เดินเรื่องกันมาถึงภาค 4 แล้วครับสำหรับ Harry Potter ในภาคนี้ ถือว่าเป็นภาคโปรดของผมที่สุดเท่าที่ดูหนังชุดนี้มาเลย เพราะผมได้มีโอกาสสัมผัสความเป็น Fantasy ของภาพยนตร์ชุดนี้อีกครั้ง
หนังเล่าถึง แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Daniel Radcliffe) รอน (Rupert Grint ) และ เฮอร์ไมโอนี่ (Emma Watson) ในปีการศึกษาที่ 4 เค้าทั้งสามจะได้มีโอกาสไปชมควิดดิช เวิล์ดคัพ การแข่งขันควิดดิชระดับโลกพ่อมดสุดอลังการ แต่หลังการแข่งขันมีเหตุร้ายขึ้นเมื่อพวกผู้เสพความตาย (ลูกน้องของลอร์ดโวลเดอร์มอร์) ได้มาทำลายงาน และทิ้งตรามารไว้บนท้องฟ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า โวลเดอร์มอร์กลับมาแล้ว และตรานั้นส่งผลต่อแผลเป็นของแฮร์รี่ เพราะแผลนั้นแสบขึ้นมาทันที แต่ว่าทั้งสามคนก็รอดพ้นมาได้
ในปีที่ 4 การผจญภัยได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อโรงเรียนฮอร์กวอร์ต ได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขันเวทย์ไตรภาคี และต้องทำการต้อนรับนักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์อีก 2 โรงเรียนอย่าง เดิร์มสแตงค์ และโรงเรียนสตรีโบบาตงซ์ ที่จะร่วมแข่งขันในการประลองเวทย์นี้ โดยการแข่งขันจะมีตัวแทนจากทั้งสามโรงเรียน โรงเรียนละ1 คน โดยอายุของผู้เข้าร่วมจะต้องไม่ต่ำกว่า 17 ปี
ในวันจับรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์ลงแข่ง ได้รายชื่อของสามคนเรียบร้อยได้แก่ เซดริก ดิกอรี่ จากฮอร์กวอร์ต , เฟลอร์ เดอรากูร์ จากโบบาตงซ์ และ วิคเตอร์ ครัมซ์ จากเดิร์มสแตงซ์ แต่สิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เพราะจู่ ๆ ถ้วยก็ปรากฎชื่อของอีกคนคือ แฮร์รี่ ให้เข้าร่วมการแข่งขันด้วย สิ่งนี้สร้างความวุ่นวายและฉงนสงสัยให้ทุกคนมาก เพราะเส้นอายุขัยที่ ดัมเบิลดอร์ (Michael Gambon) ศาสตราจารย์ใหญ่ของฮอร์กวอร์ตได้ขีดไว้ ไม่มีทางที่เด็กอายุต่ำกว่า 17 จะตบตาได้
และก็ได้มติว่า ให้แฮร์รี่ลงแข่งด้วย และความสัมพันธ์ของรอนกับแฮร์รี่ก็แย่ลง เพราะรอนเอาแต่คิดว่าแฮร์รี่ทำลงไปเพราะอยากเป็นฮีโร่ และไม่คิดจะบอกกันบ้างแม้ว่าแฮร์รี่จะพยายามอธิบายก็ตาม รวมถึงเฮอร์ไมโอนี่ก็ห่างออกไปเช่นกัน และนั่นทำให้แฮร์รี่โดดเดี่ยว เพราะเค้าไม่เหลือใครเลย เพื่อนก็คิดว่าเค้าโกหก
การประลองเวทย์ไตรภาคีด่านที่ 1มังกร ผู้ประลองจะได้รับภารกิจให้ไปชิงไข่มาจากมังกร ซึ่งมังกรแต่ละตัวจะมีหน้าที่เฝ้าไข่
การประลองเวทย์ไตรภาคีที่ด่านที่ 2 นางเงือก ผู้ประลองจะได้รับภารกิจให้ไปช่วยเหลือคนที่ตัวเองรัก ซึ่งถูกจับไปเป็นตัวประกันใต้น้ำ
การประลองเวทย์ไตรภาคีด่านที่ 3 เขาวงกต ผู้ประลองต้องเดินทางในเขาวงกต และตามหาถ้วยรางวัลให้เจอก่อนจะหมดเวลา
หนังเปิดเรื่องมาด้วยการแข่งขันควิดดิชที่อลังการ มีดนตรีที่เหมือนเป็นเพลงปลุกใจ ทำให้หนังน่าติดตามว่าจะเกิดอะไรต่อไป แต่หนังก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแข่งขันเท่าไหร่ ลึกๆ ผมอยากเห็นรายละเอียดของการแข่งขันมากกว่านี้ แต่เมื่อดูไปเรื่อย ๆ หนังเหมือนต้องการเปิดตัว วิคเตอร์ ครัม มากกว่า เพราะเป็น 1 ในตัวแทนการประลอง
จากนั้นหนังดึงคนดูเข้าสู่ประเด็นสำคัญอย่างการเปิดตัวผู้เสพความตาย และการเสกตรามารเพื่อทิ้งปมให้คนดูสงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ประเด็นนี้มีความน่าสนใจเช่นกัน แต่หนังก็ตัดจบไป แล้วเริ่มพาคนดูเข้าสู่บรรยากาศของการประลองเวทย์ไตรภาคี และหนังยังปล่อยให้คนดูลุ้นและรีแลกซ์ไปกับการรับสมัครผู้เข้ารวมการประลอง
บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกครั้งเมื่อแฮร์รี่ถูกจับชื่อให้เป็น 1 ในผู้เข้าร่วมการประลอง ทุกคนพยายามกดดัน รวมถึงเพื่อนของเขาด้วย แต่เค้าก็กลับมาดีกันหลังภารกิจไข่มังกร
สิ่งที่น่าตื่นเต้นต่อมาคือฉากใต้น้ำ การใช้หญ้าเหงือกปลาเพื่อเปลี่ยนการหายใจของตัวเองให้เหมือนสัตว์ในน้ำ และการว่ายน้ำไปใต้ทะเลสาปที่ไม่รู้ว่าจุดหมายข้างหน้าเป็นอย่างไร และในมุมคนว่ายน้ำไม่เป็นแบบผม ถือว่าน่ากลัวและน่าติดตามไปในเวลาเดียวกัน
หนังเพิ่มแรงกดดันให้คนดูด้วยภารกิจสุดท้าย ที่คนดูแบบผมดูไปแถมยังอึดอัดแทน เพราะทุกคนถูกพาเข้าไปในด่านเขาวงกต ซึ่งในนี้จะไม่มีปิศาจร้ายใด ๆ แต่สิ่งที่จะพบคือความกลัวในจิตใจของเราที่ต้องไปในที่ที่ไม่รู้จุดหมายและที่ ๆไม่คุ้นเคย
คะแนนเนื้อเรื่อง 10/10 ไปเลยครับ พล็อตเรื่องของภาคีนี้ดีและไม่น่าเบื่อเลย แถมเราได้เริ่มเห็นวัยรุ่นเริ่มมีความรักกันหลายคู่ อย่างเช่น รอนก็เริ่มหึงหวงเฮอร์ไมโอนี่ ส่วนแฮร์รี่ก็ชอบโช ซึ่งมีแฟนอยู่แล้ว ในภาคนี้หนังมีครบทั้งสุข เศร้า หัวเราะ แถมพล็อตเรื่องที่ผูกปมไว้ตั้งแต่แรกคือตรามารที่คิดว่าทุกคนคงไม่ได้สนใจแล้ว เพราะให้ความสำคัญกับการประลองมากกว่า ก็จะมาเฉลยตอนท้าย และหลังจากจบภาคนี้ ภาคต่อไปก็จะมีความดาร์คมากขึ้นเรื่อย ๆ
คะแนนเอฟเฟคต์ 10/10 ในภาคนี้มีฉากหลายฉากที่เป็นเอฟเฟคต์ที่สวยงาม เช่น ฉากควิดดิชเปิดเรื่อง ฉากแข่งเวทย์ไตรภาคีมังกร ที่แฮร์รี่ขี่ไม้กวาดหนีมังกร ฉากที่ต่อสู้กับพวกนางเงือกในทะเลสาป รวมถึงฉากในวงกต คือหนังลงทุนกับภาคนี้ในส่วนของวิชวลเอฟเฟคต์มาก จนได้อารมณ์แฟนตาซีมากจริง ๆ ครับ
ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
1. ความรักเพื่อน เฮอร์ไมโอนี่ ที่พยายามช่วยแฮร์รี่ในด่านที่สอง ที่ต้องลงไปใต้ทะเลสาบ สังเกตว่า พยายามช่วยกันแก้ปริศนาภารกิจ ถึงแม้จะไม่สำเร็จ แต่เราก็ได้เห็นความพยายามของการช่วยเหลือ
2. น้ำใจของแฮร์รี่ที่มีให้คู่แข่ง ในฉากที่ช่วยเป้าหมายจากใต้ทะเลสาบ แฮร์รี่ก็ได้ช่วยน้องสาวของเฟลอร์ และฉากในเขาวงกต แฮร์รี่ก็ช่วยเซดดริกจากเถาวัลย์ปิศาจที่พยายามจะรัดเซดดริก
3. ความรักของพ่อแม่แฮร์รี่ ในฉากสุดท้ายที่แฮร์รี่กำลังปะทะกับโวลเดอร์มอร์ และพ่อแม่ของแฮร์รี่ที่เป็นวิญญาณ โผล่มาขัดขวางและถ่วงเวลาให้แฮร์รี่ได้หนี แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ ที่แฮร์รี่ได้มีโอกาสเจอวิญญาณของพ่อแม่ แต่เขาก็ดีใจที่ยังมีพ่อกับแม่อยู่ข้าง ๆ เสมอ
ภาคนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบที่สุดในส่วนของเนื้อเรื่องและเอฟเฟคต์ หากใครที่คิดถึงความแฟนตาซีของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็บอกเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เพราะเป็นภาคที่ดูผ่อนคลาย ก่อนจะปูไปภาคที่โหดมากกว่าเก่า...