ประวัติ โรงแรม รา มา ด้า เขาหลัก

สวัสดีครับ
หลาย วันก่อน ผมได้ทำรีวิวโรงแรม The Sands Khao Lak by Katathai Resorts ที่เพิ่งได้ไปมาหมาดๆ พบว่าการทำรีวิวบันทึกการเดินทาง เป็นงานอดิเรกที่สนุกดี เลยกลับไปเปิดไฟล์ภาพเก่าๆ มาจัดการปัดฝุ่นใหม่ 
ความ สุขของการทำรีวิวมันอยู่ที่การได้มีโอกาสระลึกถึงบรรยากาศต่างๆ แห่งความสุขในการเดินทาง ได้ทบทวนความคิด ความทรงจำในแต่ละช่วงเวลาที่กดชัตเตอร์ อีกอย่างที่สนุกมาก คือการปรับแต่งภาพ จัดองค์ประกอบให้น่าสนใจ เป็นการฝึกการใช้งานโปรแกรมตกแต่งภาพไปด้วยในตัว

ผมและครอบครัวมีโอกาสไปเที่ยว Ramada Khao Lak Resort ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2553 
เป็น ทริปแรกที่ตั้งใจว่าจะไปเก็บภาพเพื่อกลับมาหัดทำรีวิว แต่ฝนฟ้าไม่เป็นใจเลยครับ ช่วงที่อยู่เขาหลัก เจอทั้งเมฆทั้งฝนเกือบจะตลอดวัน ภาพส่วนใหญ่ออกมามืดๆ ครึ้มๆ แถมกลับมาได้ไม่กี่วัน ก็เจอน้ำท่วมใหญ่ (บ้านผมอยู่หาดใหญ่น่ะครับ)
หลังน้ำท่วมก็วุ่นวายอยู่นาน โครงการทำรีวิวกระทู้ท่องเที่ยวเลยเป็นอันพับไป

หลังจากพื้นที่ในแถบชายทะเลเขาหลักโดนผลกระทบจากสึนามิไปเต็มๆ เมื่อปีพศ. 2547
ช่วง ที่ผมไปเที่ยวนั้น (ตค. 2553) จำได้ ว่ารีสอร์ทใหญ่ๆ หลายแห่งแถวนี้ เพิ่งจะเริ่มกลับมาเปิดบริการกันใหม่ เริ่มเห็นภาพถ่าย รายการโปรโมชั่น และกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของโรงแรมต่างๆในแถบนี้ปรากฏออกมาทางสื่อ มากขึ้น อ่านเรื่องราวการฟื้นฟูโรงแรมรามาดา เขาหลัก ได้จากลิงค์นี้ครับ //www.oknation.net/blog/print.php?id=297537

Ramada Khao Lak Resort ตั้งอยู่บนหาดบางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา หาดบางเนียงเป็นหาดที่มีความยาวและทัศนียภาพสวยงามมาก
ช่วง ที่ไปนั้น อาคารทั้งหมดสร้างเสร็จแล้ว แต่บางส่วนของห้องพักฝั่งซ้ายมือของล็อบบี้ ที่เป็นอาคาร 3 ชั้น และห้องพักในส่วน Pool Villa บางส่วน ยังคงกำลังมีการตกแต่งภายในอยู่
ช่วง นั้นทางโรงแรมได้เปิด soft openning จัดโปรโมชั่นเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วง low season ได้ราคาดีทีเดียวครับ ถ้าจำไม่ผิด ราคาอยู่ในช่วงประมาณ 2,000± บาท/ห้อง/คืน รวมอาหารเช้า

ระหว่างทำรีวิวนี้ ผมได้เข้าไปหาข้อมูลในเว็บไซท์ของทางโรงแรม พบความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเลยครับ มีการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ สวยเก๋ทันสมัยกว่าเดิม ร่มชายหาดถูกเปลี่ยนใหม่ เป็นสีแดงสด ตัดกับทะเลสีน้ำเงินเข้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพห้องพักแบบ Deluxe Oasis ที่พวกเราเคยไปพัก ภาพในเว็บไซท์บางภาพดูสวยเก๋ แปลกตา แตกต่างไปจากที่เราเคยพัก และแน่นอนครับ ราคาห้องพักก็ถูกปรับขึ้นตามไปด้วย

ลง จากเขาหลัก เมื่อขับรถมาถึงบ้านบางเนียง ก็เตรียมตัวเล็งๆป้ายโรงแรมไว้เลยครับ แถวนั้นจะมีป้ายโรงแรมหลายแห่ง หลักๆเลยคือ Ramada Khao Lak Resort และ La Flora Khaolak เมื่อเห็นป้ายริมถนน ก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยมาเลยครับ

ด้านหน้าล็อบบี้ครับ ลานจอดรถจะอยู่ฝั่งขวามือของภาพ ทางลงจากล็อบบี้

เมื่อมองจากปากทางเข้าโรงแรม จะเห็นล็อบบี้อยู่บนเนินสูง เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยอันร่มรื่น ไม่เห็นตัวอาคารที่พัก
เดาว่านี่คือ trick ของงานออกแบบ ที่สถาปนิกตั้งใจสร้างบรรยากาศที่ต้องการปิดกั้นรีสอร์ท ออกจากโลกภายนอกอันวุ่นวาย

อาคารล็อบบี้ไม่เน้นความโอ่อ่า โอ่โถงเมื่อมองจากภายนอก บริเวณล็อบบี้ต้องขึ้นบันได 9 ขั้น
ถ้าต้องใช้วีลแชร์ ก็ต้องผ่านเข้าออก ตรงทางเดินที่อยู่ใกล้ๆที่จอดจักรยานสีแดง
(จักรยานแดงนั้น แขกผู้เข้าพักสามารถยืมขี่ได้ครับ)

บริเวณล็อบบี้ และ มุมมองจากล็อบบี้

ห้องพักเป็นห้องแบบ Deluxe Oasis ครับ อยู่บนชั้น 2 ของอาคาร
ถ้าเป็นห้องชั้นล่างแบบมีระเบียง เดินลงไปทางเดิน ริมสนามหญ้าได้เลย จะเป็นห้องแบบ Deluxe Lanai ราคาจะปรับเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยครับ

เมื่อเปิดประตูเข้าไป

การวางผังห้องพักที่นี่ค่อนข้างแปลก ให้ความสำคัญกับพื้นที่วางสัมภาระมาก ประตูห้องน้ำเลยต้องไปอยู่ข้างเตียง
ไม่แน่ใจว่าซินแสฮวงจุ้ยจะว่าอย่างไร แต่ที่แน่ๆ คุณแม่ผมชอบมากครับ ท่านบอกสะดวกดี เวลาลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ^^

มาดูห้องพักในมุมอื่นๆบ้างครับ

ใต้ทีวีเป็นตำแหน่งของตู้เย็นครับ
การออกแบบเฟอร์นิเจอร์บริเวณนี้ โดยเฉพาะเก้าอี้ในห้องพัก ดูโบราณๆไปหน่อยนะ ผมว่า

Welcome Fruits+จดหมายต้อนรับ
ขนมขบเคี้ยว เหล้า และ ชุดกาต้มน้ำ+กาแฟ/ชา อยู่ในลิ้นชักใต้ทีวีนะครับ เวลาจะชงชา/กาแฟ ต้องยกขึ้นมาทั้งถาด

เนื่อง จากคณะของเราพัก 2 ห้อง เลยได้เห็นอ่างอาบน้ำในห้อง ทั้งสองแบบครับ มีฝักบัวฝนตกด้วย น้ำแรงดีมาก แต่ถ้าอยากใช้ฝักบัวธรรมดา ก็ต้องใช้ฝักบัวจากอ่างอาบน้า ซึ่งจะค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควรสำหรับผู้สูงอายุ  และไม่สะดวกเลยครับ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ผมก็ได้ทำความรู้จัก และทดลองใช้ฝักบัวฝนตกเป็นครั้งแรกจากที่นี่ ;)

โดยความเห็นส่วนตัว ห้องน้ำของห้อง type นี้ ออกแบบได้ธรรมดาไปหน่อยครับ
ทั้ง การวางผัง โทนสีและประเภทของกระเบื้อง ดูไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรเป็นพิเศษ การเลือกใช้โมเสคแผ่นเล็กสีทึบติดผนังและพื้น เป็นทางเลือกทีแปลก เพราะไม่ค่อยเห็นรีสอร์ตใหม่ๆใช้กันแล้ว อีกอย่างงานปูกระเบื้องโมเสคแผ่นเล็ก ต้องใช้ทั้งเวลาและความประณีต แต่งานที่ออกมาดูไม่ค่อยประณีตเท่าไหร่
และโดยเฉพาอย่างยิ่ง อ่างอาบน้ำแบบไม้ดูแปลกตาไปหน่อย เห็นแล้วไม่กล้าใช้

ระเบียงห้องพักกว้างขวางดีมากครับ

มุมมองจากบนระเบียง

มองออกไปทางสระว่ายนํ้า และทะเล

มองลงไปยังห้อง Deluxe Lanai

*เสาเหล็กสีดำที่ใช้คํ้าระแนงบังแดด ออกแบบได้เท่มากๆเลยครับ เป็นลูกเล่นที่ทำให้ตัวอาคารดูทันสมัย สวยเนี้ยบ  และไม่เชย

จากสนามหญ้า มองกลับเข้าไปบริเวณหน้าห้องพักครับ
ไม่ได้พักในห้อง Deluxe Lanai ที่อยู่ชั้นล่าง แต่จากภาพ จะเห็นว่า ไม้ระแนงที่ใช้เป็นรั้วกั้นระหว่างห้องมันเตี้ยไปหน่อย
มองแล้วรู้สึกว่าแขกที่พักในห้อง type นี้ คงรู้สึกไม่ค่อยเป็นส่วนตัว แถมเงยหน้าขึ้นไปก็เจอกับระเบียงห้องพัก Deluxe Oasis อีก

สนามหญ้ากว้างขวางกลางโรงแรมครับ

อาหารเช้า เสิร์ฟที่ The Kitchen ครับ มีความหลากหลายพอสมควร

ไลน์เบเกอรี่มีให้เลือกพอประมาณ รสชาติดีครับ โดยเฉพาะแดนิช อร่อยมาก เยี่ยม

ผลไม้มีโชว์ไว้ให้เลือก บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ ต้องการอะไรก็แจ้งพนักงาน ที่จะช่วยปอกและจัดเรียงใส่จานให้ทันที

แต่ที่แปลกไปหน่อย แบบไม่น่าจะเป็นไปได้ คือจำพวกซีเรียลแบบต่างๆที่วางอยู่บนชั้นรอบเสา ในตำแหน่งสูงๆต่ำๆ ประหลาดใจ

Mellow Bean ร้านกาแฟสด+เบเกอรี่ อยู่ติดกับ The Kitchen ครับ มีห้องสมุดอยู่ในบริเวณเดียวกัน

Fitness อยู่ถัดไปจาก Mellow Bean ข้างหน้ามีโต๊ะปิงปอง

ถังขยะแยกประเภท เก๋ดีครับ อยู่บริเวณหน้า The Kitchen

 ป้ายต่างๆ ในบริเวณโรงแรม

สระว่ายน้ำครับ ใหญ่โต กว้างขวางมาก

ส่วน ที่เป็นสระเด็ก น้ำตื้นหน่อย จะอยู่ด้านข้าง บริเวณหลังบาร์เครื่องดื่ม มีลานหินตื้นๆ แบ่งระหว่างสระเด็กกับสระผู้ใหญ่ ช่วงที่ผมไปพัก เจ้าหลานสาวคนเล็กกำลังซนมาก และยังไม่ได้เรียนว่ายน้ำ เธอจะชอบมาวิ่งเล่นบนลานหินนี้ ซึ่งต้องคอยระวังไม่ให้ตกลงไปในสระผู้ใหญ่

สระน้ำล้นด้านหน้า บริเวณนี้น้ำจะตื้นกว่า

*นางแบบ+นายแบบในภาพ คือ หลานสาว+หลานชายจอมซนของผมเองครับ

บาร์เครื่องดื่มริมสระน้ำครับ

สนามเด็กเล่น อยู่ข้างสระว่ายน้ำครับ

Sassi’s ภัตตาคารริมทะเลของที่นี่

ถ้า เป็นวันฟ้าใส คลื่นลมสงบ บรรยากาศคงจะน่านั่งมากเลยครับ สำหรับลูกค้าที่ไม่ใช่แขกที่มาพักในโณงแรม สามารถขับรถเข้ามาทางซอยด้านข้าง จอดรถแล้วเดินเข้ามายัง Sassi’s ได้โดยตรงเลยครับ

ห้องพักแบบ Ocean Front Villa อยู่หน้าหาดเลยครับ ทำเลดีมาก

Pool Villa แอบซ่อนอยู่อย่างเงียบสงบ หลังโซน Ocean Front Villa

เดินเลยไปฝั่งขวามือของโรงแรม จะเป็นที่ตั้งของ La FLora Khaolak ครับ

ทริ ปนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวอนุสรณ์สถาน สึนามิด้วยครับ บริเวณที่เป็นเรือตรวจการณ์ เรือ ต.813 ของตำรวจที่ถูกคลื่นยักษ์ซัดเข้ามาร่วมๆ 2 กม. จากชายหาด อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ฝั่งตรงข้ามของ Ramada Khaolak นี่เองครับ ขับรถออกจากปากซอยเลี้ยวขวา เมื่อเห็นป้าย เรือ ต.813 ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ

สภาพ ในบริเวณดังกล่าว ดูเหมือนจะยังไม่มีการจัดการให้เป็นระเบียบนะครับ มี ป้ายแสดงรายละเอียดของเหตุการณ์ และเพิงขายของเล็กๆด้านหน้า

อนุสรณ์สถานสึนามิ ที่ บ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง
จากโรงแรม เลี้ยวซ้าย ขับรถไปทางตัวอำเภอตะกั่วป่าอีกประมาณเกือบๆ 20 กม. ครับ

บรรยากาศที่นี่จะเศร้านะครับ ฝั่งหนึ่งถูกออกแบบเป็นกำแพงโค้ง สูงใหญ่ แทนคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้ามา
อีก ฝั่งหนึ่งเป็นกำแพงเรียบ กรุด้วยกระเบื้องดินเผา สลับกับกระเบื้องเซรามิค มีภาพถ่ายและสลักชื่อของผู้ที่เสียชีวิต+สูญหายไปในเหตุการณ์สึนามิ บางตำแหน่งมีดอกไม้ปักอยู่ บางจุดเห็นรอยน้ำตาเทียน

เมื่อไปเดินอยู่ บนทางเดินระหว่างกำแพงทั้งสอง นอกจากความเศร้า เรายังได้ตระหนักถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ความสูญเสีย ความไม่แน่นอนของชีวิต การลาจาก ความทรงจำ และการระลึกถึง
มีอาคารจัดแสดงนิทรรศการด้วยนะครับ เปิดเวลา 8.00-17.00 น.แต่คณะของเราไม่ได้แวะเข้าไปดู

ในบ่ายวันนั้น พวกเรารับประทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน ยิ้มยิ้ม ครับ
อยู่ใกล้ทางเข้าตัวอำเภอตะกั่วป่า

เจ้า ของร้านยิ้มยิ้มก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยและสูญเสียคนที่รักไปในเหตุการณ์สึ นามิ ภายในร้านเลือกใช้สีม่วง มีป้ายรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ หน่วยเฉพาะกิจสิรินธร ด้วยครับ
อาหารที่นี่รสชาติดี ราคามิตรภาพ ถ้ามีโอกาสผ่านทาง อย่าลืมแวะไปช่วยกันอุดหนุนนะครับ

กลับมาที่บริเวณชายหาด และบรรยากาศทะเลหน้าฝน

ทริปนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแทบจะตลอดทั้ง 3 วัน 2 คืน เลยครับ

ปิดท้ายด้วยภาพยามพระอาทิตย์บอกลา

เห็นเพียงแสงสีทองที่ริมขอบฟ้า

โดยสรุป จุดเด่นของ Ramada Khao Lak Resort คือ ทำเลที่ตั้งที่สวยงามมากของหาดบางเนียง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ครับ
โรงแรม มีพื้นที่กว้างขวาง และออกแบบโดยวางตัวอาคารโอบรอบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ตรงส่วนกลาง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย โดยเฉพาะต้นมะพร้าวสูงใหญ่  มองจากไกลๆจะได้ภาพที่ลงตัวสวยงามมาก
ภาพจากในรีวิวนี้เป็นภาพจากช่วง ตค. 2553 ช่วงที่ผมไปพัก น่าจะยังอยู่ในช่วง soft openning นะครับ ป่านนี้ต้นไม้ในรีสอร์ทคงสูงใหญ่ เขียวชอุ่ม คงได้บรรยากาศที่งดงามกว่านี้
พนักงานทุกท่านในรีสอร์ทยิ้มแย้มแจ่มใส อาหารเช้ารสชาติดี ไลน์เบเกอรี่มีความหลากหลายพอสมควร
ช่วงที่ผมไปเที่ยว ฟ้าปิด ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกทะเล หากมีโอกาสดีๆเมื่อไหร่ คงได้กลับไปเยือนอีกครับ

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านรีวิวนี้มาจนจบ

 By fatreview