การเปลี่ยนแปลงแก้ไขระบบสารสนเทศ มี กี่ ขั้น ตอน อะไร บาง

ความจำเป็นในการพัฒนาระบบสารสนเทศ 

    1.  การเปลี่ยนแปลงกระบวนการบริหารและการปฏิบัติงาน  ระบบเดิมไม่สามารถให้ข้อมูลหรือทำงานได้ตามต้องการ มีการดำเนินงานหลายขึ้นตอน ยุ่งยากในการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาจัดทำข้อมูลสรุปสำหรับการติดตามการปฏิบัติงานโดยรวมขององค์การ จึงจำเป็นต้องพัฒนาหรือปรับปรุงระบบสารสนเทศที่สามารถช่วยให้ขั้นตอนการปฏิบัติงานภายในและกระบวนการบริหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    2.  การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี  เทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในระบบสารสนเทศปัจจุบันล้าสมัย ค่าช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบมีราคาสูง จึงต้องรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ซึ่งทำให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานที่มีอยู่เดิม

    3.  การปรับองค์การและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน 

            -  ระบบที่ใช้งานอยู่ปัจจุบันมีขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อน ขนาดเอกสารอ้างอิงหรือเอกสารที่มีอยู่ไม่ได้มารตรฐาน ทำให้การปรับปรุงหรือแก้ไขทำได้ยาก

            -  ความต้องการปรับองค์การให้เหมาะสมเพื่อสามารตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

            -  ระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้

            การพัฒนาระบบประกอบด้วย

            1)  กระบวนการทางธุรกิจ (Business Process) เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และขั้นตอนการดำเนินธุรกิจขององค์การ

            -  การปรับปรุงคุณภาพ

            -  การติดตามความล้มเหลวจากการดำเนินงาน

            -  การปรับค่าตอบแทนของพนักงานโดยใช้การปรับปรุงคุณภาพเป็นดัชนี

            -  การค้นหาและแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของความล้มเหลว           

    2)  บุคลากร (People) 

    3)  วิธีการและเทคนิค (Methodology and Technique) การเลือกใช้วิธีการและเทคนิคที่เหมาะสมกับลักษณะของระบบเป็นสิ่งสำคัญ

    4)  เทคโนโลยี (Technology) เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความเหมาะสมกับลักษณะขอบเขตของระบบสารสนเทศแล ะงบประมาณที่กำหนด  

    5)  งบประมาณ (Budget)  

    6)  ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์การ (Infrastructure)

    7)  การบริหารโครงการ (Project Management) 

            ทีมงานพัฒนาระบบ

    การพัฒนา IT เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบกระบวนการพัฒนาระบบหลายกลุ่ม โดยทั่วไปจะมีการทำงานเป็นทีมที่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และทักษะจากกลุ่มบุคคล

    1)  คณะกรรมการ (Steering Committee)

    2)  ผู้บริหารโครงการ (Project Manager)

    3)  ผู้บริหารหน่วยงานด้านสารสนเทศ (MIS Manager)

    4)  นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) ควรมีทักษะในด้านต่างๆ คือ

                        -  ทักษะด้านเทคนิค

                        -  ทักษะด้านการวิเคราะห์ 

                        -  ทักษะดานการบริหารจัดการ 

                        -  ทักษะด้านการติดต่อสื่อสาร

    5)  ผู้ชำนาญการทางด้านเทคนิค 

                        -  ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA)

                        -  โปรแกรมเมอร์ (Programmer)

    6)  ผู้ใช้และผู้จัดการทั่วไป (User and Manager) 

            หลักในการพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพ

    1)  คำนึงถึงเจ้าของและผู้ใช้ระบบ

    2)  เข้าถึงปัญหาให้ตรงจุด ซึ่งมีแนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นระบบมีขั้นตอนดังนี้
     -  ศึกษาทำความเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น

                     -  รวบรวมและกำหนดความต้องการ

     -  หาวิธีการแก้ปัญหาหลายๆ วิธีและเลือกวิธีที่ดีที่สุด

     -  ออกแบบและทำการแก้ปัญหาตามวิธีที่เลือก

     -  สังเกตและประเมินผลกระทบจากวิธีแก้ปัญหาที่นำมาใช้ และปรับปรุงวิธีการให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

    3)  กำหนดขั้นตอนหรือกิจกรรมในการพัฒนาระบบ

    4)  กำหนดมาตรฐานในการพัฒนาระบบ

    5)  ตระหนักว่าการพัฒนาระบบเป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง

    6)  เตรียมความพร้อมหากจะต้องยกเลิกหรือทบทวนระบบสารสนเทศที่กำลังพัฒนา

    7)  แตกระบบสารสนเทศที่จะพัฒนาออกเป็นระบบย่อย

    8)  ออกแบบระบบให้สามารถรองรับต่อการขยายหรือการปรับเปลี่ยนในอนาคต

         ขั้นตอนในการพัฒนาระบบสารสนเทศ 

            -  การกำหนดและเลือกโครงการ (System Identification and Selection)

            -  การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ (System Initiation and Planning)

            -  การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis)

            -  การออกแบบระบบ (System Design)

            -  การพัฒนาและติดตั้งระบบ (System Implementation)

            -  การบำรุงรักษาระบบ (System Maintenance)

    การพัฒนาระบบมีรูปแบบต่างๆ

            1.  การพัฒนาระบบแบบน้ำตก (Waterfall Model) แต่ละขั้นตอนของการพัฒนาระบบจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อได้ทำขั้นตอนก่อนหน้านี้เสร็จเรียบร้อยและจะไม่ย้อนกลับไปทำขั้นตอนก่อนหน้านี้อีก

             2.  การพัฒนาระบบแบบน้ำตกที่ย้อนกลับขั้นตอนได้ (Adapted Waterfall ) เป็นรูปแบบการพัฒนาที่หากดำเนินการในขั้นตอนใดอยู่สามารถย้อนกลับไปขั้นตอนก่อนหน้านี้ได้เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดหรือ    
          เพื่อต้องการความชัดเจน

            3. การพัฒนาระบบอย่างรวดเร็ว (Rapid Application Development) เป็นรูปแบบการพัฒนาที่มีการทำซ้ำบางขั้นตอนจนกว่าขั้นตอนต่างๆ ของระบบที่สร้างจะได้รับการยอมรับ

            4. การพัฒนาระบบในรูปแบบขดลวด (Evolutionary Model SDLC)  เป็นการพัฒนาระบบแบบวนรอบเพื่อให้การพัฒนาระบบมีความรวดเร็วโดยการพัฒนาระบบจะเริ่มจากแกนกลาง ในรอบแรกของการพัฒนาจะได้  ระบบรุ่น(Version) แรกออกมาและจะปรับปรุงให้ดีขึ้นในรุ่นที่สอง และดำเนินการแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รุ่นที่สมบูรณ์ 

    วงจรการพัฒนาระบบ

Phase 1  การกำหนดและเลือกสรรโครงการ  (System Identification and Selection) ผลของการพิจารณาของคณะกรรมการอาจเป็นไปได้ดังนี้

            -  อนุมัติโครงการ

            -  ชะลอโครงการ

            -  ทบทวนโครงการ

            -  ไม่อนุมัติโครงการ

Phase 2  การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ  (System Initiation and Planning) จะเริ่มจัดทำโครงการ  โดยจัดตั้งทีมงานพร้อมทั้งกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบ

            -     การศึกษาความเป็นไปได้

            -     การพิจารณาผลประโยชน์หรือผลตอบแทนที่จะได้รับจากโครงการ

            -     การพิจารณาค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนของโครงการ

            -     การวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการพัฒนาระบบสารสนเทศ

Phase 3  การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) ในขั้นตอนนี้จะเกี่ยวกับการเก็บข้อมูล

            -     Fact-Finding Technique

            -     Joint Application Design (JAD)

            -     การสร้างต้นแบบ 

Phase 4  การออกแบบระบบ (System Design) การออกแบบแบ่งเป็น 2 ส่วน

            -     การออกแบบเชิงตรรกะ (Logical Design)

            -     การออกแบบเชิงกายภาพ (Physical Design)

Phase 5  การดำเนินการระบบ (System Implementation) ซึ่งจะครอบคลุมกิจกรรมดังต่อไปนี้

            -     จัดซื้อหรือจัดหาฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟต์แวร์ (Solfware)

            -     เขียนโปรแกรมโดยโปรแกรมเมอร์ (Coding)

            -     ทำการทดสอบ (Testing)

            -     การจัดทำเอกสารระบบ (Documentation)

            -     การถ่ายโอนระบบงาน (System Conversion)

            -     ฝึกอบรมผู้ใช้ระบบ (Training)


Phase 6  การบำรุงรักษาระบบ (System Maintenance)

            เป็นขั้นตอนการดูและระบบเพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพในการทำงานโดยบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีหน้าที่ในส่วนนี้

การบำรุงรักษาระบบแบ่งได้ 4 ประเภท

            -     Corrective Maintenance เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของระบบ

            -     Adaptive Maintenance  เพื่อให้ระบบสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

            -     Perfective Maintenance  เพื่อบำรุงรักษาระบบให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            -     Preventive Maintenance  เพื่อบำรุงรักษาระบบป้องกันข้อผิดพลาดที่จะเกิด

วิธีการพัฒนาระบบสารสนเทศ

        1)  การพัฒนาระบบงานแบบดั้งเดิม (Traditional SDLC Methodology) เป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศตามวงจรการพัฒนาระบบที่มีขั้นตอนที่แน่นอน วิธีนี้เป็นวิธีเก่าแก่ที่สุดและนิยมเรียกย่อๆ ว่า SDLC

        2)  การสร้างต้นแบบ (Prototyping) เป็นการสร้างระบบต้นแบบขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้ทดลองใช้งานซึ่งนอกจากผู้ใช้จะได้แนวคิดเกี่ยวกับสารสนเทศที่ต้องการแล้วยังช่วยให้มองเห็นภาพของระบบที่จะพัฒนาได้ชัดเจนขึ้น

    การพัฒนาระบบโดยใช้ตนแบบแบงออกเป็น 4 ขั้นตอน

    ขั้นที่ 1 :  ระบุความต้องการเบื้องต้นของผู้ใช้

    ขั้นที่ 2 :  พัฒนาต้นแบบเริ่มแรก

    ขั้นที่ 3 :  นำต้นแบบมาใช้

    ขั้นที่ 4 :  ปรับปรุงแก้ไขต้นแบบ

       3)  การพัฒนาระบบโดยผู้ใช้ (End-user Development)

    4)  การใช้บริการจากแหล่งภายนอก (Outsourcing) เนื่องจากองค์การไม่มีบุคลากรที่มีทักษะความชำนาญ การจ้างหน่วยงานหรือบริษัทภายนอกที่มีความชำนาญด้านนี้มาทำการพัฒนาระบบให้ ซึ่งการทำสัญญาจ้างให้หน่วยงานภายนอกมาทำงานเกี่ยวกับการดำเนินงานของฝ่ายคอมพิวเตอร์นี้เรียกว่า IT Outsourcingในที่นี้จะเรียกสั้นๆ ว่า Outsourcing

    5)  การใช้ซอฟแวร์สำเร็จรูปประยุกต์ (Application Software Package) เป็นทางเลือกหนึ่งในการพัฒนา เช่น ระบบงานเงินเดือน ระบบบัญชีลูกหนี้ หรือระบบควบคุมสินค้าคลคลัง หากซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสามารถสนองต่อความต้องการระบบงานขององค์การได้ องค์การก้ไม่จำเป็นต้องพัฒนาขึ้นเอง เนื่องจากโปรแกรมสำเร็จรูปได้รับการออกแบบและผ่านการทดสอบแล้ว จึงช่วยลดค่าใช่จ่ายและเวลาในการพัฒนาระบบใหม่และยังช่วยให้การทดสอบ การติดตั้ง และการบำรุงรักษาระบบเป็นไปได้ง่ายขึ้น

       การพัฒนาระบบแบบออบเจ็กต์ (Object-Oriented Methodology)

            ประกอบด้วยกลุ่มของวัตถุ (Class of Objects) ซึ่งทำงานร่วมกัน มีการจัดกลุ่มของข้อมูลและพฤติกรรมหรือฟังก์ชันที่กระทำกับข้อมูลนั้นเป็นกลุ่มๆ ในรูปของออบเจ็กต์ เนื่องจากออบเจ็กต์มีคุณสมบัติในการนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Reusability) การพัฒนาโปรแกรมแบบออบเจ็กต์จึงใช้เวลาในการพัฒนาน้อยกว่าวิธีอื่น

การพัฒนาระบบงานประยุกต์แบบรวดเร็ว (Rapid Application Development) เป็นขั้นตอนในการพัฒนาระบบที่ใช้ระยะเวลาในการพัฒนารวดเร็วกว่าและคุณภาพดีกว่าวิธีพัฒนาระบบงานแบบดั้งเดิม  โดยมีการนำเครื่องมือซอฟต์แวร์มาช่วยในการพัฒนาระบบซึ่งมีขั้นตอนในการพัฒนาระบบอยู่ 4 ขั้นตอนคือ

        1)  การกำหนดความต้องการ

        2)  การออกแบบโดยผู้ใช้

        3)  การสร้างระบบ

        4)  การเปลี่ยนระบบหรือใช้ระบบ

ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาระบบสารสนเทศให้ประสบความสำเร็จ

        1)  การสนับสนุนจากฝ่ายบริหาร

        2)  การกำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน

        3)  ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของทีมพัฒนาระบบ

        4)  การเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม

        5)  การบริหารโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลเพิ่มเติม

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita