ผลบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษนัดที่ 2
- ผลบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษนัดที่ 2
- อาร์เซน่อล 4-2 เลสเตอร์
- แมนฯซิตี้ 4-0 บอร์นมัธ
- เบรนท์ฟอร์ด 4-0 แมนฯยู
- เชลซี 2-2 สเปอร์ส
- สรุปผลบอลพรีเมียร์ลีกคู่อื่น
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจบลงไปแล้ว 9 คู่เตะกันวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฎว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่านำเป็นจ่าฝูงหลังเปิดบ้านถล่ม บอร์นมัธ ทีมน้องใหม่ไป 4-0 เก็บ 6 คะแนนเต็ม ขณะที่อาร์เซน่อลก็ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องไล่ถล่มเลสเตอร์ ซิตี้ 4-2 รั้งรองจ่าฝูงเป็นรองซิตี้แค่ประตูได้เสียเท่านั้น ขณะที่เกมลอนดอนดาร์บี้แมตช์ เชลซี เสมอ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ อย่างเดือด 2-2 และปิดท้ายด้วยบิ๊กเซอร์ไพรส์แมนฯยูไนเต็ดบุกไปโดนเบรนท์ฟอร์ดถล่มยับ 4-0 แพ้ 2 เกมติดจมบ๊วยของตาราง
อาร์เซน่อล 4-2 เลสเตอร์
อาร์เซน่อล ได้เล่นในรังเอมิเรตส์ สเตเดียมนัดแรกของฤดูกาลรับการมาเยือนเลสเตอร์ ซิตี้ โดยเกมนี้ อาร์เซน่อล ใช้ 11 คนแรกเป็นชุดเดียวกับนัดแรกที่ชนะคริสตัล พาเลซ 2-0 เริ่มเกม อาร์เซน่อล เกือบโดนก่อนตั้งแต่นาทีที่ 4 เมื่อ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ตัดเกมได้จากกลางสนามเล่นชิ่งกับ เจมี่ วาร์ดี้ ใช้ความเร็วเลี้ยงหลบ วิลเลียม ซาลิบา เข้าไปซัดจ่อ ๆ แต่ อาร่อน แรมเดลส์ ออกมาบล็อคไว้ได้ทัน
พอไม่เสียประตูอาร์เซน่อลก็เล่นกันได้อย่างคึกคักรับส่งบอล ทำชิ่ง จ่ายทะลุช่องได้อย่างเนียนตา ขณะที่เกมรับก็ช่วยกันเพรสซิ่งจนเลสเตอร์ครองเกมไม่ได้เลย นาทีที่ 20 เกือบขึ้นนำจังหวะ ซาก้า เปิดไปเสาสองให้ ชาก้า วิ่งสอดมาโหม่งจ่อ ๆ แต่ไปติดเซฟ แดนนี่ วอร์ด ถัดมาไม่กี่นาที กาเบรียล เฆซุส ยิงให้อาร์เซน่อลขึ้นนำ 1-0 จังหวะรับบอลในกรอบเขตโทษก่อนตัดสินใจปั่นไซส์โป้งด้วยขวาบอลเสียบคานอย่างงาม
น. 35 เฆซุส บวกเพิ่มจังหวะเตะมุม วาร์ดี้ โหนโหม่งบอลเลยมาเสาไกลและเป็น เฆซุส โขกจ่อ ๆ ให้อาร์เซน่อลนำ 2-0 เกมเป็นอาร์เซน่อลที่ครองบอลบุกข้างเดียว เฆซุส เกือบทำแฮททริกได้ 2-3 ครั้ง แต่สุดท้ายจบครึ่งแรกนำแค่ 2-0 ครึ่งหลัง
น.54 เลสเตอร์ ตีไข่แตก 2-1 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ วิลเลียม ซาลิบา แต่ว่านาทีต่อมาอาร์เซน่อลก็หนีห่างเป็น 3-1 จาก ชาก้า อาร์เซน่อลยังคงบุกมากกว่าแต่ว่า น.74 เลสเตอร์สวนกลับและเป็น เจมส์ แมดดิสัน ซัดตีตื้นเป็น 3-2 แต่ว่า อาร์เซน่อล ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 4-2 ในนาทีต่อมาจากการยิงไกลด้วยซ้ายของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จบเกมอาร์เซน่อลชนะไป 4-2
แมนฯซิตี้ 4-0 บอร์นมัธ
แมนฯซิตี้เล่นในบ้านนัดแรกหลังจากที่บุกไปชนะเวสต์แฮม 2-0 ในเกมเปิดหัว และนี่ก็เป็นเกมที่แชมป์เก่าเหนือกว่าทุกอย่างและเอาชนะไปได้แบบสบาย ๆ โดยเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีเปลี่ยน 11 คนแรกจากเกมชนะเวสต์แฮมแค่ตำแหน่งเดียวคือส่ง ฟีล โฟเด้น ลงมาเล่นแทน แจ็ค กรีลิช เริ่มเกมซิตี้ครองบอลอยู่ข้างเดียวและมีโอกาสขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 9 ฟีล โฟเด้น หลุดเข้าไปยิงจ่อ ๆ แต่ติดเซฟผู้รักษาประตูเหลือเชื่อ
หลังจากนั้น น. 18 เจ้าบ้านขึ้นนำจนได้จาง อินคาล กุนโดกัน สอดขึ้นไปยิงด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษจากการแอสซิสต์ของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ น. 31 ซิตี้บวกเพิ่มจากความสามารถเฉพาะตัวของเควิน เดอ บรอยน์ พาบอลจากกลางสนามเลี้ยงจี้เข้ากรอบเขตโทษก่อนโยกหลอกหนึ่งจังหวะกองหลังบอร์นมัธเสียจังหวะก่อนที่ดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยมจะดีดไซส์ก้อยด้วยขวาบอลพุ่งเสียบหน้าต่างสุดสวย
น.37 ซิตี้หนีห่างเป็น 3-0 จากจังหวะเดอ บรอยน์ รับบอลทางกราบซ้ายก่อนจ่ายอย่างเหนือชั้นให้ฟีล โฟเด้นที่วิ่งสอดขึ้นมาเข้าไปซัดด้วยซ้ายโดยไม่ต้องจับ น.79 ซิตี้นำ 4-0 จากจังหวะเจา คันเซโล่ เติมสูงขึ้นมาในกรอบเขตโทษก่อนล็อคหาจังหวะยิงบอลเข้าซ้ายกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตูบอลไปโดนกองหลังบอร์นมัธเข้าประตูตัวเองไป จบเกมแชมป์เก่าเอาชนะน้องใหม่ไปได้สบาย ๆ 4-0 นำเป็นจ่าฝูงของตาราง
เบรนท์ฟอร์ด 4-0 แมนฯยู
ต้องบอกว่าเป็นเกมที่ช็อคแฟนแมนฯยู อีกหนึ่งนัดโดยทั้ง 4 ลูกของเบรนท์ฟอร์ดเกิดขึ้นในเวลาเพียง 35 นาทีของครึ่งแรกเท่านั้น และก็เป็นจังหวะผิดพลาดในเกมรับแบบง่าย ๆ ถึง 2 ลูก โดยประตู 1-0 เกิดขึ้น น.10 มาจากลูกยิงของ ดาซิลวา สับไกนอกกรอบเขตโทษบอลเบาเหมือนไม่มีอะไรแต่ เด เกอา รับหลุดมือบอลปลิ้นเข้าประตูเหลือเชื่อ
หลังจากนั้น น. 18 สกอร์ขยับเป็น 2-0 จากจังหวะบิวท์อัพจากผู้รักษาประตู เด เกอา ไหลบอลจากเส้น 6 หลาให้อิริคเซ่นบริเวณตรงกลางกรอบเขตโทษเจอ เยนเซ่น วิ่งเพรสไล่หลังมาก่อนแย่งบอลได้แต่งหาจังหวะยิงด้วยขวาหมดปัญญา เด เกอา ที่จะป้องกันไว้ได้ แมนฯยูยิ่งเล่นยิ่งแย่ น.30 เบรนท์ฟอร์ดได้ลูกเตะมุม บอลย้อยไปเสาไกลและเป็นอีวาน โทนี่ โหม่งชงย้อนกลับมาเสาแรกให้เบน มี ที่เบียดชนะ มาร์ติเนซ โขกจ่อ ๆ เข้าประตูไป ผึ้งน้อยหนีห่างเป็น 3-0
หายนะยังไม่หมดอีก 5 นาทีต่อมา เบรนท์ฟอร์ดฉีกหนีเป็น 4-0 จากจังหวะแมนฯยูได้ลูกเตะมุมบอลถูกเคลียร์ทิ้งจากปากประตูเบรนท์ฟอร์ด แต่มาเข้าทางอีวาน โทนี่ที่วิ่งฉีกไปรับบอลทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนหักเข้ากลางจังหวะเดียวให้ เอ็มเบอโม่ ที่สปีดหนีลุค ชอว์ขึ้นมากดด้วยซ้ายตุงตาข่าย ครึ่งหลังแมนฯยูพยายามทวงประตูคืนแต่ทำอะไรเจ้าบ้านไม่ได้จบเกม เบรนท์ฟอร์ดชนะ 4-0 ส่งแมนฯยูจมบ๊วยของตาราง
เชลซี 2-2 สเปอร์ส
ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ เชลซี เต็ง 4 พบกับ สเปอร์ส เต็ง 3 โดยเกมนี้โธมัส ทูเคิ่ล มีการปรับ 11 ผู้เล่นคนแรกโดยส่ง มาร์ค กูกูเรญ่า ลงเล่นวิงแบ็กฝั่งซ้ายแทนที่ เบน ชิลเวลล์ และจับรีช เจมส์มายืนเซ็นเตอร์ตัวขวาและให้ รูเบน ลอฟตัส ชีค มาเล่นเป็นวิงแบ็กขวา โดยรูปเกมต้องบอกว่าครึ่งแรกเป็นเชลซีที่ครองเกมและหาโอกาสเข้าทำได้เหนือกว่ามาก
และได้ประตูออกนำในนาทีที่ 19 จังหวะเตะมุม มาร์ค กูกูเรญ่า วางบอลยาวไปเสาสองและเป็น คูลิบาลี่ วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่ต้องจับลูกพุ่งตุงตาข่ายสุดงาม เชลซีนำ 1-0 หลังจากนั้นเกมก็ยังเป็นของเชลซีทั้งหมดและมีโอกาสได้ลูกสองหลายครั้งก่อนจบครึ่งแรกเชลซีตุนความได้เปรียบก่อน
ครึ่งหลังผ่านมา 10 นาทีสเปอร์สปรับแผนการเล่นโดยส่ง ริชาร์ลิซอน มาเล่นแทนเซสซิยงปรับระบบเป็น 4-2-3-1 และมาตีเสมอได้ในนาที 68 จากจังหวะชุลมุนหน้ากรอบเขตโทษ ซน แย่งบอกได้ไหลต่อให้ เบน เดวิส ก่อนแตะต่อให้ ฮอยเบิร์ก ซัดด้วยขวาบริเวณกรอบเขตโทษบอลพุ่งเสียบเสาไกล สเปอร์ส ตีเสมอ 1-1
น.78 เชลซีไม่ยอมขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะ เดยัน คูลูเซฟสกี้ เสียบอลกลางสนามบอลมาเข้าทาง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไหลต่อให้ รีช เจมส์ ที่เติมมาแปโล่ง ๆ เข้าประตูไป เชลซี ขยับหนี 2-1 ช่วยท้ายเกมเชลซีต้องเสียก็องเต้เพราะอาการบาดเจ็บและในช่วงทดเวลานาทีที่ 6 สเปอร์สได้ลูกเตะมุมก่อน อีวาน เปริซิซ เปิดด้วยซ้ายและเป็นแฮร์รี่ เคนที่สะบัดเปลี่ยนทางบอลเข้าเสาสองชนิดที่ เอดูอาร์ เมนดี้ หมดสิทธิ์ป้องกัน เกมนี้เต็มไปด้วยดราม่าทั้งปัญหา VAR และการโดนใบแดงของ โธมัส ทูเคิ่ล และ อันโตนิโอ คอนเต้ หลังจบเกมการแข่งขัน
สรุปผลบอลพรีเมียร์ลีกคู่อื่น
แอสตันวิลล่า 2-1
เอฟเวอร์ตัน
วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-0 ฟูแล่ม
เซาธ์แธมป์ตัน 2-2 ลีดส์ ยูไนเต็ด
ไบรท์ตัน 0-0 นิวคาสเซิล
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 เวสต์แฮม
กลับมาติดตาม เช็คผลบอลที่นี่ >> ปรีวิวก่อนเกมการแข่งขันฟุตบอลแมตช์สำคัญ สกู๊ปที่น่าสนใจ ข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมถึงความเคลื่อนไหวกีฬารอบโลกได้เป็นประจำจากทีมงาน Promotions ซึ่งจะมาอัปเดตให้ได้ทราบกันอย่างต่อเนื่อง
ขอขอบคุณคลิปไฮไลท์จากทรูวิชั่นส์มา ณ โอกาสนี้ครับ
เช็คผลบอล และ ตารางบอลล่าสุดที่นี่ >>
อ่านบทความที่น่าสนใจ
- เปิดโผทีมเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23
- ตัวเต็งคว้ารางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-23
- ปรีวิวบอลวันนี้ ลิเวอร์พูล พบ คริสตัล พาเลซ
- รู้หรือไม่ สถิติทีมแชมป์คอมมิวนิตี้ชิลด์ได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นกี่ครั้ง