ความดันสูง กินทุเรียน ได้ ไหม

ทุเรียน ราชาผลไม้ไทยที่หลายคนโปรดปรานในรสชาติหวานมัน แต่เมื่อรับประทานมาก ๆ ก็ต้องรู้สึกผิดและตะขิดตะขวงใจเพราะมีน้ำตาลและแคลอรี่สูง เกิดคำถามในใจว่าควรจะรับประทานอย่างไรจึงจะพอดี ไม่อ้วน และปลอดภัยต่อสุขภาพ แล้วประโยชน์ของทุเรียนต่อสุขภาพหรือการรักษาโรคที่กล่าวอ้างกันนั้นเชื่อได้จริงหรือ

เช่นเดียวกับผลไม้ชนิดอื่น ๆ ภายในเนื้อทุเรียนอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลากหลายชนิด โดยทุเรียน 1 ลูกเล็ก ๆ มีเนื้อทุเรียนน้ำหนักประมาณ 600 กรัม จะให้คุณค่าทางโภชนาการเป็นพลังงาน 885 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรตถึง 163.1 กรัม มากกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน ไขมัน 32.1 กรัม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated) เป็นไขมันดีที่จะช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี มีเส้นใยอาหารโพแทสเซียม และวิตามินซีสูง รวมถึงสารอาหารสำคัญชนิดอื่น ๆ เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินเอ และแคลเซียม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทุเรียนจะเป็นแหล่งคุณค่าทางสารอาหารที่ดี ทว่าแคลอรี่และคาร์โบไฮเดรตที่มีในปริมาณสูงนั้นก็อาจส่งผลให้น้ำหนักและรอบเอวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน โดยทุเรียนลูกใหญ่ที่มีเนื้อทุเรียนประมาณ 1 กิโลกรัม อาจจะให้พลังงานมากถึง 1,350 แคลอรี่ หากรับประทานทั้งหมดสามารถคิดเป็นพลังงานร้อยละ 68 สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปที่ควรได้รับพลังงาน 2,000 แคลอรี่ต่อวัน ซึ่งถือว่าสูงมาก ทางที่ดีผู้ที่มีสุขภาพดีโดยทั่วไปควรรับประทานประมาณที่ 2-3 เม็ดต่อครั้งก็เพียงพอ และควรรับประทานให้น้อยลงกว่านี้สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ความเชื่อเกี่ยวกับการรับประทานทุเรียนที่อาจไม่เป็นความจริง

ทุเรียนมีคอเลสเตอรอลสูง หลายคนเข้าใจสับสนว่าทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง แต่รู้หรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วทุเรียนมีคอเลสเตอรอลเป็นศูนย์ หรือไม่มีคอเลสเตอรอลเลยนั่นเอง โดยคอเลสเตอรอลนั้นจะพบได้เฉพาะในอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น เนื้อสัตว์ ไขมันจากสัตว์ เครื่องใน อาหารทะเล และอาหารที่ทำจากนมทั้งหลาย แต่ไขมันที่พบในทุเรียนคือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งอาจช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและปรับสมดุลระดับความดันโลหิต

ควรรับประทานทุเรียนคู่กับมังคุดช่วยลดความร้อน ตามหลักการแพทย์แผนโบราณของจีนกล่าวว่ามังคุดเป็นผลไม้เย็นที่จะช่วยดับความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อรับประทานทุเรียนได้ ทว่าเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเพียงความเชื่อที่ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่าเท็จจริงประการใด ซึ่งความนิยมในการรับประทานมังคุดคู่ทุเรียนนี้อาจเป็นเพราะว่ามีช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่ตรงกันด้วย ทำให้มักได้รับประทานไปพร้อม ๆ กัน เกิดเป็นความเชื่อดังกล่าว

ห้ามรับประทานยาลดไข้พร้อมกับทุเรียน เชื่อกันว่าทุเรียนจะเพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้สูงขึ้นและห้ามรับประทานพร้อมยาพาราเซตามอล เพราะเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาที่เป็นพิษต่อร่างกาย อย่างไรก็ดี งานวิจัยที่ทดสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้กับหนูทดลอง พบว่าทุเรียนไม่ได้ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายของหนูเพิ่มขึ้นอย่างน่าจะมีความสัมพันธ์ และตรงกันข้ามกับความเชื่อนี้ หนูที่ได้รับทุเรียนผสมกับพาราเซตามอลกลับมีอุณหภูมิร่างกายที่ลดต่ำลง ส่วนกลไกเกี่ยวกับการเกิดผลพิษของยานั้นไม่สามารถระบุได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการพิสูจน์ปฏิกิริยาของทุเรียนกับยาพาราเซตามอลในคนโดยตรง ความเชื่อนี้จึงนับว่ายังมีความคลุมเครืออยู่

ทุเรียนกับเบียร์อาจทำให้เสียชีวิตได้ มีข้อห้ามการรับประทานทุเรียนพร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเชื่อว่าอาจมีปฏิกิริยาที่ส่งผลร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้ ซึ่งจากการศึกษาเพื่อหาคำตอบของความเชื่อนี้ก็พบว่าการรับประทานทั้ง 2 อย่างพร้อมกันอาจส่งผลบางอย่างต่อร่างกายจริง แต่อาจจะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยทุเรียนนั้นจะไปส่งผลให้เอนไซม์ Aldehyde Dehydrogenase ลดลง และเนื่องจากเอนไซม์ดังกล่าวมีหน้าที่เปลี่ยนสารแอลดีไฮด์ (Aldehyde) สารพิษที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ไปเป็นพลังงานให้กลายเป็นสารอื่นแล้วกำจัดออกจากร่างกายไป เมื่อกำจัดได้น้อยลงจึงทำให้สารแอลดีไฮด์สะสมภายในร่างกาย เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียน และอาเจียนตามมาในที่สุด

นอกจากนี้ การรับประทานทุเรียนพร้อมกับแอลกอฮอล์ยังอาจส่งผลให้มีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด และรู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยสบายเช่นกัน เนื่องจากตับต้องทำงานหนักเป็นพิเศษเพื่อที่จะเผาผลาญไขมันและน้ำตาลที่ได้จากทุเรียนและแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานทั้ง 2 อย่างในปริมาณที่มากเกินพอดี

ทุเรียนช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศ ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้ความรู้สึกร้อนเมื่อรับประทาน และอาจส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายว่าจะทำให้มีคุณสมบัติกระตุ้นความต้องการทางเพศอย่างที่เชื่อกัน โดยไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวถึงความความเป็นไปได้ที่ทุเรียนจะมีคุณสมบัตินี้ในปัจจุบัน

ประโยชน์ของทุเรียนที่อาจมีต่อสุขภาพ

เช่นเดียวกับผลไม้อื่น ๆ ที่มีวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารต่าง ๆ  ทำให้มีการกล่าวถึงคุณประโยชน์ทางด้านสุขภาพของทุเรียนปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ระบุประสิทธิภาพที่แท้จริงไม่ได้มากนัก เพราะงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับทุเรียนที่มียังน้อยอยู่มาก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่พบได้ทั่วไปแต่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผลไม้เศรษฐกิจเพียงในบางประเทศ เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย

ลดน้ำตาลและไขมันในเลือด มีการกล่าวอ้างว่าผลไม้น้ำตาลสูงชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยต้านเบาหวานและลดภาวะอ้วน เกิดความสับสนว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ โดยความเชื่อนี้อาจมาจากการที่มีการวิจัยบางส่วนกล่าวถึงประโยชน์ของทุเรียนในด้านนี้ แต่การศึกษาที่มีก็เพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น

งานวิจัยหนึ่งให้หญิงผู้ป่วยโรคเบาหวาน 10 คน รับประทานผลไม้ต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 25 กรัม พบว่าเมื่อเทียบกับผลไม้น้ำตาลสูงชนิดอื่น ๆ อย่างมะม่วง สับปะรด เงาะ และกล้วย การตอบสนองต่ออินซูลินของผู้ป่วยหลังจากรับประทานทุเรียนนั้นมีระดับที่เพิ่มขึ้นทางสถิติมากกว่ากลุ่มที่รับประทานผลไม้อื่น ๆ ส่วนมะม่วงนั้นพบว่าช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น แต่การศึกษานี้ก็มีขึ้นเมื่อนานมาแล้ว และยังใช้คนร่วมทดลองเพียงจำนวนน้อย

ส่วนงานวิจัยอื่น ๆ ที่มี เป็นเพียงการทดลองในสัตว์ ซึ่งยากจะนำมาสรุปว่าจะให้ผลเช่นเดียวกับในคนหรือไม่ ดังการศึกษาเมื่อปี 2007 ที่ชี้ว่าการให้หนูกินทุเรียนและอาหารเสริมคอเลสเตอรอล (1 เปอร์เซ็นต์) ให้ผลลัพธ์ในทางที่ดีต่อระดับไขมันในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด และการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดภาวะไขมันในเลือดสูงหากมีการศึกษาที่ครอบคลุมกว่านี้

ทั้งนี้ ถึงแม้ในอนาคตจะมีงานวิจัยที่ยืนยันถึงประโยชน์ของทุเรียนในข้อนี้ได้อย่างชัดเจนขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุเรียนจะดีต่อสุขภาพและสามารถรับประทานได้มากเท่าที่ต้องการ เพราะด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าในทุเรียนมีน้ำตาลและแคลอรี่สูง ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรจำกัดรับประทานให้น้อยกว่าปริมาณปกติของคนที่มีสุขภาพดี ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายและส่งผลให้อาการโรคเบาหวานยิ่งแย่ลง

รักษาภาวะมีบุตรยาก ปัญหาสุขภาพที่น่าหนักใจอาจนำไปสู่ปัญหาทางความสัมพันธ์และชีวิตคู่ ผู้ที่ประสบปัญหานี้หลายคนพยายามสรรหาการรักษาทางเลือกอย่างการรับประทานอาหารต่าง ๆ ที่เชื่อว่าจะช่วยแก้ไขได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการรับประทานทุเรียน และบางความเชื่อก็ระบุเจาะจงว่าทุเรียนจะช่วยรักษาภาวะมีบุตรยากที่เกิดจากรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ (Polycystic Ovarian Syndrome) ทว่าเมื่อมีการทบทวนงานวิจัยก็พบว่าในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุเรียนรักษาภาวะมีบุตรยาก ไม่ว่าจะเป็นการมีบุตรยากที่มีสาเหตุมาจากปัจจัยใดก็ตาม ผู้ที่คาดหวังประโยชน์ด้านนี้ของทุเรียนจึงควรเผื่อใจด้วยว่าอาจไม่ได้ผลจริง

รักษาสิว มีทั้งการกล่าวอ้างว่าครีมที่มีส่วนผสมจากทุเรียนหรือการรับประทานทุเรียนจะช่วยรักษาสิวให้หายได้ แต่สรรพคุณดังกล่าวก็ยังคงเป็นเพียงความเชื่อที่ไม่มีการพิสูจน์ คุณสมบัติของทุเรียนที่อาจดีต่อผิวหนังนั้น มีการศึกษาที่ใกล้เคียงโดยใช้เจลพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) ที่มีส่วนผสมจากเปลือกทุเรียนทาบนผิวหนัง พบว่าช่วยเพิ่มความสามารถในการเก็บประจุของผิวหนังได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งก็หมายความว่าจะทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นสูง หลังจากการใช้ติดต่อนาน 56 วัน โดยจากการทดสอบผิวหนังไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อย่างไรก็ตาม ทุเรียนจะมีสารหรือกลไกชนิดใดที่ดีต่อสุขภาพผิวหนังคงต้องใช้ข้อมูลในการระบุประสิทธิภาพอีกมาก

ดีซ่านหรืออาการตัวเหลืองตาเหลือง สรรพคุณทางยาของใบทุเรียนมีการบอกต่อกันอย่างแพร่หลายว่าจะช่วยรักษาอาการภาวะตาเหลืองตัวเหลืองหรือดีซ่านได้ แต่ก็ไม่มีข้อมูลที่อธิบายได้ว่าเกิดจากอะไร ได้ผลและปลอดภัยจริงหรือไม่ คุณประโยชน์นี้นับว่ายังมีความคลุมเครืออยู่มาก ไม่ต่างจากประโยชน์ด้านสุขภาพข้ออื่น ๆ ของทุเรียน ที่หากต้องการทดลองทำตามสูตรการรักษาต่าง ๆ ควรพึงระมัดระวังเพราะไม่สามารถยืนยันได้ถึงความปลอดภัย

รับประทานทุเรียนอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

คนส่วนใหญ่ อาจสามารถรับประทานทุเรียนได้อย่างปกติ แต่อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง มีแก๊สในกระเพาะ ท้องเสีย อาเจียน หรืออาการแพ้ตามมาได้ในบางราย โดยเฉพาะเมื่อรับประทานในปริมาณมาก ทั้งนี้ยังไม่ควรรับประทานเม็ดของทุเรียน เพราะอาจส่งผลให้มีอาการหายใจเหนื่อยหอบได้

สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องจำกัดการรับประทานแป้งและน้ำตาลนั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะรับประทานทุเรียนในปริมาณมาก ๆ ตามใจปาก เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลที่มีสูงมากกว่าผลไม้อื่น ๆ เช่น มะม่วง หรือกล้วยที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลมากอยู่แล้ว โดยอาจไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้นมากและเป็นอันตรายได้

นอกจากนี้ หลายคนเชื่อว่าขณะตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานทุเรียนเพราะทำให้เกิดความร้อนในร่างกาย ไม่ดีต่อมารดาและเด็กในท้อง บางความเชื่อกล่าวว่าทุเรียนจะส่งผลให้คุณแม่มีความดันโลหิตสูงจนกระทบต่อทารกในครรภ์ แต่ที่จริงแล้วก็ยังไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับความปลอดภัยของหญิงตั้งครรภ์กับการรับประทานทุเรียน และผู้เชี่ยวชาญทางแพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่ได้ห้ามคนท้องรับประทานทุเรียน

ในทางตรงกันข้ามกลับมีงานวิจัยที่ชี้ว่าทุเรียนอาจเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากประกอบด้วยทริปโตเฟน (Tryptophan) และสารประกอบซัลเฟอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังอาจมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ทำให้อาจส่งผลดีต่อครรภ์ของมารดา

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทุเรียนนั้นมีปริมาณน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง โดยในทุเรียน 1 เม็ด (น้ำหนัก 40 กรัม) จะให้พลังงานประมาณ 50-60 แคลอรี่ ทางที่ดีควรรับประทานอย่างยับยั้งชั่งใจ ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป โดยเฉพาะหญิงที่เป็นโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์อยู่แล้ว และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานทุเรียนเพื่อรักษาโรคใด ๆ ซึ่งอาจทำให้ได้รับทุเรียนในปริมาณมาก ทั้งในปัจจุบันยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะปลอดภัย

โรคอะไรที่กินทุเรียนไม่ได้

25 May 2022.
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ไม่ควรกินทุเรียน เพราะทุเรียนมีแป้งและน้ำตาลสูง.
ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด หากกินทุเรียนในปริมาณมากจะทำให้จุก แน่น หายใจติดขัด.
ผู้ป่วยโรคความดันสูง ... .
ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ... .
ผู้ป่วยโรคหัวใจ ... .
ผู้ป่วยโรคเกาต์ ... .
ผู้ป่วยโรคไต.

คนเป็นโรคไตทานทุเรียนได้ไหม

แนะผู้ป่วยโรคไต-โรคหัวใจ ควรทานทุเรียน” แต่พอดี ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน เมื่อพูดถึง “ทุเรียน” ซึ่งอาจจะเป็นผลไม้โปรดของใครหลายคน แต่หากรับประทานมากเกินไปติดต่อกันอาจนำมาสู่ภาวะการเกิดโรคที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้

คนแก่กินทุเรียนได้ไหม

โดยปกติแล้วสำหรับบุคคลทั่วไปควรกินทุเรียนวันละไม่เกิน 2 เม็ด สำหรับคนที่กินมากเกินไปจากนี้อาจจะส่งผลให้น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอาการร้อนใน เจ็บคอ และสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ป่วย โรคไต โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและโรคเลือดหัวใจตีบ ควรหลีกเลี่ยงหรือกินไม่เกิน 1 เม็ดเล็กต่อวันนั้นเอง

ไม่ควรกินทุเรียนคู่กับอะไร

ไม่ควรทานทุเรียนพร้อมน้ำอัดลม เพราะทั้งน้ำอัดลมและทุเรียน เป็นอาหารที่มีรสชาติหวานจัด และมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก เมื่อทานพร้อมกันจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป ยิ่งในผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาจจะทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง และส่งผลเสียต่อร่างกายได้

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita