ผมไม่ชอบใส่หูฟังตัวใหญ่ๆ เดินไปเดินมาบนถนน มันไม่ใช่สไตล์ของผม แต่ถ้าคุณชอบที่จะมีหูฟังสวมอยู่บนศีรษะตลอดเวลาแม้ขณะเดินทางอยู่ข้างนอก ผมว่าหูฟัง SOUL รุ่น EMOTION MAX ตัวนี้จะเหมาะกับคุณ เพราะนอกจากน้ำหนักของมันจะเบามากแล้ว (แค่ 209 กรัม เท่านั้นเอง!) แบตเตอรี่ในตัวมันก็อึดมากด้วย คือแค่ชาร์จให้เต็มหนึ่งครั้งก่อนออกจากบ้าน (ใช้เวลาชาร์จ 3 ชั่วโมง) คุณก็สามารถใช้งานแบบต่อเนื่องโดยเปิดๆ ปิดๆ ฟังท์ชั่น ANC ได้นานเกินกว่า 20 ชั่วโมงแล้ว ใส่ร่อนไปได้ทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลกับแบตเตอรี่เลย
SOUL :
EMOTION MAX
กับฟังท์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง:
–
ตัวหูฟัง EMOTION MAX พร้อม earpad หุ้มหนัง
– earpad หุ้มผ้าหนึ่งคู่
– สายอะแด๊ปเตอร์ USB type A>C
– สายสัญญาณ mini3.5 > mini 3.5
หนึ่งเส้น
– ถุงผ้า 1 ถุง
EMOTION MAX ถูกบรรจุมาในกล่องกระดาษที่ผลิตจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สร้างมลพิษให้กับโลก ในกล่องนอกจากตัวหูฟังแล้ว ก็มีอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องใช้ร่วมกับหูฟังที่ผู้ผลิตแถมมาให้อีกหลายอย่าง ได้แก่ ถุงผ้าสำหรับใส่ตัวหูฟัง, สายสัญญาณหูฟังสำหรับใช้กับอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ไม่มีการเชื่อมต่อ+รับส่งสัญญาณด้วยระบบไร้สาย, สายชาร์จ USB แบบ A>C และสุดท้ายคือ earpad ที่หุ้มด้วยผ้า 1 คู่
สรุปแล้ว ทางผู้ผลิตให้ earpad มา 2 คู่ คู่ที่ติดมากับตัวหูฟังเนื้อวัสดุด้านในจะเป็นเมโมรี่โฟมนิ่มๆ ส่วนวัสดุที่หุ้มอยู่ด้านนอกเป็นหนังสังเคราะห์บางๆ นิ่มๆ สีเทาอ่อน ส่วน earpad ที่แถมมาให้อีกคู่หนึ่งด้านในก็เป็นเมโมรี่โฟมแบบเดียวกัน แต่วัสดุที่หุ้มอยู่ภายนอกจะเป็นผ้าถักสานที่มีเนื้อโปร่งและนุ่ม สีน้ำตาลอมเหลืองอ่อนๆ เข้าใจว่าผู้ผลิตคงจะเป็นห่วงผู้ใช้บางคนที่อาจจะไม่ชอบสัมผัสของหนังจึงให้แบบหุ้มผ้ามาด้วย หรืออาจจะตั้งใจให้แบบหุ้มผ้ามาเผื่อว่าจะเหมาะกับสุภาพสตรีก็เป็นได้ ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีในการออกแบบผลิตภัณฑ์
การชาร์จแบตเตอรี่
การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ในตัวหูฟังต้องใช้สายชาร์จ USB-A > USB-C ที่แถมมาในกล่อง เมื่อเสียบขั้วต่อ USB-C เข้าที่ช่องเสียบที่บอดี้ของหูฟังข้างซ้าย จะมีไฟดวงสีขาวสว่างขึ้น ใช้เวลาชาร์จให้เต็มประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งจะใช้งานหูฟังได้ต่อเนื่องนานถึง 38 ชั่วโมง (ฟังเพลง + ANC จะใช้งานได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง) แต่ในกรณีเร่งด่วน หรือกรณีฉุกเฉิน ใช้เวลาชาร์จแค่สิบกว่านาทีก็ใช้งานได้นานถึงชั่วโมงครึ่งแล้ว หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่ไปเลย.!
เทคโนโลยีพิเศษ
ด้วยพื้นฐานที่เป็นคนชอบเทคโนโลยี ผมจึงสนใจความสามารถของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอุปกรณ์ประเภทหูฟัง ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ หูฟังเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสูงมาก เราจึงพบว่า หูฟังรุ่นใหม่ๆ มีเทคโนโลยีแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาเยอะ เช่นเดียวกับหูฟังของ SOUL ตัวนี้ซึ่งมีเทคโนโลยีพิเศษที่น่าสนใจอยู่ 3 โหมด
โหมด Audio Transparency
ฟังท์ชั่นพิเศษตัวนี้ที่ชื่อว่า Audio Transparency ซึ่งทำให้ผู้ที่สวมใส่หูฟังตัวนี้สามารถได้ยินเสียงรอบๆ ข้างที่ชัดเจนมากเหมือนกับไม่ได้สวมหูฟัง! ทำแบบนี้ได้เพราะมีไมโครโฟนฝังอยู่ที่บอดี้ของหูฟังข้างซ้ายเพื่อใช้ดึงเสียงแวดล้อมเข้ามาในหูฟังนั่นเอง ฟังท์ชั่นนี้สามารถสั่งปิดและเปิดได้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะเดินอยู่นอกบ้าน
โหมด Multi-Point Connectivity
หูฟังตัวนี้ใช้ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ผมชอบหูฟังตัวนี้ตรงที่มันสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth เข้ากับอุปกรณ์ได้สองชิ้นพร้อมกัน เพราะหูฟังตัวนี้มีเทคโนโลยี Multi-point Connectivity คือผมสามารถเชื่อมต่อมันเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อฟังคลิปตอนทำงาน และเชื่อมต่อมันเข้ากับ iPhone ของผมไปด้วย ทำให้ผมสามารถรับสายโทรฯ เข้าได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังเลย คือขณะใช้งานหูฟังเพื่อรับฟังเสียงจากคอมพิวเตอร์อยู่นั้น ถ้ามีใครโทรศัพท์เข้ามาหาผมที่ iPhone เสียงเรียกสายจะมาดังในหูฟังทำให้ผมรู้และกดรับสายที่ตัวหูฟังได้เลย หลังจากพูดสายเสร็จผมก็ใช้ฟังคลิปบนคอมพิวเตอร์ต่อได้เลย.. เจ๋งมาก!
โหมด Active Noise Cancelling + Qualcomm cVc 8.0
โหมด Active Noise Cancelling เป็นไม้ตายสำหรับใช้ฟังเพลงของผม และผมชอบที่เขาออกแบบให้ใช้สวิทช์โยกในการเปิด/ปิดฟังท์ชั่น ANC ซึ่งมันง่ายและชัวร์กว่าวิธีแตะหรือเคาะที่ตัวบอดี้ (touch control) หลังจากเปิดใช้ ANC เสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอกจะเบาวูบลงไปอย่างชัดเจน ทำให้เสียงเพลงเด่นชัดขึ้นมาทันที การรับรู้รายละเอียดดีขึ้นมาก ส่วนไมโครโฟนทั้งสี่ตัวที่ติดตั้งไว้ที่ตัวบอดี้ของหูฟังช่วยทำให้เสียงพูดของเรามีความชัดเจนมากขึ้นตอนพูดสายกับปลายทางที่โทรฯ เข้ามา ซึ่งจากการทดสอบโทรฯ คุยกับคนในบ้าน คู่สนทนาแจ้งว่า ได้ยินเสียงของผมชัดเจน ไม่อู้อี้และไม่วูบวาบ อันนี้เป็นประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่ชื่อว่า cVc หรือ Clear Voice Capture เวอร์ชั่น 8.0 ที่มากับชิปโปรเซสเซอร์ของ Qualcomm นั่นเอง
เบาบาง + ใส่สบาย
ถึงจะเป็นหูฟังแบบฟูลไซร้ แต่ขนาดภายนอกของตัวบอดี้หูฟังตัวนี้ที่วัดได้จริงก็ดูไม่ใหญ่นะ พวกเขาออกแบบได้เพรียวและบาง ดูไม่เทอะทะ บนแผงหลังของตัวบอดี้ทำเป็นแป้นสีบรอนเงินดูเท่ดี
นอกจากรูปร่างของบอดี้ที่เพรียว + น้ำหนักที่น้อยนิดไม่ถึงสามขีดแล้ว ที่แขนของตัวหูฟังมีกลไกให้พับได้ พับเสร็จก็ยัดใส่ถุงผ้านิ่มๆ ที่ผู้ผลิตแถมมาให้ เหมาะสำหรับการพกพาไปนอกสถานที่ จะซุกเข้าไปในกระเป๋าเป้ก็ได้ สะดวกดีและไม่ทำให้หูฟังเป็นรอย
ประสิทธิภาพเสียง
เสียงการสนทนาจากการรับโทรศัพท์ใช้วัดผลประสิทธิภาพเสียงของหูฟังไม่ได้ ต้องวัดกันด้วยการฟังเพลงถึงจะชัด ไดเวอร์ของหูฟังตัวนี้เป็นแบบไดนามิก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 ม.ม. ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 20Hz-20kHz อิมพีแดนซ์ 32 โอห์ม ส่วนความไวอยู่ที่ 99dB (+/-3dB) สเปคฯ นี้ถือว่าขับไม่ยาก ซึ่งก็จริง ไม่ต้องถึงมือ DAP แค่สตรีมมิ่งผ่านสมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่งจากคอมพิวเตอร์ก็ได้เสียงออกมาดีมากแล้วจากหูฟังตัวนี้
หูฟังตัวนี้ใช้ภาคแปลงสัญญาณที่รองรับระบบเสียงที่เป็นฟอร์แม็ต AAC สำหรับ iOS/OS X และฟอร์แม็ต aptX สำหรับ android ผมทดสอบเสียงของหูฟังตัวนี้ด้วย iPhone และ MacBook Pro โดยสตรีมไฟล์เพลงจาก TIDAL และ Apple Music ผมพอใจเสียงที่ออกมาจากหูฟังตัวนี้มาก
ในปี 2020 ที่ผ่านมา ผมเคยทดสอบหูฟังไร้สายแบบฟูลไซร้ของ SOUL ไปแล้ว 2 รุ่นคือรุ่น Impact OE (REVIEW) กับรุ่น Ultra Wireless (REVIEW) ก็เริ่มจับแนวทางการปรับจูนเสียงของหูฟังยี่ห้อนี้ได้เลาๆ แล้ว เป็นแนวเสียงที่เอาใจคนชอบฟังเพลงทั่วไปอยู่พอสมควร คือไม่ได้เน้นโชว์รายละเอียดเสียงที่แม่นยำเป๊ะๆ แต่ออกไปทางจัดโทนัลบาลานซ์ให้ออกมาน่าฟัง มีเบสคลอไปกับกลาง–แหลมที่เปิดกระจ่างระดับหนึ่ง ฟังเพลงทั่วๆ ไปจะได้อารมณ์เพลินๆ แต่ผมรู้สึกว่าเสียงของ EMOTION MAX มันต่างออกไปจากสองรุ่นก่อนที่ผมเคยทดสอบไปอยู่นิดหน่อย คือกลาง–แหลมยังคงออกไปในแนวเปิดกระจ่างคล้ายๆ เดิม แต่ในย่านทุ้มของรุ่น EMOTION MAX จะแยกแยะรายละเอียดมากกว่าสองรุ่นนั้น จึงทำให้เสียงโดยรวมมีลักษณะที่มีความเป็นมอนิเตอร์มากขึ้น
เสียงกลาง+แหลมที่เปิดเผยและกระจ่างชัดของหูฟังตัวนี้ช่วยทำให้ฟังเพลงอะไรก็ให้ความรู้สึกสนุก เข้าถึงอารมณ์เพลงได้ง่าย เพราะเสียงทุ้มของหูฟังตัวนี้มีลักษณะที่แยกแยะรายละเอียดที่สมจริงมากขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆ มีผลทำให้ลักษณะเสียงทั้งหมดมีลักษณะที่สดมากขึ้น เอาจริงเอาจังมากขึ้น ปรับเปลี่ยนตัวเองไปตามคุณภาพการบันทึกเสียงของแต่ละเพลงมากขึ้น ให้จังหวะจะโคนของเพลงที่แม่นยำมากขึ้น เป็นเพราะรายละเอียดเสียงทุ้มมันดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมๆ นั่นเอง และด้วยคุณสมบัติของความไวที่ค่อนข้างสูง ทำให้ขับง่าย มีผลกับไดนามิกของเสียงที่เปิดกว้าง ทำให้ได้ความรู้สึกปลดปล่อยของอารมณ์เพลงออกมาแม้จะใช้งานกับสมาร์ทโฟนก็ตาม
สรุป
ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่จริงๆ ที่ทำให้เรามีโอกาสสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างน่าพอใจในขณะที่ราคาก็ไม่ได้สูงซะจนเกินเอื้อม ใช่แล้วครับ.. ผมกำลังพูดถึงหูฟังของ SOUL ตัวนี้นี่แหละ ได้ลองสัมผัสใช้งานจริงแล้ว ต้องขอบอกว่า นี่เป็นหูฟังที่มี “คุณภาพ” เกินราคา.. เกินราคายังไง.? คุณอาจจะสงสัย เมื่อพูดถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ประเภทหูฟัง ผมแยกพิจารณาคำว่า “คุณภาพ” ของมันออกเป็นสองประเด็น ประเด็นแรกคือทางด้าน “ฟังท์ชั่นใช้งาน” คือจะดูว่าฟังท์ชั่นที่ให้มามันตอบโจทย์การใช้งานได้ดีแค่ไหน ส่วนอีกประเด็นจะดูที่ “คุณภาพเสียง” คือไม่ใช่แค่ดูว่าเสียงสนทนาตอนรับสายโทรศัพท์ชัดหรือไม่ชัดเท่านั้น แต่ผมจะให้ความสำคัญในการใช้หูฟังในการฟังเพลงมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะฟังจากค่ายเพลงที่ให้บริการสตรีมมิ่ง หรือฟังเสียงจากคลิป YouTube ผมก็ให้ความสำคัญด้วย เนื่องจากงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละหลายๆ ชั่วโมง ต้องอาศัยฟังเสียงจากคลิปมากด้วย
หลังจากทดสอบด้วยตัวเองแล้ว ผมก็ได้ข้อสรุปสั้นๆ สำหรับหูฟังรุ่น EMOTION MAX ของ SOUL ตัวนี้ นั่นคือ มันตอบโจทย์ทั้งประเด็นฟังท์ชั่นใช้งานและประเด็นคุณภาพเสียงออกมาได้อย่างน่าพอใจมาก… /
********************
ราคา: 3,990 บาท / ตัว (มี 3 สีให้เลือก)
********************
สั่งซื้อได้ที่
Asavasopon Online
และที่ร้านอัศวโสภณทุกสาขาในห้างชั้นนำ