Router นั้นเปรียบเสมือนประตูสู่โลกภายนอก เพราะการที่เราจะต่อ Internet จากอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้านหรือองค์กรของเรา (วง LAN ภายใน) ออกไปยังระบบ Network ของฝั่งผู้ให้บริการ ก็ต้องเชื่อมต่อผ่านตัว Router นั่นเอง อีกทั้งยังทำการหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นตัวกลางในการส่งต่อข้อมูลไปยังเครือข่ายอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วตัว Router ก็จะแบ่งพอร์ทที่มีมาให้เป็นสองชุดใหญ่ๆ ก็คือพอร์ท WAN และพอร์ท LAN โดยพอร์ท WAN จะใช้รับสัญญาณจากผู้ให้บริการ ส่วนพอร์ท LAN ที่เหลือก็ไว้ใช้ต่อกับอุปกรณ์ภายในของเรา รวมถึงสามารถปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ได้ รวมถึง Router เองยังสามารถทำงานเป็น Access Point ได้อีกด้วย
Access Point (AP) คืออุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการกระจายสัญญาณ Wi-Fi เป็นหลัก ซึ่งนิยมนำไปวางกระจายตามจุดต่างๆ ให้รัศมีของสัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุม เพื่อให้อุปกรณ์ที่รองรับ Wi-Fi เชื่อมต่อเข้ามาอยู่ใน วง LAN เดียวกัน ดังนั้นมักเห็นได้ว่า AP ส่วนใหญ่มีพอร์ทสาย LAN ให้แค่ 1 พอร์ท เพื่อที่จะเชื่อมต่อเข้ากับ Network Switch หรืออาจเชื่อมเข้ากับ Router เลยก็ได้เพื่อออกสู่ Internet ของผู้ให้บริการ แต่ AP บางยี่ห้อ เช่นของ LINK นั้น ก็มีพอร์ทมาให้ถึง 2 พอร์ท โดยเป็นความเร็ว 10/100/1000 Mbps และ 10/100 Mbps ไว้เป็น Option เพิ่มให้ลูกค้าเผื่อใช้งาน รวมถึงยังรองรับ PoE อีกด้วย
Extender เป็นอุปกรณ์ทวนสัญญาณ Wi-Fi เพื่อเพิ่มรัศมีสัญญาณให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยนิยมนำไปวางในจุดที่รับสัญญาณ Wi-Fi ได้ค่อนข้างอ่อน เมื่อเรานำ Extender ไปติดตั้งไว้ ตัวมันเองจะรับสัญญาณ Wi-Fi จาก Router หรือ Access Point จากนั้นทำการทวนสัญญาณและปล่อยสัญญาณ Wi-Fi จากตัวมันเอง โดยผู้ใช้งานก็จะจับสัญญาณ Wi-Fi ที่เป็นชื่อของ Extender แทน หรือพูดง่ายๆ เราใช้งานใกล้อุปกรณ์ตัวไหนก็จับ Wi-Fi ตัวนั้น เหมือนเราไปเพิ่มจุดปล่อย Wi-Fi นั่นเอง แต่ก็จะมีข้อเสียตรงที่ความเร็วก็จะดรอปลงไปบ้าง เนื่องจากตัว Extender เป็นการรับสัญญาณจาก Router หรือ Access Point มาขยายรัศมีการส่ง จึงทำให้เกิดการลดทอนความเร็วลงไป
ถ้าพูดถึงการใช้งาน Wi-Fi แล้วก็คาดว่าแทบทุกคนน่าจะต้องรู้จักอุปกรณ์ช่วยกระจายสัญญาณและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเจ้าเครื่อง "Router" กันอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตภายในคอนโดหรือหอพักการใช้งาน Router แค่เครื่องเดียวก็ก็เพียงพอและครอบคลุมการใช้งานแล้ว
บทความเกี่ยวกับ Wi-Fi อื่นๆ
แต่สำหรับใครที่อยู่บ้านที่มีหลายชั้น หรือสำนักงานใหญ่ ๆ ที่มีจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากแล้วละก็ Router เพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถกระจายสัญญาณได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นจึงต้องเพิ่มอุปกรณ์ตัวช่วยอย่าง Access Point เข้ามาช่วยกระจายสัญญาณ Wi-Fi ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ภาพจาก : //smartnetworkgeek.com/home-network-setup-diagram/
Access Point หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า "AP" เป็นอุปกรณ์ช่วย "กระจายสัญญาณ Wi-Fi จาก Router" ให้มีระยะของการส่งสัญญาณที่กว้างขึ้น และเสถียรมากยิ่งขึ้นผ่านการรับสัญญาณจากสาย LAN ที่เชื่อมต่อกับ Router หรือ Network Switch ทำให้เราสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตในพื้นที่กว้าง ๆ อย่างภายในออฟฟิศหรือในบ้านหลาย ๆ ชั้นได้อย่างไม่ติดขัด
โดยส่วนมากแล้ว Access Point มักจะมีพอร์ตหลักเพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น แต่ใน Access Point บางรุ่นก็อาจมีพอร์ตให้เลือกเชื่อมต่อถึง 4 พอร์ตเพื่อรองรับความเร็วอินเทอร์เน็ตที่แตกต่างกันก็เป็นได้
ข้อมูลเพิ่มเติม : Modem, Router และ Network Switch คืออะไร ? และ แตกต่างกันอย่างไร ?
ภาพจาก : //www.mbreviews.com/the-best-outdoor-access-points/
หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Access Point ก็ทำหน้าที่คล้ายกับ "ปลั๊กพ่วง" หรือ "รางปลั๊กไฟ" ที่รับกระแสไฟจากเต้าเสียบหลักมากระจ่ายต่อให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ การติดตั้ง Access Point ก็จะช่วยให้เราสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ในระยะที่กว้างมากขึ้น
ทั้งนี้ การเลือกใช้งาน Access Point ก็ควรดูสเปกของอุปกรณ์ต้นทาง (ตัว Router) และอุปกรณ์ปลายทาง (อุปกรณ์ที่ต้องการต่อ Wi-Fi) ด้วยว่ารองรับ Wi-Fi เวอร์ชันใด และเลือกใช้งานและติดตั้ง Access Point ให้มีมาตรฐานเดียวกันเพื่อให้การกระจายสัญญาณเป็นไปได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น
เพราะถ้าหากสเปกของ Router รวมไปถึง Access Point และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้นใช้งาน Wi-Fi ที่มีมาตรฐานต่างกันก็จะทำให้ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น เช่น ใช้งาน Router และสมาร์ทโฟนที่รองรับ Wi-Fi 6 แต่ตัว Access Point รองรับแค่ Wi-Fi 5 ก็จะสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ที่ความเร็วเทียบเท่ากับ Wi-Fi 5 เท่านั้น
ภาพจาก : //www.eweek.com/networking/extreme-networks-readies-wifi-6-access-points/
และนอกเหนือไปจากมาตรฐานการใช้งาน Wi-Fi แล้ว สิ่งสำคัญในการเลือกซื้อ Access Point ก็ต้องดูทั้งเรื่องของ "จำนวนผู้ใช้ (No of User)" และ "พื้นที่ (Area)" ที่ต้องการติดตั้งใช้งาน Access Point ร่วมด้วยเช่นกัน
เลือก Access Point จากจำนวนผู้ใช้งาน (No of Users)
Access Point แบบใช้งานทั่วไป (SO/HO Access Point)
Access Point สำหรับใช้งานทั่วไปในสำนักงานขนาดเล็ก (Small Office) หรือ Home Office เป็นอุปกรณ์ Access Point ที่มีราคาสูงที่สุดเนื่องจากมีการออกแบบตัวเครื่องและ Case แบบพิเศษให้ทนต่อสภาพอากาศภายนอกอาคาร มักพบได้บ่อยในโรงงานอุตสาหกรรมหรือบนท้องถนน โดยจะมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบเสาอากาศภายในและภายนอก (แต่ส่วนมากมักนิยมใช้งานแบบเสาอากาศภายนอกที่สามารถปรับทิศทางสัญญาณ Wi-Fi ได้)