การเขียนรายงาน คือการเขียนเสนอผลงานอันได้มาจากการศึกษาค้นคว้าพิเศษนอกเหนือจากเรื่องที่ได้ศึกษาในชั้นเรียนเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
รูปแบบของรายงาน
รูปแบบของการรายงาน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนประกอบตอนต้น ส่วนเนื้อหา และส่วนประกอบตอนท้าย ดังนี้
ส่วนประกอบตอนต้น
- หน้าปกรายงาน ส่วนบนเขียนชื่อเรื่อง ส่วนกลางชื่อผู้รายงาน ส่วนล่างบรรทัดแรกให้เขียนว่า “ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชา… ” บรรทัดที่สองเป็นชื่อสถาบันศึกษา ส่วนบรรทัดที่สามบอกภาคที่เรียนและปีการศึกษา
- คำขอบคุณ เป็นส่วนที่ไม่บังคับ อาจมีหรือไม่มีก็ได้
- คำนำ เป็นการบอกขอบข่ายของเรื่อง สาเหตุที่ทำให้เลือกทำรายงานเรื่องนี้ จุดมุ่งหมายในการเขียน
- สารบัญ หมายถึง บัญชีบทต่าง ๆ ในสารบัญมีบทและตอนต่าง ๆ เรียงตามลำดับกับที่ปรากฏในหนังสือ ตลอดจนการขอบคุณผู้ที่ช่วยเหลือในการทำรายงาน
- บัญชีตารางหรือภาพประกอบ (ถ้ามี) เพื่อให้มีเนื้อหาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น รายงานบางเรื่องอาจต้องใช้ตาราง นิยมทำบัญชีตารางหรือบัญชีภาพประกอบไว้ในหน้าถัดไปจากสารบัญ
ส่วนเนื้อเรื่อง
- ส่วนที่เป็นเนื้อหา ต้องมีตอนนำ ตอนตัวเรื่อง และตอนลงท้ายเช่นเดียวกับการเขียนเรียงความ
- ส่วนประกอบในเนื้อหา ได้แก่
• อัญประกาศ คือข้อความที่คัดมาจากคำพูดหรือข้อเขียนของผู้อื่น โดยไม่ได้ดัดแปลง
• เชิงอรรถ คือข้อความท้ายหน้า มีไว้เพื่อแจ้งที่มาของข้อความในตัวเรื่อง
ส่วนประกอบตอนท้าย
- บรรณานุกรม คือ รายชื่อสิ่งพิมพ์ตลอดจนวัสดุอ้างอิงทุกชนิด
ที่เกี่ยวข้องกับการทำรายงาน พิมพ์ไว้ ตอนท้ายสุดของรายงาน การเขียนบรรณานุกรม ต้องบอกชื่อสกุลผู้แต่ง ชื่อหนังสือ ครั้งที่พิมพ์
• เมืองที่พิมพ์ สำนักพิมพ์ ปีที่พิมพ์ จำนวนหน้า - ภาคผนวกหรืออภิธานศัพท์ คือ ส่วนที่นำมาเพิ่มเติมท้ายรายงานเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น
กระบวนการเขียนรายงาน
ขั้นตอนการเขียนรายงาน มีดังนี้
- การเลือกเรื่องและตั้งชื่อเรื่อง เรื่องที่เลือกมาศึกษา ควรเป็นเรื่องที่เสริมความรู้ในการเรียนวิชาใดวิชาหนึ่ง ขอบเขต ที่เลือกควรเหมาะสมกับเวลาในการค้นคว้าและการเขียนรายงาน
- การกำหนดจุดมุ่งหมายและขอบเขตของเรื่อง จะต้องมีจุดมุ่งหมายและเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เพื่ออะไร มีขอบเขตเพียงใด เช่น หากจะเขียนรายงานเรื่องพิธีมงคลโกนจุกอาจกำหนดจุดมุ่งหมายและขอบเขต ดังนี้
• จุดมุ่งหมาย : การศึกษาประเพณีไทยโบราณ
• ขอบเขต : ความเป็นมาและงานพิธีโกนจุก - การเขียนโครงเรื่อง โครงเรื่อง คือ กรอบ ของเรื่องที่ใช้เป็น แนว ในการเขียนรายงานโครงเรื่องประกอบด้วย
• บทนำหรือความนำซึ่งมีหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย ควรตั้งชื่อให้กะทัดรัด ใจความครอบคลุมเนื้อหา - การเขียนเนื้อหา ได้จากการค้นคว้า จากแหล่งต่าง ๆ ไม่ว่าจากการอ่าน การฟัง การสังเกต การสัมภาษณ์ ฯลฯ ที่ผู้เขียนได้บันทึกไว้ แต่ไม่ใช่การคัดลอกหรือตัดต่อ ผู้เขียนเรียบเรียงด้วยสำนวนของตนเอง สำนวนภาษาควรอ่านเข้าใจง่าย ใช้คำที่เหมาะสม ประโยคกะทัดรัด
- บทสรุป คือสรุปผลการศึกษาค้นคว้า มีการอภิปรายผลการศึกษาค้นคว้าและเสนอแนะ ( ถ้ามี )
- การอ้างถึง หมายถึงการบอกให้ทราบว่าข้อความที่ใช้ในการเขียนรายงานมาจากแหล่งใด เพื่อผู้อ่านจะได้ตรวจสอบหรือติดตามอ่านเพิ่มเติม
การจัดรูปแบบการเขียนรายงาน เรียงลำดับตามนี้
- หน้าปก
- หน้ารองปก (กระดาษเปล่า)
- หน้าปกใน (รายละเอียดเหมือนหน้าปกแต่ใช้กระดาษสีขาว)
- คำนำ
- สารบัญ
- เนื้อเรื่อง
- บรรณานุกรม
- ภาคผนวก
- รองปกหลัง (กระดาษเปล่า)
- หน้าปกหลัง
การจัดหน้ากระดาษ ใช้กระดาษ A4 โดยตั้งค่าหน้ากระดาษ ดังนี้
- ซ้าย ระยะห่างเท่ากับ 1.5 นิ้ว
- ขวา ระยะห่างเท่ากับ 1 นิ้ว
- บน ระยะห่างเท่ากับ 1.5 นิ้ว
- ล่าง ระยะห่างเท่ากับ 1 นิ้ว
หมายเหตุ 1 นิ้ว เท่ากับ 2.54 เซนติเมตร
ตัวอย่างปกรายงาน
ตัวอย่างคำนำรายงาน
คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา…….ชั้น…เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง……..และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กับการเรียน
ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้จัดทำ
วันที่…………….
ตัวอย่างสารบัญ
ตัวอย่างบรรณานุกรม
ภาคผนวก ภาคผนวกคือ ส่วนที่เพิ่มเติมจากรายงานเพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่องได้ดีขึ้น เช่น สถิติ รูปภาพ
แบบสอบถาม
รูปแบบการทำรายงานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้
ส่วนประกอบรายงานมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 : ส่วนประกอบตอนต้น
- หน้าปก
- ใบรองปก
- หน้าปกใน
- คำนำ
- สารบัญ
ส่วนที่ 2 : ส่วนเนื้อหา
- บทนำ
หลักการและเหตุผล
วัตถุประสงค์
สมมติฐาน
ขอบเขตของการดำเนินงาน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
นิยามศัพท์เฉพาะ
2. แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
3. วิธีการดำเนินการ
4. การนำเสนอผลของข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล
5. สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ
ส่วนที่ 3 : ส่วนประกอบตอนท้าย
- บรรณานุกรม
- ภาคผนวก
- ประวัติผู้ค้นคว้า
- ใบรองปกหลัง
- ปกหลัง
หลักการทำรายงานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้
ส่วนประกอบของรายงาน
1. ส่วนนำเรื่อง (Front matter) ประกอบด้วย
1.1 ปกนอก (Cover) มีวิธีการเขียนดังนี้
1.1.1 ส่วนบน เขียนชื่อรายงานไว้ด้านกลางหน้า
1.1.2 ส่วนกลาง เขียนชื่อ นามสกุล โดยไม่ต้องเขียนคำนำหน้าชื่อ (เด็กหญิง เด็กชาย นาย หรือ นางสาว) อาจเขียนชั้นที่ศึกษาและเลขที่ของผู้ทำรายงานไว้บรรทัดถัดไป
กรณีรายงานที่มีผู้จัดทำ 3 คนขึ้นไป ให้เขียนชื่อคนที่มีตัวอักษรนำหน้าเป็นลำดับแรกของชื่อผู้จัดทำทั้งหมด ตามด้วยคำว่าคณะ แล้วให้เขียนชื่อผู้จัดทำทั้งหมดในหน้าปกใน
1.1.3 ส่วนล่าง แบ่งเป็น 3 บรรทัด
– บรรทัดแรก เขียนชื่อรายวิชา ตามด้วยในวงเล็บรหัสวิชา โดยใช้คำว่า “รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา………….. (รหัสวิชา)”
– บรรทัดที่ 2 เขียนชื่อโรงเรียน “โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์”
– บรรทัดที่ 3 เขียนภาคเรียนที่ และปีการศึกษา ที่เขียนรายงาน
การเขียนหน้าปก ควรกะระยะตัวอักษรที่เขียนให้อยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษ โดยเว้นที่ว่างทางด้านซ้ายและขวาให้เท่ากัน และเว้นช่องว่างส่วนบนและล่างให้เท่าๆกัน
1.2 ใบรองปก เป็นกระดาษเปล่าหนึ่งแผ่น ต่อจากปกนอก
1.3 ปกใน (Title page) เขียนข้อความเดียวกับปกนอกกรณีรายงานที่มีผู้จัดทำ 3 คนขึ้นไป ให้เขียนชื่อผู้จัดทำทุกคน เรียงตามลำดับตัวอักษรของชื่อ หรือตามลำดับชั้น และเลขที่
1.4 คำนำ (Preface) ควรแบ่งเป็น 3 ย่อหน้า และควรกล่าวรายละเอียดดังนี้
ย่อหน้าที่ 1 กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการเขียนรายงาน เป็นการเกริ่นนำถึงสาเหตุหรือแรงบันดาลใจที่ศึกษาค้นคว้าในการทำรายงานเรื่องนี้
ย่อหน้าที่ 2 กล่าวถึงขอบเขตของเนื้อหาในรายงานอย่างย่อๆ ว่ากล่าวถึงอะไรบ้าง
ย่อหน้าที่ 3 กล่าวขอบคุณผู้ที่ให้ความร่วมมือ ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสนับสนุน อันมีส่วนทำให้รายงานฉบับนี้สมบูรณ์
(คำว่า “คำนำ” ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabunขนาด 18 พิมพ์หนา เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงขึ้นย่อหน้าที่ 1” หรือห่างจากขอบบน 2 นิ้ว )
1.5 สารบัญ (Table of Contents) หมายถึง บัญชีหัวข้อสำคัญและหัวข้อย่อยในรายงานทั้งหมด โดยเขียนเรียงลำดับที่ปรากฏในรายงานตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายพร้อมทั้งบอกเลขหน้าด้วยว่า หัวข้อนั้น ๆ อยู่หน้าใด เพื่อสะดวกในการค้นคว้า กรณีที่มีภาพหรือตารางภายในรายงาน ให้มีสารบัญภาพ (List of Figures) และสารบัญตาราง (List of Tables) ด้วย โดยการกำกับลำดับภาพหรือตารางให้นับตามบท เช่น ถ้าเป็นภาพที่ 1 ของบทที่ 1 ให้กำกับว่า “ภาพที่ 1.1” หรือ “Figure 1.1” ถ้าเป็นภาพที่ 4 ในบทที่ 2 ให้กำกับว่า “ภาพที่ 2.4”หรือ “Figure 2.4”
(คำว่า “สารบัญ” ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun ขนาด 18 พิมพ์หนา เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงขึ้นย่อหน้าที่ 1” )
2. ส่วนเนื้อเรื่อง (Text) ประกอบด้วย
2.1 บทนำ (Introduction) เป็นส่วนที่บอกเหตุผลและวัตถุประสงค์ในการทำรายงานเรื่องนั้นชี้แจงขอบเขตของเรื่อง บอกให้ทราบว่าการทำรายงานนั้นมีความมุ่งหมายอย่างไร งานค้นคว้ากว้างหรือแคบเพียงใด ใช้วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างไร มีการจัดระเบียบข้อมูลอย่างไรมีสมมติฐานของการศึกษาค้นคว้าอย่างไร
บทนำเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้ผู้อ่านได้สัมผัสกับความคิดและกลวิธีการเขียนของผู้เขียน มีส่วนสำคัญในการจุดประกายความสนใจของผู้อ่านให้อยากติดตามอ่านต่อไป ถ้าบทนำไม่น่าสนใจ สับสน หรือคลุมเครือ ผู้อ่านจะไม่สนใจอยากอ่าน ดังนั้นบทนำจึงต้องชัดแจ้ง น่าอ่าน และกระตุ้นความสนใจของผู้อ่าน
2.2 เนื้อหา (Body of Paper) คือข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการเลือกสรร จากการศึกษาค้นคว้าทั้งหมดและได้จัดระเบียบข้อมูลนั้นอย่างดี ถ้ามีเนื้อเรื่องมาก ควรแบ่งเป็นบท ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆ ก็แบ่งเป็นหัวข้อเรื่อง ตัวเรื่องจะประกอบด้วยหัวข้อใหญ่ หัวข้อรอง หัวข้อย่อย แต่ละหัวข้อจะมีสารัตถะขยายความ ได้แก่ เรื่องราว ข้อเท็จจริง ข้อมูล ภาพ แผนภูมิ ฯลฯ ในการเขียนเนื้อหา ถ้าผู้เขียนเรียบเรียงจากการค้นคว้าจากแหล่งอื่น เช่น หนังสือ วารสารสัมภาษณ์ ฯลฯ ผู้เขียนควรระบุด้วยว่าข้อความตอนใด ได้มาจากแหล่งใด ตามหลักการเขียนอ้างอิงแบบนาม-ปี เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้อ่านที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมและเพื่อแสดงมารยาทในการเขียนรายงานวิชาการของผู้เขียน
2.3 บทสรุป (Conclusion) มิใช่การย่อความโดยนำเนื้อหาสาระมากล่าวซ้ำ แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลและสาระสำคัญเพื่อประมวลแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจ แล้วนำเรียบเรียงเป็นบทสรุป ภาษาที่ใช้ในการนำเสนอเรื่องมักเป็นภาษาทางการ ใช้วิธีเขียนด้วยการลำดับความใช้ คำง่าย มีการใช้เหตุผลนำเสนอ นิยมใช้ถ้อยคำสำนวนของผู้เขียนเอง เป็นการเขียนย้ำหรือเน้นประเด็นสำคัญของเนื้อหาหรือสรุปผลของการศึกษาค้นคว้า
ในแต่ละบท ให้ระบุเลขที่บทและหัวข้อใหญ่ของแต่ละบท โดยคำว่า“บทที่…” และหัวข้อใหญ่ของแต่ละบท ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun ขนาด 18 พิมพ์หนา โดยเขียน “บทที่…” ไว้บรรทัดแรก และบรรทัดถัดมาเป็นหัวข้อของบทนั้น แล้วเว้น 1 บรรทัด แล้วจึงขึ้นในส่วนของเนื้อหา
3. ส่วนท้าย (Back matter) ประกอบด้วยเรื่องราวต่างๆ ดังนี้
3.1 เอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรม (References หรือ Bibliography) เป็นบัญชีประมวลรายชื่อหนังสือ วารสารและเอกสารต่างๆที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ถ้าเป็นบัญชีที่แสดงเฉพาะเอกสารที่ใช้ในรายงานหรือที่ปรากฏในอ้างอิงแบบนาม-ปี ให้ใช้คำว่า “เอกสารอ้างอิง” แต่ถ้ามีเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าที่นอกเหนือจากที่ปรากฏในอ้างอิงแบบนาม-ปีในรายงาน ให้ใช้คำว่า “บรรณานุกรม”
(คำว่า “เอกสารอ้างอิง” หรือ “บรรณานุกรม” ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabunขนาด 18 พิมพ์หนา เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงเขียนบรรทัดแรกตามรูปแบบการเขียนที่กำหนดในบทที่ 2”
3.2 ภาคผนวก (Appendix) เป็นเรื่องที่นำมาเพิ่มเติมรายงานให้สมบูรณ์ แต่มิใช่เนื้อหาโดยตรงของเรื่อง จัดแยกไว้ท้ายเล่ม ถ้ามีหลายเรื่องก็จัดเป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ตามลำดับ
ในการเขียนภาคผนวก ให้เขียนไว้ส่วนท้ายสุดของเล่ม โดยให้เขียนคำว่า “ภาคผนวก” ไว้ตรงส่วนกลางของหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun ขนาด 18 พิมพ์หนา แล้วหน้าถัดไปบรรทัดแรก ให้เขียนคำว่า “ภาคผนวก” ไว้ตรงส่วนกลางของหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun 18 พิมพ์หนา แล้วเว้น 1 บรรทัด จึงเริ่มเขียนรายละเอียดของภาคผนวก
รูปแบบการเขียนรายงาน
- กำหนดให้ใช้กระดาษสีขาว ชนิดไม่ต่ำกว่า 70 – 80 แกรม ขนาด A4 ไม่มีเส้นและใช้เพียง
หน้าเดียว (หรือตามความเหมาะสม)
- กระดาษทำปกให้ใช้กระดาษสีขาว หรือสีพื้น หรือแบบที่มีลวดลายในตัว หรือมีรูปภาพประกอบที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในรายงาน
- รูปแบบตัวอักษร ให้ใช้เป็นสีดำ คำว่า “คำนำ” “สารบัญ” “บทที่” และหัวข้อใหญ่ ให้ใช้
รูปแบบอักษรเป็น TH Sarabun ขนาด 18 พิมพ์หนา และในส่วนของเนื้อหากำหนดให้ใช้รูปแบบตัวอักษร TH Sarabun ขนาด 16 พิมพ์ธรรมดา แต่ในส่วนของหัวข้อย่อยให้ใช้พิมพ์หนา
- การตั้งค่าหน้ากระดาษกำหนดดังนี้
– กั้นหน้าหรือด้านซ้าย (ส่วนที่เย็บเล่ม) และขอบบน ตั้งค่า 1.5 นิ้ว หรือ 3.81 เซนติเมตร
– กั้นหลังหรือด้านขวา และขอบล่างตั้งค่า 1.0 นิ้ว หรือ 2.54 เซนติเมตร
- การย่อหน้า ย่อหน้าแรกให้เว้นจากกรอบซ้าย 7 ช่วงตัวอักษร แล้วพิมพ์ตรงตัวที่ 8 ย่อหน้าที่
สอง หรือย่อหน้าต่อๆ ไปให้เว้นเข้าไปอีกครั้งละ 3 ช่วงตัวอักษร หรือใช้วิธีการตั้งแท็บเพื่อให้ตัวอักษรตรงกันโดยย่อหน้าแรกตั้งเป็น 0.6 นิ้วและย่อหน้าต่อๆ ไปให้เว้นเข้าไปอีกครั้งละ 3 ช่วงตัวอักษร เลขกำกับหน้า ให้พิมพ์ไว้มุมบนขวา ห่างจากขอบบน 1 นิ้ว โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
– เลขกำกับหน้าของส่วนนำเรื่อง ซึ่งในการเขียนรายงานภาษาไทยนิยมใช้ ก ข และ ค
ตามลำดับ ส่วนในรายงานภาษาอังกฤษ อาจใช้เป็น a, b และ c หรือ ใช้เป็นตัวเลขโรมัน
I, II และ III
– เลขกำกับหน้าของส่วนเนื้อเรื่องให้ลำดับตัวเลข 1, 2, …
- การจำแนกหัวข้อ ควรให้หัวข้อกับรายละเอียดอยู่ในหน้าเดียวกัน และมี 3 รูปแบบ ดังนี้
– แบบที่ 1 ถ้าลำดับหัวข้อใหญ่แล้วตามด้วยหัวข้อรองโดยไม่มีข้อความคั่น ให้เขียนหัวข้อ
ย่อยลงไปได้แค่ x.x.x เท่านั้น แล้วให้เปลี่ยนรูปแบบ อาจใช้เป็น ก ข ค หรือ 1) 2) 3) ก็ได้ เช่น
1.//หัวข้อใหญ่
1.1//หัวข้อรอง
1.1.1//หัวข้อย่อย
1)//ข้อความ……………………………………………………………………………………………….
2)//ข้อความ……………………………………………………………………………………………….
3)//ข้อความ……………………………………………………………………………………………….
1.1.2//หัวข้อย่อย
1)//ข้อความ……………………………………………………………………………………………….
2)//ข้อความ……………………………………………………………………………………………….
3)//ข้อความ……………………………………………………………………………………………….
1.2//หัวข้อรอง
ข้อความ…………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………
– แบบที่ 2 ถ้ามีข้อความคั่นระหว่างหัวข้อใหญ่และหัวข้อรอง ให้ตัวเลขของหัวข้อรองตรงกับย่อหน้าแรกของข้อความ (แท็บ 0.6 นิ้ว) และข้อความของหัวข้อรองให้ย่อหน้าตรงกับตัวอักษรตัวแรกของหัวข้อรอง
1. หัวข้อใหญ่
ข้อความ……………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
1.1//หัวข้อรอง
ข้อความ…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
1.2//หัวข้อรอง
ข้อความ…………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
1.2.1//หัวข้อย่อย
ข้อความ……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
1.2.2//หัวข้อย่อย
ข้อความ……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
– แบบที่ 3 ถ้าไม่กำกับเลขของหัวข้อใหญ่ ก็ให้นับลำดับของหัวข้อรองเป็น 1, 2,…
หัวข้อใหญ่
ข้อความ……………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
1.//หัวข้อรอง
ข้อความ…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2.//หัวข้อรอง
ข้อความ…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
หมายเหตุ / หมายถึง จำนวนครั้งการเคาะ space bar
การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยเรียน (CAL) วิชาภาษาไทย
เรื่อง การวิเคราะห์วรรณคดี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
The Computer Assisted Learning Lessons in Thai Language Subject on The Topic of “Analysis Literature” For Mathayom 6
โสภิตา สังฆะโณ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ IS 32201
โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555
คำนำ
(ข้อความ)………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(ข้อความ)…………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(ข้อความ)………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
โสภิตา สังฆะโณ
7 มิถุนายน 2555
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
สารบัญภาพ ค
สารบัญตาราง ง
บทที่ 1 ชื่อบท 1
1.//หัวข้อใหญ่ 1
1.1//หัวข้อรอง 1
1.2//หัวข้อรอง 2
2.//หัวข้อใหญ่ 3
2.1//หัวข้อรอง 3
2.2//หัวข้อรอง 4
บทที่ 2 ชื่อบท 6
บทที่ 3 ชื่อบท 15
บรรณานุกรม 21
ภาคผนวก ก 24
ภาคผนวก ข 26
ประวัติผู้ค้นคว้า
สารบัญภาพ
หน้า
ภาพที่ 1.1 1
ภาพที่ 1.2 3
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 1.1 2
ตารางที่ 2.1 6
.
.
.
.
.
.
.
.
บทที่ 1
ชื่อบท
(ข้อความ)……………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
1.//หัวข้อใหญ่
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
บรรณานุกรม
กอบกาญจน์ ภิญโญมารค. 2547. ภาษากับความคิดและการสื่อสาร. ปัตตานี: มิตรภาพ
พูลสุข เอกไทยเจริญ./2550./การเขียนรายงานการค้นคว้า./กรุงเทพฯ:/สุวีริยาสาส์น
*ถ้ามีบรรทัดที่สอง ให้เว้นไป 8 ตัวอักษรแล้วจึงเขียนตัวแรกของบรรทัดที่สอง เช่น
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ. 2544. /
////////ความรู้เบื้องต้นด้านวัสดุ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: งานฝึกอบรม ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและ
////////วัสดุแห่งชาติ.
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก
ภาคผนวก ข
เอกสารอ้างอิง
พูลสุข เอกไทยเจริญ. (2551). การเขียนรายงานการค้นคว้า . กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
4.รูปแบบการทำรายงานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้