มหาภารตะ (สันสกฤต: महाभारत) บางครั้งเรียกสั้น ๆ ว่า ภารตะ เป็นหนึ่งในสอง ของ มหากาพย์ ที่ยิ่งใหญ่ของ อินเดีย (มหากาพย์อีกเรื่องคือ รามายณะ) ประพันธ์เป็นโศลกภาษาสันสกฤต มหากาพย์เรื่องนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ "อิติหาส" (แปลตามศัพท์ว่า "ประวัติศาสตร์") และเป็นส่วนหนึ่งทึ่สำคัญยิ่งของ เทพปกรณัมในศาสนาฮินดู
ตามตำนานกล่าวว่าผู้แต่งมหากาพย์เรื่องนี้คือ ฤๅษีกฤษณะ ไทวปายนะ วยาส เชื่อกันว่าแต่งไว้ราว 800-900 ปีก่อนคริสต์ศักราช นับเป็นมหากาพย์ที่ยาวที่สุดในโลก ด้วยมีจำนวนคำ 1.8 ล้านคำ นับว่ายาวกว่ามหากาพย์อีเลียด หรือมหากาพย์โอดิสซี ของกรีกโบราณ มีเนื้อหาซับซ้อน เล่าเรื่องอันยืดยาวที่เกี่ยวข้องกับเทพปกรณัม การสงคราม และหลักปรัชญาของอินเดีย ทั้งนี้ยังมีเรื่องย่อย ๆ แทรกอยู่มากมาย ซี่งหลายเรื่องก็เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเมืองไทย เช่น ภควัทคีตา ศกุนตลา สาวิตรี พระนล กฤษณาสอนน้อง อนิรุทธ์ เป็นต้น ทั้งนี้ ยังถือว่าเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของศาสนาฮินดูด้วย นอกจากนี้ มหาภารตะนี้ยังสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต ศาสนา การเมือง ศิลปะหลายแขนง ประวัติความเป็นมาของวงศ์ตระกูลต่าง ๆ ในเรื่อง และธรรมเนียมประเพณีการรบการสงครามของอินเดียยุคโบราณด้วย
มหาภารตะ เป็น เรื่องราวความขัดแย้ง ของ พี่น้องสองตระกูล ระหว่าง ตระกูลเการพ และตระกูลปาณฑพ ซึ่งทั้งสองตระกูลต่างก็สืบเชื้อสายมาจากท้าวภรต แห่ง กรุงหัสตินาปุระ จนบานปลายไปสู่ มหาสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร ซึ่งมีพันธมิตร ของแต่ละฝ่ายเข้าร่วมรบด้วยเป็นจำนวนมาก กล่าวกันว่านี่คือการต่อสู้ระหว่าง ฝ่ายธรรมะ และฝ่ายอธรรม ความดี และความชั่ว ซึ่งในที่สุดแล้ว ฝ่ายปาณฑพก็เป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้
บทสรุป
ฝ่ายเการพที่มีกำลังรบ 11 อักเษาหิณี เหลือรอดชีวิตแค่ 4 คน ได้แก่กฤปาจารย์,กฤตวรมัน,อัศวัตถามา และวฤษเกตุ บุตรชายของกรรณะ(พี่น้องเการพไม่มีใครเหลือรอดชีวิตเลย นอกจากเจ้าหญิงทุหศาลา) โอรสของท้าวธฤตราษฎร์องค์เดียวที่รอดชีวิตคือ ยุยุตสุ (เกิดแต่นางกำนัล) ซึ่งย้ายไปอยู่กับฝ่ายปาณฑพก่อนเข้าร่วมสงคราม
ฝ่ายปาณฑพที่มีกำลังรบ 7 อักเษาหิณี เหลือรอดชีวิต 8 คน ได้แก่พี่น้องปาณฑพทั้ง5คน,พระกฤษณะ,ยุยุตสุ และสาตยกีและชนะสงคราม
//th.wikipedia.org/wiki/มหาภารตะ
มหากาพย์ “มหาภารตะ” เป็นมหากาพย์ที่ยาวที่สุดในโลกแบบว่ายาวกว่ามหากาพย์อีเลียด หรือมหากาพย์โอดิสซีของกรีกเสียอีก มหาภารตะเป็นเรื่องราวความขัดแย้งของพี่น้องสองตระกูล ระหว่างตระกูลเการพ และตระกูลปาณฑพ ซึ่งทั้งสองตระกูลต่างก็สืบเชื้อสายมาจากท้าวภรตแห่งกรุงหัสตินาปุระ จนนำไปสู่มหาสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรซึ่งมีพันธมิตรของแต่ละฝ่ายเข้าร่วมรบด้วยเป็นจำนวนมาก โดยถือกันว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ซึ่งในที่สุดแล้วฝ่ายปาณฑพก็เป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้ มหาภารตะมีเนื้อหาซับซ้อน เล่าเรื่องอันยืดยาวที่เกี่ยวข้องกับเทพปกรณัม การสงครามและหลักปรัชญาของอินเดีย
Advertisment
ในมหากาพย์ “มหาภารตะ” ยังมีเรื่องย่อยๆ แทรกอยู่มากมาย ซึ่งหลายเรื่องก็เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเมืองไทย เช่น ภควัทคีตา ศกุนตลา สาวิตรี พระนล กฤษณาสอนน้อง อนิรุทธ์ เป็นต้น นอกจากนี้ในมหาภารตะยังสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต ศาสนา การเมือง ศิลปะหลายแขนง ประวัติความเป็นมาของวงศ์ตระกูลต่างๆ ในเรื่อง และธรรมเนียมประเพณีการรบการสงครามของอินเดียยุคโบราณด้วย แต่ที่น่าสังเกตคือมหาภารตะเล่าเรื่องต่างๆ มากมายแต่กลับไม่เล่าประวัติที่มาของต้นตระกูลของตัวเองจริงๆ เลย ปรากฏว่าเรื่องโคตรเหง้าของบรรดากษัตริย์แห่งจันทรวงศ์นี้กลับปรากฏอยู่ในมหากาพย์ “รามายณะ” (มหากาพย์ “รามายณะ” ซึ่งเป็นหนึ่งในสองของมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ของอินเดีย แต่เมื่อแพร่หลายเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้ถูกการดัดแปลงเล่าใหม่ในบางส่วนแต่เนื้อหาส่วนใหญ่ก็ยังคงเดิม คือเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการทำศึกสงครามระหว่างฝ่ายพระรามกับฝ่ายทศกัณฐ์ (ยักษ์) โดยพระรามจะมาชิงตัวนางสีดาซึ่งถูกทศกัณฐ์ลักพาตัวมา ทางฝ่ายพระรามมีน้องชายชื่อพระลักษมณ์และหนุมานเป็นทหารเอกช่วยในการทำศึก รบกันอยู่นานสุดท้ายฝ่ายยักษ์ก็แพ้ สำหรับคนไทยเราก็ได้นำมาแต่งใหม่เรียกว่า รามเกียรติ์) ซึ่งเล่าเรื่องเพี้ยนไปจากเรื่องเดิมเยอะเลยทีเดียว)
ในมหากาพย์ “รามายณะ” เล่าว่า เมื่อ พระรามอวตารลงมาเป็นกษัตริย์แห่งสุริยวงศ์ครองกรุง
อโยธยาเพื่อจะมาปราบพวกยักษ์ทั้งนั้น พระองค์ทรงแผ่ราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง มีเมืองขึ้นมากมาย ครั้งหนึ่งคิดจะทดลองความจงรักภักดีของบรรดาหัวเมืองขึ้น จึงได้ปรึกษากับน้องชายคือ พระภรต กับ พระลักษมณ์ ว่าจะทำแบบพิธีราชสูยะดีหรือไม่ พระภรตตอบว่าไม่เหมาะ เพราะพระรามก็เป็นกษัตริย์ที่ทรงพระเดชานุภาพอยู่แล้ว ไม่ควรคิดที่จะประกอบการใหญ่อย่างนี้เลย จะทำให้ได้ความลำบากแก่บรรดากษัตริย์หัวเมืองขึ้นที่จะต้องเดินทางมาเข้าร่วมพิธี ส่วนพระลักษมณ์เสนอว่าควรจะทำแบบพิธีอัศวเมธดีกว่า (พิธีอัศวเมธ การทำพิธีเพื่อประกาศพระบรมเดชานุภาพของพระราชาธิราชในวรรณคดีอินเดีย โดยจะทรงปล่อยม้าอุปการพร้อมทั้งกองทัพให้เข้าไปในเมืองต่างๆ ถ้าเมืองใดไม่ยอมอ่อนน้อมกองทัพจะเข้าโจมตี เมื่อครบ 1 ปีแล้วกองทัพก็ยกกลับพร้อมทั้งพระราชาที่ถูกปราบ พระราชาธิราชก็จะจัดพระราชพิธีโดยฆ่าม้านั้นบูชายัญ) ซึ่งพระรามก็เห็นด้วยกับพระลักษมณ์แล้วเลยเล่าเรื่องพิลึกกึกกือให้น้องทั้งสองฟัง ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องของกษัตริย์ตระกูลจันทรวงศ์ซึ่งเป็นต้นเค้าของเรื่องมหาภารตะ
Advertisement
ท้าวอิลราช ผู้เป็นกษัตริย์ครองนครพลหิกาได้ออกไปล่าสัตว์เล่นในป่า จนไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ในเวลานั้น พระอิศวร กำลังเล่นพิเรนทร์ด้วยการแปลงกายเป็นสตรีเพื่อล้อ พระอุมา เล่น และบรรดาสัตว์และต้นไม้ก็กลายเป็นเพศหญิงไปหมด ท้าวอิลราชกับบริวารเดินล่วงที่รโหฐานนั้นเข้าไป ก็กลายเป็นสตรีไปหมด ท้าวอิลราชตกพระทัยจึงไปเฝ้าพระอิศวรทูลขออภัยขอให้ได้กลับเป็นชายอย่างเดิม แต่พระอิศวรไม่ยอมยกโทษให้ แต่พระอุมาสงสารจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง โดยในเดือนหนึ่งให้เป็นสตรีอันมีรูปงามหานางใดเสมอเหมือนมิได้ แล้วให้เป็นบุรุษอีกเดือนหนึ่งสลับกันไป ทั้งนี้ เมื่อใดกลับเพศเป็นชายให้ลืมเหตุการณ์ทั้งปวงที่ได้เป็นไปในเวลาเป็นผู้หญิง และเมื่อกลายเป็นผู้หญิงก็ให้ลืมเวลาที่เป็นผู้ชาย
ดังนั้น ในเดือนแรกระหว่างที่เป็นผู้หญิงอยู่นั้น นางอิลา กับบริวารพากันเที่ยวเล่นในป่าจนไปพบกับพระพุธ ซึ่งเป็นฤๅษีบำเพ็ญพรตอยู่ ตอนนั้นนางอิลากับบริวารซึ่งลืมเรื่องตอนเป็นผู้ชายหมดแล้ว พระพุธจึงเล็งดูด้วยญาณทราบเหตุทุกประการแล้ว เลยฉวยโอกาสเอานางอิลาเป็นเมียเสียเลยจนครบ 1 เดือน เมื่อนางอิลากลายเป็นท้าวอิลราชก็เป็นเพื่อนกับฤๅษี พอครบ 1 เดือนก็กลับไปเป็นเมียของฤๅษีอีก ซึ่งสุดจะพิลึกกึกกืออย่างว่า จนในที่สุดนางอิลาก็มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ “ปุรุรพ”
ต่อมาฤๅษีพระพุธเกิดละอายใจจึงเปิดเผยความจริงให้ท้าวอิลราชทราบแล้วช่วยบอกวิธีแก้ไขคำสาปของพระอิศวรโดยให้ท้าวอิลราชทำพิธีอัศวเมธบูชาพระอิศวรจนพระอิศวรพอพระทัยก็เสด็จลงมาประสาทพรให้ท้าวอิลราชได้เป็นบุรุษอยู่ต่อไป ไม่ต้องกลับเป็นสตรีอีก
Advertisement
ท้าวอิลราชกลับเข้าสู่นครพลหิกา แล้วก็ไปสร้างเมืองใหม่ให้ลูกชายคือพระปุรุรพ ที่เกิดกับพระพุธนั้นครองเมืองต่อไปซึ่งพระปุรุรพนี่แหละคือต้นตระกูล “จันทรวงศ์” ซึ่งมีเชื้อสายเป็นตระกูลเการพกับปาณฑพในเรื่องมหาภารตะนั่นเอง
ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งมหากาพย์ “มหาภารตะ” และมหากาพย์ “รามายณะ” ทั้ง 2 เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยความมโหฬารแห่งความพิลึกกึกกือทั้ง 2 เรื่องโดยที่ทั้งมหากาพย์อีเลียด หรือมหากาพย์โอดิสซีของกรีกนั้นไม่มีทางเทียบได้เลย