เชื่อว่าทุก ๆ คนคงรู้วิธีการดูแลเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ๆ เนื่องจากเครื่องยนต์เป็นหัวใจของรถนั้นเอง หากเสียหายขึ้นมาก็เรียกได้ว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ๆ ตลอดจนการเบิกเครื่องยนต์ใหม่ที่คุยกันที่หลักแสนเป็นอย่างน้อย ๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องยนต์เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้
ถ้ารองจากเครื่องยนต์แล้ว คงหนีไม่พ้นระบบเกียร์ส่งกำลังนั้นเอง ซึ่งการดูแลเรียกได้ว่าง่าย ๆ เพียงแค่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่บริษัทรถยนต์ได้กำหนด หากคุณละเลยไม่สนใจในเรื่องนี้แล้วล่ะก็ เมื่อเกียร์เกิดมีปัญหาขึ้นมา บอกได้เลยว่าเกียร์บ้างรุ่นค่าซ่อมไม่แพงเครื่องยนต์เลย และยิ่งจะเบิกเกียร์ลูกใหม่จากศูนย์บริการก็คุยกันที่หลักแสนบาทเหมือนกัน
ถ้ารองจากเครื่องยนต์แล้ว คงหนีไม่พ้นระบบเกียร์ส่งกำลังนั้นเอง
ทั้งนี้สามารถแยกเกียร์ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ สำหรับรถยนต์ ได้แก่
– เกียร์ธรรมดา
– เกียร์ออโตเมติก
เกียร์ทั้ง 2 ประเภทนี้มีค่าดูแลรักษาที่แตกต่างกันมากพอสมควร ตลอดจนราคาซ่อมแซมเมื่อมีปัญหาก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้เกียร์ทั้ง 2 ประเภท มีข้อดีหรือข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
การ เติม น้ำ หม้อ น้ำ รถยนต์ เรื่องง่าย ๆ ที่คนใช้รถยนต์ควรรู้
การ ดูแล รักษา แบตเตอรี่ รถยนต์ ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานให้นานขึ้น
เนื้อหา
- 1 เกียร์ธรรมดา (ถ่าย น้ำมัน เกียร์)
- 2 เกียร์ออโตเมติก (เปลี่ยนน้ำมันเกียร์)
เกียร์ธรรมดา (ถ่าย น้ำมัน เกียร์)
ถึก ทน ถูก เรียกว่าเป็น 3 คำแบบง่าย ๆ ที่สื่อถึงเกียร์ธรรมดา
ถึก ทน ถูก เรียกว่าเป็น 3 คำแบบง่าย ๆ ที่สื่อถึงเกียร์ธรรมดา ที่ในปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ โดยยังได้รับความนิยมกับรถกระบะเป็นหลัก เนื่องจากความสะดวกสบายในการใช้งานเฉพาะถนนที่มีการจราจรแน่นหนา รถติดเป็นเวลานาน ๆ การขับรถยนต์เกียร์ธรรมดาถือว่าไม่สะดวกสบายสักเท่าไหร่
นอกจากนี้ความไม่นิยมของเกียร์ธรรมดาในปัจจุบันคงหนีไม่พ้น กลุ่มคนยุคใหม่เลือกจะฝึกขับขี่รถยนต์ที่เป็นเกียร์อัตโนมัติแต่แรก เนื่องจากมีความง่ายกว่าพอสมควรนั้นเอง
อย่างไรก็ตามเกียร์ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นกลไกที่ใช้ฟันเฟืองขบกันเพื่อสร้างอัตราทดของเกียร์เพียงเท่านั้น เรียกง่าย ๆ ว่าไม่มีระบบไฟฟ้าควบคุมแต่อย่างใด ทุกอย่างผู้ขับขี่เป็นควบคุมทั้งหมด สิ่งเหล่านี้เองส่งผลทำให้เกียร์ธรรมดามีความทนทานนั้นเอง ต่อให้ฟันเฟืองเกียร์ที่ขบกันเกิดแตกเสียหายขึ้นมา ก็สามารถรื้อเปลี่ยนฟันเฟืองนั้นได้แบบง่าย ๆ ในราคาหลักพันเพียงเท่านั้น ตรงกับรสนิยมที่ว่า ถึก ทน ถูก
การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็เรียกได้ว่า ไม่มีข้อกำหนดที่ตายตัวสักเท่าไหร่ แต่จะเฉลี่ยที่ระยะทาง 50,000 กิโลเมตรขึ้นไปถึงควรเปลี่ยน ซึ่งการถ่าย น้ำ มัน เกียร์ ราคาหลักร้อยเพียงเท่านั้น โดยมีข้อแนะนำเพิ่มเติมในเรื่องการสอบถามราคาทุกครั้งก่อนทำการเปลี่ยนถ่าย น้ำมัน เกียร์
เกียร์ออโตเมติก (เปลี่ยนน้ำมันเกียร์)
ทั้งนี้เกียร์ออโตเมติกสามารถแยกย่อยออกเป็นประเภทต่าง
เรียกได้ว่าเป็นเกียร์ที่ได้รับความนิยมในรถยนต์ปัจจุบันก็ว่าได้ ทั้งนี้เกียร์ออโตเมติกสามารถแยกย่อยออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้อีกขั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามวิธีการดูแลแบบขั้นพื้นฐานเรียกได้ว่าไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างใด สิ่งนั้นก็คือ การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์นั้นเอง
ทั้งนี้มีความละเอียดในการใช้งานของเกียร์ออโตเมติกอยู่มากกว่าเกียร์ธรรมดาอยู่พอสมควร เนื่องจากระบบเกียร์มีความซับซ้อน และเปราะบาง หากคุณใช้งานโดยไม่ดูแลรักษา ซึ่งระยะ เปลี่ยน น้ำ มัน เกียร์ออโตเมติกขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์นั้น ๆ อีกที ให้ยึดถือตามคู่มือรถไว้เป็นหลัก ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 15,000 – 20,000 กม.
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ ราคาเฉลี่ยอยู่ประมาณ 1,000 – 1,500 บาท โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับเกรดน้ำมันเกียร์ที่เลือกใช้ และร้านที่ให้บริการอีกทีหนึ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกียร์ออโตเมติกจะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่แพงกว่าเกียร์ธรรมดาอยู่เล็กน้อย แต่แลกกับความสะดวกสบายในการใช้งานนั้นเอง
เนื่องด้วยเกียร์ออโตเมติกมีความทนทานสู้เกียร์ธรรมดาไม่ได้ ซึ่งรถยนต์บ้างรุ่นมีการแนะนำให้ติดตั้ง Oil Cooler เกียร์เพิ่มเติม โดยจะช่วยระบายความร้อนของน้ำมันเกียร์ดีขึ้น ช่วยให้อายุของเกียร์ออโตเมติกยาวนานขึ้น แต่ไม่ใช่รถยนต์ที่ใช้เกียร์ออโตเมติกทุกรุ่นต้องติดตั้งแต่อย่างใด
Oil Cooler
สุดท้ายนี้การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ควรเป็นไปตามระยะทางที่คู่มือได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะเกียร์ออโตเมติกที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เกียร์มีอายุการใช้งานที่นาน ป้องกันความเสียหายก่อนเวลาอันควร
ระบบเกียร์ โดยเฉพาะเกียร์ออโต้นั้น บางทีผู้ใช้งานขับขี่อยู่อาจจะไม่รู้ว่าในการขับรถ เหยียบคันเร่งหรือผ่อนเกียร์นั้น ระบบเกียร์ก็จะปรับเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วที่ต้องการโดยอัตโนมัติ ซึ่งการปรับเปลี่ยนเกียร์อยู่ตลอดเวลานั้นอาจมีแรงเสียดทานเกิดขึ้นอยู่ภายใน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีน้ำมันหล่อลื่นเพื่อลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งก็คือน้ำมันเกียร์นั่นเอง และถ้าหากอยากรู้ว่า ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เมื่อไหร่ หรืออาการแบบไหนที่ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ได้แล้ว เรามาดูกัน
อาการเหล่านี้บ่งบอกว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ได้แล้ว
ลองสังเกตความผิดปกติในระหว่างการขับขี่รถยนต์ ว่ามีอาการต่อไปนี้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดความผิดปกติในระบบเกียร์ หรือน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ หรือหากเปลี่ยนแล้วยังไม่หายก็ควรให้ช่างตรวจเช็ค
- เข้าเกียร์ในตำแหน่ง D หรือ R แล้วรถออกตัวยาก
- มีอาการกระตุกเมื่อเข้าเกียร์ D หรือ R
- จังหวะการเปลี่ยนเกียร์สะดุด บางครั้งก็มีอาการวืด
- เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ยากขึ้น
- มีกลิ่นไหม้
- มีเสียงดังในจังหวะขับขี่หรือเมื่อต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์
เช็ครอบเปลี่ยนถ่ายเอาไว้ว่า ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เมื่อไหร่
สำหรับรถที่มีอาการปกติดีอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็ได้ แต่ทางที่ดีควรเปลี่ยนตามระยะที่กำหนด ซึ่งจริงๆ แล้วระยะการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไม่ได้กำหนดเป็นตัวเลขที่แน่นอนตายตัว แต่ระยะเปลี่ยนที่ส่วนใหญ่มักใช้กันก็คือ เปลี่ยนทุกๆ 40,000 กม. หรือทุก 2 ปี ลองดูว่าแบบไหนถึงก่อนกันก็เปลี่ยนก่อน เช่น รถวิ่งบ่อยวิ่งตลอดเวลา แป๊บๆ ก็ถึง 40,000 กม. ก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว แต่ถ้ารถที่นานๆ เอาออกมาขับที สองปีแล้วยังไม่ถึงสี่หมื่นกิโล ก็ควรได้เวลาเปลี่ยนน้ำมันเกียร์แล้วเช่นกัน
ซึ่งถ้าหากเรากลัวว่าจะจำไม่ได้ ก็ให้จดบันทึกเลขไมล์และวันที่เอาไว้สำหรับเปลี่ยนในครั้งต่อไป หรือจะบันทึกไว้ในแอพเพื่อเตือนความจำก็ได้เช่นกัน เพื่อที่จะไม่ลืมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เพราะถ้าหากปล่อยให้นานเข้าน้ำมันเกียร์อาจไม่สะอาดและเสื่อมสภาพ แล้วจะส่งผลให้ระบบเกียร์มีปัญหาได้ ดังนั้นนอกจากเรื่องระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ก็ควรหมั่นสังเกตอาการรถว่าเข้าข่ายมีปัญหาที่ระบบเกียร์หรือเปล่า จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที และมีรถใช้คู่กับเราไปนานๆ