OS X, โดยมันมาถูกเรียกว่า iPhone OS 1 ก็หลังจากการมาของ iPhone OS 2 แล้ว
โดย iPhone OS 1 นั้นมี UI ที่ใช้งานง่ายมากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในยุคนั้น โดยมันมีไอคอนที่เข้าใจง่ายที่ต่อให้ผู้ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนก็จะรู้ได้เลยทันทีว่ามันไว้ใช้ทำอะไร
สำหรับฟีเจอร์ที่สำคัญสำหรับ iPhone OS 1 เลยก็คือการที่ Apple ใส่แอป iPod เข้าไปด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อผู้ใช้งานซื้อ iPhone แล้วก็จะได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ยกมาจาก iPod ไปด้วยโดยไม่จำเป็นต้องไปซื้อเครื่องเล่น mp3 แยกอีกต่อไป
นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับแอปปฏิทิน, สภาพอากาศ, Safari, Google Maps, Mail, YouTube และอื่นๆอีกมากมายเหมือนกับสมาร์ทโฟนในสมัยนั้น
iPhone OS 2
สำหรับ iPhone OS 2 เรียกได้ว่ามันเป็นระบบปฏิบัติการเปลี่ยนโลกเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมันมาพร้อมกับ App Store, โดยมันเป็นการอนุญาตให้นักพัฒนาภายนอกสามารถสร้างแอปให้กับ iPhone ได้ในระดับที่สมาร์ทโฟนอื่นๆในสมัยนั้นไม่สามารถทำได้
iPhone OS 2 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อื่นๆอีกเช่น การอนุญาตให้บันทึกรูปลงในแอปรูปภาพได้, เครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์, การแจ้งเตือนอีเมลแบบ Real-time และ iTunes Store
นอกจากนี้ iPhone OS 2 ยังถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุค Jailbreak อีกด้วย เนื่องจากเมื่อผู้ใช้งานได้ลองใช้งานไปสักพักแล้วก็จะพบกับข้อจำกัดต่างๆของ iPhone OS ที่ Apple จำกัดไว้
โดยการ Jailbreak จะเป็นการปลดล็อคข้อจำกัดต่างๆนี้ให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆที่ iPhone OS ยังไม่มีในขณะนั้นอย่าง Cut, Copy และ Paste อีกด้วย
iPhone OS 3
ใน iPhone OS 3 ส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้ประสบการณ์การใช้งาน iPhone ให้ดียิ่งขึ้นมากกว่าเช่น การเพิ่ม Spotlight Search, in-app purchase และ Cut, Copy, Paste ที่เครื่อง Jailbreak สามารถทำได้ก่อนแล้ว
รวมถึงใน iPhone OS 3 ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่าง Find My iPhone เข้ามาด้วย ซึ่งมันเป็นรากฐานที่สำคัญที่ทำให้ Apple สามารถต่อยอดออกมาเป็นอุปกรณ์ติดตามสิ่งของอย่าง AirTag ได้ในปัจจุบัน
iOS 4
ในปี 2010 Apple ได้ทำการเปลี่ยนชื่อจาก iPhone OS เป็น iOS เนื่องจากมันไม่ได้ถูกใช้ใน iPhone อย่างเดียวแล้ว แต่ยังรวมถึงใน iPad ด้วย
สำหรับ iOS 4 นั้นฟีเจอร์ที่นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่เปลี่ยนโลกอีกครั้งหนึ่งเลยก็คือ Facetime, โดยมันทำให้ผู้ใช้งานสามารถโทรหากันแบบเห็นหน้าได้ฟรีๆผ่านระบบ Wi-Fi ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ในสมัยนั้น
นอกจากนี้ iOS 4 ยังมาพร้อมกับ App Switcher ที่เรียกได้ว่าเป็น Multi-Tasking ขนาดย่อมๆที่ให้เราสามารถเปลี่ยนการใช้งานแอปไปมาได้โดยที่แอปนั้นๆไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นการทำงานใหม่
รวมถึงมันยังมาพร้อมกับการรวมแอปไว้ในโฟลเดอร์, Game Center และฟีเจอร์ที่หลายๆคนรอคอยบน iOS คือความสามารถในการเปลี่ยนภาพพื้นหลังได้นั่นเอง
iOS 5
iOS 5 นับว่าเป็นความก้าวหน้าอีกครั้งหนึ่งของแพลตฟอร์ม iOS เลยก็ว่าได้ โดยมันสามารถทำให้ iPhone ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ Mac หรือ PC อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้หากเราต้องการจะโหลดเพลงหรือถ่ายโอนไฟล์ต่างๆลง iPhone ก็จำเป็นจะต้องเชื่อมต่อกับ Mac หรือ PC ผ่านสาย แต่ใน iOS 5 สามารถเชื่อมต่อได้เลยหากอยู่ในวง Wi-Fi เดียวกัน
รวมถึงมันยังเป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้งาน iOS สามารถอัปเดต iOS ได้ง่ายๆผ่านระบบ OTA (Over The Air) เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ต้องอัปเดตผ่าน Mac หรือ PC เท่านั้นแม้จะเป็นเพียงการอัปเดตความปลอดภัยเล็กๆน้อยๆก็ตาม
iOS 5 ยังมาพร้อมกับ Notification Center ที่เป็นศูนย์รวมของการแจ้งเตือน, iMessage ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งาน iPhone สามารถส่งข้อความหากันได้ฟรี และ iCloud ที่เป็นบริการฝากไฟล์และสำรองข้อมูลบน Cloud
นอกจากนี้ iOS 5 ยังมาพร้อมกับ Siri อีกด้วย เพียงแต่มันใช้ได้แค่ใน iPhone 4S เท่านั้น
iOS 6
สำหรับ iOS 6 นั้นเรียกได้ว่ามีเสียงบ่นจากผู้ใช้งานพอสมควรเลยแม้ว่าจะมีการปรับปรุง Siri, เพิ่มโหมดถ่ายภาพ Panorama และแอป Passbook ก็ได้กลายมาเป็นแอป Wallet ในปัจจุบัน
โดยเสียงบ่นนั้นก็มาจากการที่ Apple ได้เอาแอป YouTube ออก รวมถึงแทนที่แอป Google Map ด้วย Apple Maps
Apple Maps ในตอนแรกนั้นเรียกได้ว่าเป็นหายนะเลยก็ว่าได้เมื่อเทียบกับ Google Maps, โดยมันเรนเดอร์ภาพได้ช้าและมีความละเอียดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Google Maps
ซึ่งในตอนนั้น Tim Cook ถึงกับต้องออกจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ Apple Maps และแนะนำให้ผู้ใช้งานไปดาวน์โหลดแอปแผนที่จากผู้พัฒนาคนอื่นๆใน App Store มาใช้กันก่อนเลยทีเดียว
iOS 7
iOS 7 เป็นการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ของ iOS จากการได้ Jony Ive เข้ามาดูแลการดีไซน์หลังจากที่ Scott Forstall ลาออกจาก Apple ไป
โดย iOS 7 มีการเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบเรียบง่ายและมีสีสันมากขึ้น ซึ่งมันเรียบง่ายขนาดที่มามีผู้ใช้งานสามารถลองสร้างไอคอนของ iOS 7 ได้โดยใช้เพียงแค่ Microsoft Word เท่านั้น
นอกจากดีไซน์ที่ถูกเปลี่ยนไปแล้วมันยังมาพร้อมกับ Control Center ที่สามารถเปิดปิด Wi-Fi, Bluetooth ได้โดยไม่ต้องเข้าแอปตั้งค่า, AirDrop ที่ทำให้การส่งไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ iOS เป็นเรื่องง่าย และ CarPlay ที่ช่วยให้หน้าจอรถยนต์สามารถใช้งานฟังก์ชั่นจาก iPhone บางส่วนได้