ค่านิยม (Values)
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ว่า หมายถึง สิ่งที่บุคคลหรือสังคมยึดถือเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ และกำหนดการกระทำของตนเอง
อิทธิพลของค่านิยมต่อตัวบุคคล
ค่านิยมไม่ว่าจะเป็นของบุคคลหรือค่านิยมของสังคม จะมีอิทธิพลต่อตัวบุคคล ดังนี้ คือ
1. ช่วยให้บุคคลตัดสินใจว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ดีหรือไม่ดี มีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่าควรทำหรือไม่ควรทำ
2. ช่วยให้บุคคลในการกำหนดท่าทีของตนต่อเหตุการณ์ที่ตนต้องเผชิญ
3. ช่วยสร้างมาตรฐาน และแบบฉบับจากการประพฤติปฏิบัติของบุคคล
4. มีอิทธิพลเหนือบุคคลในการเลือกคบหาสมาคมกับบุคคลอื่น และเลือกกิจกรรมทางสังคม ซึ่งตนจะต้องเข้าไปร่วมด้วย
5. ช่วยให้บุคคลกำหนดความคิดและแนวทางปฏิบัติ
6. ช่วยเสริมสร้างหลักศีลธรรม ซึ่งบุคคลจะใช้ในการพิจารณา การกระทำของตนอย่างมีเหตุผล
แง่คิดเกี่ยวกับค่านิยม
1. โดยปกติแล้วบุคคลมักจะมีค่านิยมในเรื่องเดียวกันหรือสิ่งเดียวกัน แตกต่างกันไป ทั้งนี้เพราะแต่ละบุคคลมีความรู้ ประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน แต่บุคคลก็อาจจะมีค่านิยมในบางเรื่องตรงกันได้ เรียกว่า ค่านิยมร่วม (shared values) ซึ่งส่วนมากมักได้มาจากอิทธิพลของศาสนา
2. มนุษย์เรามักจะชอบคบหาสมาคมกับบุคคลที่ยืดถือค่านิยมอย่างเดียวกัน
3. ค่านิยมบางอย่างได้กลายมาเป็นกฎหมายเช่น ค่านิยมในเรื่องเสรีภาพก่อให้เกิดกฎหมายเกี่ยวกับเสรีภาพส่วนบุคคล
4. ค่านิยมย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา กล่าวคือ ค่านิยมบางอย่างอาจเสื่อมความนิยมไป หรืออาจมีค่านิยมใหม่บางอย่างเกิดขึ้นมา เช่น ค่านิยมของกุลสตรีไทย แบบผ้าพับไว้ ปัจจุบันสังคมไทยเริ่มเปลี่ยนเป็นนิยมหญิงไทยที่มีลักษณะคล่องแคล่วว่องไวเหมาะสมกับสภาพของสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น
5. ค่านิยมของคนและค่านิยมของสังคมจะกำหนดการตัดสินใจในการเลือกของบุคคล
6. ค่านิยมบางอย่าง ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลด้วยกัน แต่ค่านิยมบางอย่างเป็นไปในทางตรงกันข้าม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะค่านิยมมีอิทธิพลต่อความประพฤติของบุคคลทั่วไป ถ้าเรายิ่งมีความรู้สึกว่าค่านิยมใดมีความสำคัญต่อเรามาก เราก็มักจะรู้สึกลำเอียงว่าค่านิยมนั้นถูกต้องมากยิ่งขึ้นและคิดไปว่าค่านิยมที่ขัดแย้งกับของตนนั้นผิดและไม่ยอมรับ
7. ค่านิยมของสังคม ไม่จำเป็นว่าต้องมีอยู่ในตัวบุคคลในสังคมนั้นทุกคนไป แต่อาจจะมีอยู่ในสมาชิกของสังคมส่วนใหญ่เท่านั้น เช่น การยกย่องคนร่ำรวย หรือเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน เป็นต้น
(แหล่งข้อมูล //socialscience.igetweb.com)
ค่านิยมทั่วไปของสังคมไทย มีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งแล้วแต่ทัศนคติของแต่ละกลุ่มบุคคลหรือกลุ่มคนตามโอกาสหรือวาระต่าง ๆ หากสิ่งใดที่เราเห็นว่าไม่ดีควรหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติ สิ่งใดเห็นว่าดีเป็นประโยชน์แก่สังคมเราก็ควรปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างสังคมให้ดีขึ้น ค่านิยมทั่วไปของสังคมไทยมีดังนี้
1. ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
2. เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
3. นับถือเงินตรา ยึดมั่นในเงินทองสิ่งของมากกว่าความดี
ให้ความยกย่องต่อผู้มีอำนาจ
4. ขาดระเบียบวินัย เช่นคำพูดที่ว่า “ทำอะไรตามใจคือไทยแท้”
5. เคารพผู้อาวุโส ยกย่องผู้มีความรู้
6. รักความสนุก ชอบความสบาย รักความอิสระ ไม่ชอบขัดใจใคร
7. มีความกตัญญูรู้คุณ รักพวกพ้อง มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
8. ไม่ตรงต่อเวลา ชอบผัดผ่อนเลื่อนเวลา
9. ขาดความอดทน ขาดความกระตือรือร้น เชื่อโชคลาง อยากรวย ชอบเล่นการพนัน
10. ชอบงานพิธี สอดรู้สอดเห็น ลืมง่าย ชอบนับญาติ
11. ชอบโฆษณา ชอบของแจกของแถม เห็นใครดีกว่าไม่ได้
12. ชอบต่อรอง
ชอบพูดหรือบอกเล่าเกินความจริง
(แหล่งข้อมูล //jitiwat1234.blogspot.com)
ตัวอย่าง ค่านิยมที่ปรากฏในวรรณคดี
1. เบญจลักษณ์ ค่านิยมเกี่ยวกับความงามของสตรี
สตรีที่มีความงามต้องมีคุณลักษณะต่อไปนี้
1. ผมงาม คือ มีผมเหมือนหางนกยูง เมื่อสยายออกทิ้งตัวลงมาถึงชายผ้า
2. เนื้องาม คือ มีริมฝีปากแดงเหมือนลูกตำลึงสุก เรียบสนิทมิดชิดดี
3. ฟันงาม คือ ขาวเหมือนสังข์และเรียบเสมอเหมือนเพชรเรียง
4. ผิวงาม คือ ถ้าผิวดำก็ดำสม่ำเสมอเหมือนดอกอุบล ถ้าขาวก็ขาวเหมือนกลีบดอกกรรณิการ์
5. วัยงาม คือ งามทุกวัย แม้คลอดบุตรมาแล้ว 10 ครั้งก็ยังดูสาวพริ้งอยู่
ตัวอย่าง
บ้านบ่อน้ำบกแห้ง ไป่เห็น
บ่อเนตรคงขังเป็น
เลือดไล้
อ้าโฉมแม่เบบเบญ- จลักษณ์ เรียมเอย
มาซับอัสสุชลให้ พี่แล้วจักลา (จากนิราศนรินทร์คำโคลง)
2. ค่านิยมทางเพศ
2.1 ค่านิยมชายเป็นใหญ่ จากงานวิจัยของ ณฐา จิรอนันตกุล ได้ทำการสรุปและยกตัวอย่างประเด็นการศึกษาประกอบการชี้แจง ว่าเป็นค่านิยมที่ปรากฏมากที่สุดในบทละครที่เลือกมาศึกษา ผู้วิจัย พบว่าค่านิยมชายเป็นใหญ่นี้มีความสัมพันธ์กับการใช้ถ้อยคำอุปลักษณ์เกี่ยวกับผู้หญิงเกือบทั้งหมด ที่แสดงให้เห็นมโนทัศน์ของผู้ประพันธ์ซึ่งเป็นผู้ชาย และเป็นกษัตริย์ ว่ามองผู้หญิงอย่างไร และกำหนดคุณค่าให้ผู้หญิงอย่างไร
ตัวอย่าง ปากหนึ่งว่าโอ้ขวัญเนตร บิตุเรศจะสิ้นสังขาร์
เจ้าจะรองบาทหลายพระจักรา อุตส่าห์จงรักภักดี
ปากสองว่าแม่จงเจียมจิต สำคัญคิดว่าเป็นทาสี
สิ่งใดซึ่งระคายเป็นราคี อย่าให้เคืองธุลีบทมาลย์
ปากสามอันความซึ่งสังวาส สำหรับราชกษัตริย์มหาศาล
ประดับด้วยแสนสนมบริวาร อย่าก่อการหึงหวงไม่ควรนัก
ปากสี่ว่าเจ้าจงฝากองค์ พระชนนีบิตุรงค์ของทรงจักร
ปรนนิบัติบำรุงให้ท้าวรัก จะจำเริญยศศักดิ์เป็นมงคล
ปากห้าว่าโอ้เป็นสตรี จงดูเยี่ยงจามรีรักขน
สงวนศักดิ์รักชาติกว่ารักชนม์ เป็นคนสู้ม้วยด้วยสัจจา
ปากหกอกพ่อนี้จะคราก ขอฝากทศมุขยักษา
ช่วยอุปถัมภ์บำรุงอนุชา จงคิดว่าเหมือนน้องนงคราญ
ปากเจ็ดฝากไวยกาด้วย ช่วยบำรุงสุริย์วงศ์ทวยหาญ
ทั้งแสนสาวสุรางค์บริวาร ราชฐานไพร่ฟ้าธานี (บทละครเรื่องอุณรุท)
วรรคทองวรรคนี้ เป็นวรรคทองที่เป็นคำสอนของพ่อที่มีต่อลูก แต่พ่อเป็นกษัตริย์ และลูกสาวก็เป็นภรรยาของกษัตริย์ เมื่อดูตามสิ่งที่ผู้เป็นพระบิดาสอนบุตรนั้น มี 7 ประการได้แก่ (1)ให้จงรักภักดีต่อสามี เหมือนอยู่ใต้เท้า (2)ให้เจียมตัวเหมือนเป็นทาสของสามี (3)การที่สามีมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติ ภรรยาไม่ควรหึงหวง (4)ให้ดูแลพ่อแม่ของสามีเป็นอย่างดี สามีจะได้รัก (5)ให้เป็นคนรักษาคำพูดเหมือนจามรีรักษาขน และต้องมีความรักชาติรัก แผ่นดินมากกว่าชีวิตตนเอง (6)พ่อจะฝากให้สามีดูแลครอบครองภรรยาต่อจากพ่อ (7)ฝากให้สามี (ผู้ชาย) ดูแลวงศ์ตระกูลกษัตริย์ต่อไป ซึ่งจากคำสอนทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการยกย่องให้เกียรติแก่เพศชาย เพศชายเป็นใหญ่ในครอบครัว
2.2 ค่านิยมการรักนวลสงวนตัว เช่นจากภาษิต ชิงสุกก่อนห่าม หรือ
ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล
สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล จึงจะพ้นภัยพาลการนินทา
เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า
แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง
อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้กายสูง ดูเยี่ยงยูงแววยังมีที่วงหาง
ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วาง ให้ต้องอย่างกริยาเป็นนารี (สุภาษิตสอนหญิง)
2.3 การไม่เผยแพร่ความจริงในเรื่องเพศหรือการไม่ให้ความรู้เรื่องเพศแก่ บุตรหลาน โดยคิดว่าเป็นเรื่องหยาบคายหรือน่าอาย
รู้ศิลปศาสตร์หยิ้ง | ธนพิตร พ่อฮา |
โจรห่อนหาญปล้นปลิด | ลอบล้าง |
ในโลกศิลปคือมิตร | เสมออาต มานา |
ปรโลกพระท่านอ้าง | เที่ยงแท้สุขเสวย |
มณีค่าหาห่อนได้ | ทุกเขา |
ดวงมุกดาฤๅเอา | ทุกช้าง |
จันทน์แดงบ่ดาษเนา | ทุกทั่ว ป่าแฮ |
เวียงใหญ่ทุกทิศสร้าง | ปราชญ์ส้องสุดหา |
จากประชุมโคลงโลกนิติ
– เมื่อน้อยให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่ (สุภาษิตพระร่วง)
นาคีมิพิษเพี้ยง | สุริโย |
เลื้อยบ่ทำเดโช | แช่มช้า |
พิษน้อยหยิ่งโยโส | แมลงป่อง |
ชูแต่หางเองอ้า | อวดอ้างฤทธี |
กัลออมเพ็ญเพียบน้ำ | ฤๅติง |
กระออมพร่องชลตระลิง | เฟื่องหม้อ |
ปราชญ์ บ่ กล่าวสุงสิง | หยิ่งเย่อ ใหญ่น่า |
ผู้รู้น้อยอวดอ้อ | พูดเพ้อผิดธรรม |
จากประชุมโคลงโลกนิติ
– อย่าริระร่านแก่ความ ประพฤติตามบุรพระบอบ
– ครูบาสอนอย่าโกรธ โทษตนผิดพึงรู้
– อย่าขัดแย้งผู้ใหญ่ อย่าใฝ่ตนให้เกิน
– มีสินอย่าอวดมั่ง ผู้เฒ่าสั่งจงจำความ (สุภาษิตพระร่วง)
- เผ่ากษัตริย์เพลิงงู อย่าดูถูกว่าน้อย
หิ่งห้อยอย่าแข่งไฟ อย่าปองภัยต่อท้าว
- เฝ้าท้าวไทอย่าทรนง ภักดีจงอย่าเกียจ เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ นอบนบใจใสสุทธิ์
- อาสาเจ้าจนตัวตาย อาสานายจงพอแรง
- ท่านไท้อย่าหมายโทษ คนโหดให้เอ็นดู (สุภาษิตพระร่วง)
- อย่ายินคำคนโลภ โอบอ้อมเอาใจคน
- พึงผันเผื่อต่อญาติ รู้ที่ขลาดที่หาญ
- พรรคพวกพึงทำนุก ปลูกเอาแรงทั่วตน ยลเยี่ยงไก่นกกระทา พาลูกหลานหากิน
- คนจนอย่าดูถูก ปลูกไมตรีทั่วชน (สุภาษิตพระร่วง)