ออก กํา ลังกา ย ตอนเช้า ลดพุง

ออกกำลังกายตอนเช้าเป็นผลดีต่อการลดน้ำหนัก

หลาย ๆ คนที่ต้องการลดน้ำหนักหรือกระชับสัดส่วน ส่วนใหญ่แล้วการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก และการควบคุมอาหารการกิน คือทางออกที่ดีและไม่เป็นอันตรายที่สุดค่ะและมักจะถูกใช้เป็นตัวเลือกต้น ๆ เลยคะ แต่หลาย ๆ คนก็ยังไม่รู้นะค่ะว่า  เครื่องออกกำลังกาย เราน่าจะออกกำลังกายเมื่อไหร่ดี เช้า สาย บ่าย เย็น หรือก่อนนอน แต่จริง ๆ แล้ว เวลาที่เหมาะที่สุดคือ ตอนเช้าหลังตื่นนอนค่ะ เพราะว่าการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักตอนเช้าหลังตื่นนอนจะทำให้ระบบเผาผลาญของเราทำงานได้ดีกว่าออกกำลังกายเวลาอื่น ๆ ค่ะ รวมถึงเป็นการช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง คลายเครียดไปในตัว ที่สำคัญ เราจะได้ไม่ต้องไปทำงานสายด้วยคะ อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านใดที่ต้องการใช้การออกกำลังเป็นวิธีลดน้ำหนัก เครื่องออกกำลังกาย เมื่ออ่านจบแล้ว คงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตื่นนอนกันนิดนึงนะคะ ตื่นเร็วขึ้นอีกนิดชีวิตเปลี่ยนค่ะ

ที่มา.108suaysai.com

ทำไมออกกําลังกายตอนเช้าถึงเบิร์นไขมันได้เร็วกว่า ?

การออกกำลังกาย’ ดูจะเป็นเทรนด์ยอดฮิตที่ชาวออฟฟิศยกให้เป็นกิจกรรมหลังเลิกงาน แต่รู้หรือไม่ว่า...ถ้าเราลองสลับเวลามาออกกำลังกายตอนเช้าแทนสามารถช่วยลดไขมันได้ดีกว่า! เตรียมชุด หูฟัง และรองเท้าให้พร้อม แล้วไปลดไขมันด้วยการออกกำลังกายตอนเช้ากัน

งานวิจัยชี้! ข้อดีออกกำลังกายตอนเช้า
 

ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อ...แต่นี่เป็นเรื่องจริงจากงานวิจัยด้านสุขภาพ ว่า ทำไมการออกกำลังกายตอนเช้าถึงทำให้ไขมันลดได้ดีกว่าช่วงเวลาอื่น แม้การตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าจะสร้างความทุกข์ใจสำหรับบางคน แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าทุกคนยอมตื่นเช้าขึ้นมาอีกสักหน่อย สามารถช่วยให้เรามีหุ่นสวยสมใจได้เร็วกว่าการออกกำลังกายในช่วงเวลาอื่น ด้วยเหตุผลหลักๆ 2 ข้อ ดังนี้

• เพิ่มระบบการเผาผลาญได้ดีเยี่ยม

ออกกําลังกายตอนเช้า ดีไหม เพราะร่างกายของคนเรามีอัตราการเผาผลาญในแต่ละช่วงของวันที่ไม่เท่ากัน อ้างอิงได้จากงานวิจัยของ Midwest Exercise Trail 2 ที่ระบุถึงกรณีศึกษาการติดตามการออกกำลังกายของกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 18-30 ปี และมีค่าเฉลี่ย BMI อยู่ที่ 25-40 กก./ม. โดยเป็นการตื่นมาออกกำลังกายตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงก่อนเที่ยง ประมาณ 5 วันต่อสัปดาห์ ภายในระยะเวลานาน 10 เดือน ปรากฏว่าเกือบทุกคนสามารถลดน้ำหนักตัวลงได้สำเร็จ และมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักตัวได้มากกว่าคนที่ออกกำลังกายตอนบ่ายหรือหัวค่ำ สาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนั้นก็เพราะในช่วงบ่าย-ค่ำ เป็นเวลาที่ร่างกายได้เตรียมพร้อมสำหรับการพักผ่อน ทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้น้อยลงกว่าตอนเช้านั่นเอง

• ช่วยลดความรู้สึกอยากอาหารได้ดี

การออกกําลังกายตอนเช้าก็ถือเป็นช่วงเวลาออกกำลังกายที่เหมาะมากๆ โดยเฉพาะสาวกที่ชอบกินจุบจิบ เพราะปกติในช่วงเช้าเรามักจะไม่ค่อยรู้สึกหิว และหากเราออกกำลังกายตอนเช้าเสริมเข้าไปด้วยในคราวเดียวก็จะยิ่งช่วยลดความอยากอาหารลงไปได้อีกเยอะ ซึ่งต่างจากการออกกำลังกายตอนเย็นที่มักจะทำให้เรารู้สึกโหยหาอาหารจากการใช้พลังงานมาตลอดทั้งวัน และถ้าเราควบคุมตัวเองไม่ได้ในเวลานั้น รับรองว่าการออกกำลังกายในทุกๆ วันจะจบลงด้วยการทำไปเพื่อเผาผลาญไขมันสะสมจากบุฟเฟต์มื้อค่ำอย่างแน่นอน

4 เทคนิคออกกำลังกายตอนเช้าให้ปลอดภัย ไม่เจ็บตัวภายหลัง

เอาล่ะ! สำหรับใครที่ตัดสินใจเลือกแล้วว่า พรุ่งนี้จะตื่นมาออกกําลังกายตอนเช้าเพื่อพิชิตหุ่นที่ใฝ่ฝันมานานแสนนาน เรามี 4 เทคนิคออกกำลังกายตอนเช้าให้ปลอดภัย ช่วยให้ร่างกายได้ปรับตัวกับช่วงเวลาตื่นนอนใหม่ พร้อมลดโอกาสบาดเจ็บ หรืออุบัติเหตุหากเผลอออกแรงมากจนเกินไปจะมีเทคนิคอะไรบ้าง ลองไปดูพร้อมๆ กัน

1. เลือกวิธีออกกำลังกายให้เหมาะสม

ออกกําลังกายตอนเช้า ดีไหม อาจต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวจากการพักผ่อน ซึ่งอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวได้ไม่เต็มที่และมีโอกาสบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้น รูปแบบการออกกำลังกายในช่วงนี้จึงควรเป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยวอร์มร่างกายให้อบอุ่นก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ใช้กล้ามเนื้อได้นานพอสมควร ทั้งยังเป็นการฝึกให้หัวใจและปอดได้คุ้นชินกับการออกกำลังกายตอนเช้ามากขึ้นด้วย เช่น การทำคาร์ดิโอ (Cardiovascular), Burn Fat หรือ Burn Calorie เช่น การทำแอโรบิก, การวิ่ง,ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ เป็นต้น

2. ดูระยะเวลาให้เหมาะสม

เรื่องของ ‘เวลา’ ออกกําลังกายตอนเช้าก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ เพราะหลายคนไม่สามารถรักษาสมดุลในเรื่องของเวลาในการพาตัวเองมาออกกำลังกายในตอนเช้าได้ โดยเราขอแนะนำให้ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าอย่างน้อย 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ และใช้ระยะเวลาออกกำลังกายติดต่อกันให้ได้ประมาณ 30 นาที จึงจะเป็นจุดที่ระบบเผาผลาญในร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด แต่สำหรับใครที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย อาจจะเริ่มต้นออกกำลังกายเบาๆ แค่ 10 นาทีต่อวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกายให้มากขึ้น เพื่อลดการบาดเจ็บและกระตุ้นให้ร่างกายได้คุ้นชินกับอาการปวดเมื่อยต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนล้มเลิกการออกกำลังกายกันมานักต่อนักเสียก่อน

3. ควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate)

สำหรับใครที่เป็นสายออกกำลังกายตอนเช้าแบบคาร์ดิโอ ต้องอย่าลืมควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เพราะหากใช้งานหนักมากจนเกินไปอาจทำให้ถึงขั้นหน้ามืดหรือเป็นลมได้ ส่วนหลักการควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate) ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสมรรถภาพร่างกาย ช่วงวัย และปัญหาทางสุขภาพของแต่ละคน โดยแบ่งตามระดับอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดต่อนาที(ตั้งแต่ 40-100%) แต่สำหรับคนที่อยากออกลำลังกายเพื่อสุขภาพและหุ่นที่ดีควรจะคุมให้ Heart Rate อยู่ที่ระหว่าง 60-90% ถึงจะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดีที่สุด

4. แบ่งเวลาพักระหว่างออกกำลังกายให้เหมาะสม

คำว่า ‘พัก’ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การนอนหลับให้เต็มอิ่ม แต่ยังหมายถึงการพักการออกกำลังกายตอนเช้าในบางช่วง หรือในบางวัน เพื่อให้ร่างกายได้มีระยะการฟื้นฟูบ้างตามความเหมาะสม ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ช่วงเวลา ดังนี้

●พักระหว่างออกกำลังกาย

การพักระหว่างเซ็ตเล็กน้อยแค่ไม่กี่นาที เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว และกลับมามีแรงออกกําลังกายตอนเช้าต่อได้อย่างเต็มที่ทั้งยังเป็นวิธีช่วยป้องกันกล้ามเนื้อฉีกขาดที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุขณะออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกกล้ามเนื้อให้ทนกับสภาพความเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกายติดต่อกันมาหลายนาทีได้อีกด้วย

●พักหลังออกกำลังกาย

สำหรับใครที่เล่นเวทเทรนนิง จะต้องมีช่วงให้ร่างกายได้พักด้วยการหลีกเลี่ยงการเล่นซ้ำในจุดเดิมๆ ประมาณ 2 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดให้กลับมาแข็งแรงมากพอที่จะสร้างมัดกล้ามเนื้อต่อไป ที่สำคัญอย่าหักโหมออกกำลังกายตอนเช้าหนักจนเกินไป เซฟๆ พลังงานเผื่อไว้ให้พร้อมลุยงานต่อตลอดทั้งวัน

การออกกำลังกายตอนเช้า จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยเบิร์นไขมันได้เร็วกว่า และสร้างพลังให้ร่างกายในช่วงระหว่างวันได้เป็นอย่างดี แต่หากอยากออกกําลังกายตอนเช้าให้ได้ผลลัพธ์ดีและมีประสิทธิภาพกว่าที่เคยยังมีเรื่องของวินัยและความตั้งใจอย่างต่อเนื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน

รวมถึงการวางแผนคุ้มครองสุขภาพด้วยแผนประกันสุขภาพมิติใหม่ที่คุณสามารถเลือกความคุ้มครองหลักด้วยตนเองได้ ทั้งโรคร้ายแรง หรือโรคที่เกิดจากไลฟ์สไตล์ หรือแผนประกันอุบัติเหตุที่พร้อมให้คุณได้เต็มที่ในทุกๆ กิจกรรม แผนประกันที่เน้นชดเชยรายได้หรือแบบมีเงินคืน เบี้ยเริ่มต้นที่ 390 บาทต่อเดือน คุ้มครองสูงสุดถึง 5,000,000 บาท พร้อมช่วยค่ารักษาพยาบาล 70,000 บาทต่อครั้ง เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตและเต็มที่ในทุกกิจกรรม!

ศูนย์บริการลูกค้า โทร. 1758

หรือ โทร. 0-2099-3999