ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานดนตรี ม.2
โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้
ประวัติและส่วนประกอบของฆ้องวงใหญ่
ความเป็นมาของฆ้องวงใหญ่ ฆ้องจัดได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานชนิดหนึ่ง ในบรรดาเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงกันในปัจจุบัน และเป็นเครื่องดนตรีที่มีความสำคัญมาตั้งแต่โบราณ เป็นเครื่องดนตรีหลักของวงดนตรีไทย ทั้งในวงมโหรี และวงปี่พาทย์ โดยฆ้องได้มีหลักฐานการค้นพบ โดยมุ่งไปที่กลองมโหระทึก กลองมโหระทึก ถูกค้นพบครั้งแรกที่บริเวณตอนใต้ของประเทศจีนแถบมณฑลยูนานและมณฑลใกล้เคียง ต่อเนื่องลงมาถึงเวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย (สมชาย รัศมี , ๒๕๔๑ : ๑๒) สิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า กลองมโหระทึกเป็นต้นกำเนิดของฆ้องก็เพราะโลหะที่ใช้ในการสร้างนั้นเอง โลหะที่ใช้ในการสร้างกลองมโหระทึก เป็นโลหะผสมแบบเดียวกับฆ้องที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน นอกจากลักษณะของเนื้อโลหะผสมแล้ว เส้นทางวิวัฒนาการของกลองมโหระทึกยังผ่านการพัฒนาเป็นเครื่องดนตรีในตระกูลเดียวกัน แต่เปลี่ยนแปลงรูปร่างที่มีทิศทางมาใกล้ฆ้องมาขึ้นนั้นคือการค้นพบ “ กังสดาร ” ซึ่งสร้างด้วยโลหะผสมแบบเดียวกันแต่รูปร่างเป็นแผ่นกลมขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ เมตร พบที่วัดพระธาตุหริกุญไชย ในจังหวัดลำพูน คาดว่าน่าจะอยู
แบบทดสอบก่อนเรียน ม.2 อ่าน เขียน ร้องโน้ต
1.การพัฒนาจังหวะในการร้องเพลงไทย ข้อใดถูกต้อง? ก. กำมือแล้วเคาะ ข. ใช้ปลายนิ้วมือเคาะ ค. ใช้เท้าเคาะ ง. ถูกทุกข้อ 2.สัญลักษณ์ (xํ) และ (xฺ) ที่ปรากฏในโน้ตเพลงไทย หมายถึงอะไร? ก. ตัวโน้ตมีเสียงดัง-เบา ข. ตัวโน้ตมีเสียงสั้น-ยาว ค. ตัวโน้ตมีเสียงสูง-ต่ำ ง. ตัวโน้ตมีเสียงแหลม-ทุ้ม 3. จังหวะ หน้าทับ ใช้เครื่องดนตรีในข้อใดเป็นเครื่องกำกับจังหวะ? ก. ฉิ่ง ข. กรับ ค. โหม่ง ง. กลองแขก 4. การขับร้องเพลงไทยควรทำท่าท่างอย่างไร? ก. นั่ง ขัดสมาธิ ข. นั่งคุกเข่า ค. นั่งไขว่ห้าง ง. นั่งพับเพียบ 5. หลักปฏิบัติข้อแรกในการฝึกปฏิบัติการร้องและบรรเลงรวมวง คือข้อใด? ก. ทำความสะอาดเครื่องดนตรี ข. ทำความเคารพผู้สอน ค. ฝึกท่องโน้ตเพลง ง. ฝึกฟังเพลง 6. การขับร้องเพลงไทยสันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด? ก. รัตนโกสินทร์ ข. สุโขทัย ค. ธนบุรี ง. อยุธยา 7.เสียง "อือ" ในการขับร้องเพลงไทย เป็นเสียงที่ผ่านออกมาทางใด ? ก. ลำคอ ข. จมูก ค. ครึ่งปากครึ่งจมูก ง. ครึ่งลำคอครึ่งจมูก 8.แช็ค ชุมแพ ร้องเพลง คำแพง จัดเป็นการขับร้องเพลงแบบใด? ก. ขับร้องคู่
ปัจจัยที่มีผลต่อการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทย
ภูมิปัญญาไทยเป็นเรื่องของการใช้ความรู้ ความคิด และทักษะการปฏิบัติเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของตนเองและชุมชน จึงมีการเปลี่ยนแปลงให้สมดุลกับการพัฒนาทางสังคมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นก็มีเอกลักษณ์ของตนเอง
ปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อการสร้างสรรค์ภูมิปัญญา พอสรุปได้ ดังนี้
1. การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่เกิดจากการดำรงชีวิต
คนไทยในภูมิภาคต่าง ๆ มีวิถีการดำรงชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างกัน แต่ก็ล้วนมีความผูกพันและพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ เรียนรู้จากธรรมาชาติ
ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับการทำมาหากิน และการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
ปัญหาด้านต่าง ๆ ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องปรับตัว และสร้างสรรค์ภูมิปัญญาเพื่อความอยู่รอด และอยู่อย่างมีความสุข สะดวกสบาย รวมทั้งเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยคิดประดิษฐ์หรือพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ เช่น การนำพืชพรรณธรรมชาติมาปรุงเป็นอาหาร ทำยารักษาโรค การนำเส้นใยจากพืช เช่น
ปอ ฝ้าย ป่าน มาประดิษฐ์เป็นเสื้อผ้า กระเป๋า และยังประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้แก่ การทำเครื่องมือดักจับสัตว์ป่า สัตว์น้ำ เครื่องมือทุ่นแรงในการทำไร่ทำนา การปลูกพืช และการหาของป่า เป็นต้น
2. การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่เกิดจากความเชื่อและศาสนา
คนไทยมีความเชื่อดั้งเดิมในเรื่องของการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ เช่น ผีบ้านผีเรือน ผีฟ้า เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง เทวดา แม่โพสพ แม่คงคา พระภูมิ ต้นไม้ใหญ่ ๆ เช่น ต้นโพธิ์ ต้นไทร เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่ามีเทวดาหรือนางไม้พักอาศัยอยู่ ถ้าใครไปตัดต้นไม้ใหญ่ หรือทำสกปรกรอบ ๆ บริเวณนั้น อาจถูกลงโทษถึงแก่ชีวิตได้
นับได้ว่าเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติโดยทางอ้อมอย่างหนึ่ง
อนึ่ง คนไทยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา จึงนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิต เช่น การไม่ทำความชั่ว การทำความดี และการทำจิตใจให้ผ่องใส
ภูมิปัญญาที่ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา เช่น
-
การเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์ ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ชาดก สวรรค์ นรก เป็นต้น
- การสร้างประติมากรรม เช่น พระพุทธรูป
- การสร้างสถาปัตยกรรม เช่น โบสถ์ เจดีย์ตามยุคสมัยต่าง ๆ
- การแสดงออกของศิลปิน เช่น
การแต่งคำประพันธ์ บทเพลง การแสดงละคร ลิเก ลำตัด ที่นำหลักคำสอนหรือชาดกมาสร้างเป็บบทประพันธ์ โดยสมมุติตัวละครให้แสดงออกทั้งทางด้านผลของกรรมดีและกรรมชั่ว
3. การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่เกิดจากสภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
ประเทศไทยมีสภาพทางภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย
ทำให้มีการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาที่แตกต่างกัน เช่น
- บริเวณภาคกลางของประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำลำคลองหลายสาย บางพื้นที่มีน้ำท่วมในฤดูฝน ทำให้มีการแก้ปัญหาด้วยการสร้างบ้านเรือนที่ยกพื้นสูงขึ้น เพื่อป้องกันน้ำท่วม ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ริมน้ำก็จะสร้างเรือนแพ หรือต่อเรือไว้เป็นพาหนะในการเดินทาง
- บริเวณทางภาคเหนือเป็นเทือกเขา
มีที่ราบระหว่างหุบเขาที่แม่น้ำไหลผ่าน ทำให้เกิดภูมิปัญญาในการสร้างฝาย เพื่อกักเก็บน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ราบ มีการปลูกพืชตามไหล่เขาแบบขั้นบันได ซึ่งทำให้สามารถรักษาหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ไว้ได้ในขณะที่มีฝนตก นับว่าเป็นการรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฉลาดและคุ้มค่า เพราะสามารถใช้ที่ดินได้ทุกพื้นที่ ไม่เพียงแต่ที่ราบเท่านั้น
4.
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยที่เกิดจากอิทธิพลภายนอก
การที่ประเทศไทยมีสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ทั้งด้านการเมืองการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ เช่น มีการติดต่อค้าขาย การร่วมลงทุนหรือร่วมส่งเสริมกิจกรรมทางด้านต่าง ๆ ทำให้มีการถ่ายทอดวัฒนธรรม มีการผสมผสานวัฒนธรรมในรูปแบบต่าง ๆ เรื่อยมาจนกระทั่งในปัจจุบัน
การติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ความรู้ด้านวิชาการ วัฒนธรรมและรูปแบบของการดำเนินชีวิตจากภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ทำให้มีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เกิดจากภูมิปัญญาไทยให้เหมาะสมกับยุคสมัย เช่น
- การใช้เครื่องทุ่นแรงมาใช้ในการเกษตร เช่น การใช้รถไถแทนการใช้ความไถนา
การใช้เครื่องมือนวดข้าวแทนการนวดด้วยมือ การใช้เครื่องแยกเมล็ดฝ้ายแทนการแยกด้วยมือ
- การนำเครื่องยนต์มาติดตั้งกับพาหนะ เช่น การใช้เรือยนต์แทนเรือพาย การใช้รถสามล้อเครื่องแทนรถสามล้อถีบ
- การใช้เครื่องไฟฟ้าเข้ามาประกอบอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน ได้แก่
การใช้กระเช้าไฟฟ้ารับส่งคนและของขึ้นลงในที่สูง
- การแปรรูปผลิตภัณฑ์ เช่น ฟ้าทะลายโจรอัดใส่แคปซูลใช้รักษาโรคได้ ยาสระผมว่านห่างจระเข้ผสมดอกอัญชัย ครีมนวดผมที่ทำจากประดำดีควาย สบู่สมุนไพร เครื่องดื่มที่ทำจากสมุนไพร เป็นต้น
5. การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาโดยอาศัยประสบการณ์ เช่น
- หมั่นศึกษาแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยเรียนรู้ทั้งในระบบและนอกระบบ
- ลงมือทดลองความรู้ตามที่เรียนมา และสอบถามปรึกษาผู้รู้
- ลงมือทำงาน และผลิตผลงานอยู่เสมอ ปรับปรุงและพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพมากขึ้น อีกทั้งมุ่งทำงานของตนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคม สามารถถ่ายทอดความรู้ได้
จึงสังเกตได้ว่า ภูมิปัญญาที่เกิดขึ้นมานั้น มักจะมีเหตุปัจจัยมาจากสภาพแวดล้อมทั้งทางธรรมชาติ และสภาพสังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์ในสมัยนั้น ๆ รวมทั้งการติดต่อสื่อสาร ผสมผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิตในยุคสมัยนั้น ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและการแก้ปัญหาชีวิตที่เหมาะสมนั่นเอง