ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติไทย เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยถือเป็นพื้นฐานเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการนำไปสู่การเรียนวิชาอื่นๆได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ แต่จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนทุกระดับการศึกษา พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ยังมีปัญหาพื้นฐานในการอ่านและเขียน
การจัดการเรียนการสอนภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพ คือ การจัดกิจกรรมที่หลากหลายเน้นให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริง เรียนรู้แบบบูรณาการ เน้นการค้นคว้า การคิดวิเคราะห์ การจัดบรรยากาศในการเรียนให้สนุกสนาน การสนับสนุนการประกวดแข่งขันความเป็นเลิศทางวิชาการ การพัฒนาความรักความชอบในการเรียนภาษาไทย พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์เพื่อลดการท่องจำ ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน เพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง การรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และที่สำคัญคือครูทุกคนในโรงเรียนต้องเป็นครูที่สอนภาษาไทยและให้ความสำคัญกับการสอนภาษาไทยมากขึ้น โดยจะต้องรวมครูทุกรายวิชาไปด้วย และในการให้ความสำคัญกับการสอนภาษาไทยนี้ ควรจะต้องศึกษาถึงแนวทางวิธีการสอน และการปรับเปลี่ยนวิธีการสอน คือ เน้นการเรียนภาษาจากการได้ใช้ภาษา การมีกิจกรรม สื่อการสอนที่หลากหลาย การส่งเสริมให้เด็กได้แสดงออกในการใช้ภาษา เป็นต้น การเรียนภาษาควรมีการศึกษาเชื่อมโยง หาความรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับการพัฒนาของสมองกับการเรียนรู้ของภาษา การที่จะสอนให้เด็กใช้ภาษาอย่างสละสลวยถูกต้อง เป็นเรื่องที่ควรทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่ได้เน้นหรือเริ่มสอนจากหลักการสอนหรือไวยากรณ์ก่อน โดยเฉพาะการสอนไวยากรณ์ ซึ่งแยกสอนจากหลักสาระอื่นๆ ทั้งในวิชาภาษาไทยและรายวิชาต่างๆ แต่ควรจะสอนจากการใช้ภาษาให้มากขึ้น ทั้งจากการอ่านให้ได้ใจความ การเขียนได้อย่างสละสลวยถูกต้องและสื่อสารได้ รวมทั้งการเรียนการสอนภาษาไทยควรจะเชื่อมโยงกับเรื่องของการส่งเสริมให้เด็กคิดเป็น วิเคราะห์เป็น มีจินตนาการ ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาทางสมองของเด็ก พัฒนาความสามารถในการคิด จิตใจ และขณะเดียวกันก็เป็นการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาไปพร้อมกันด้วย
❝ การสื่อสาร (Communication) คือ กระบวนการถ่ายทอดสารจากผู้ส่งสารผ่านสื่อต่าง ๆ ที่อาจเป็นการพูด การเขียน การแสดงการจัดกิจกรรม ฯลฯ ไปยังผู้รับสารอย่างมีวัตถุประสงค์ ทำให้เกิดการรับรู้ร่วมกันมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อกัน สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการให้เหมาะสมกับบริบททางการสื่อสาร เพื่อให้การสื่อสารสัมฤทธิ์ผล ❞
การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร
สาระสำคัญ
ภาษาเป็นเครื่องมือที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการสื่อสารของมนุษย์ ไม่ว่าในฐานะของผู้ส่งสารหรือผู้รับสาร ดังนั้นในการสื่อสารที่สัมฤทธิ์ผล ผู้ใช้ภาษาจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจ และสามารถเลือกใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งมีคุณธรรมและมารยาทที่ดีในการสื่อสารเป็นสำคัญ
การสื่อสาร (Communication) คือ กระบวนการถ่ายทอดสารจากผู้ส่งสารผ่านสื่อต่าง ๆ ที่อาจเป็นการพูด การเขียน การแสดงการจัดกิจกรรม ฯลฯ ไปยังผู้รับสารอย่างมีวัตถุประสงค์ ทำให้เกิดการรับรู้ร่วมกันมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อกัน สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการให้เหมาะสมกับบริบททางการสื่อสาร เพื่อให้การสื่อสารสัมฤทธิ์ผล
ความสำคัญของการสื่อสาร
๑) การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ไม่มีใครที่ดำรงชีวิตได้ โดยปราศจาก การสื่อสาร โดยเฉพาะสังคมมนุษย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตลอดเวลา พัฒนาการทางสังคมจึงดำเนินไปพร้อมๆ กับพัฒนาการทางการสื่อสาร
๒) การสื่อสารช่วยธำรงสังคมให้อยู่ร่วมกันเป็นปกติสุข เนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับระเบียบ ประเพณี กฎเกณฑ์ทางสังคมและความรู้ต่างๆ จำเป็นต้องรับการถ่ายทอดเพื่อให้เป็นมรดกทางสังคมตกลงใช้ร่วมกันอย่างสันติ
๓) การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาทางสังคมในด้านคุณธรรม จริยธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ รวมทั้งในการสื่อสารจำเป็นต้อง พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและต้องใช้การสื่อสารเป็นเครื่องมือในการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น การใช้สื่อโสตฯ หรือสื่อ อิเล็คทรอนิกส์ในงานสาธารณสุข เป็นต้น
ภาษาในฐานะเป็นเครื่องมือสื่อสาร
๑. ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ผู้ส่งสารใช้ภาษาถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ความคิด ความรู้สึกไปยังผู้ส่งสาร ภาษาแบ่งออกได้ เป็น ๒ ชนิด คือ
๑.๑ วัจนภาษา (verbal languaye) เป็นภาษาถ้อยคำ อาจเป็นคำพูดหรือตัวอักษรก็ได้ การใช้วัจนภาษาจะต้องชัดเจนและถูกต้องทั้งการเขียน การออกเสียงคำ และการเรียงเรื่องประโยค นอกจากนี้ยังต้องใช้ภาษาให้เหมาะสมกับลักษณะของการสื่อสาร ลักษณะงาน สื่อ และผู้รับสารด้วย
๑.๒ อวัจนภาษา (non-verbal languaye) คือภาษาที่ไใม่ใช้ถ้อยคำ แต่แฝงอยู่ในถ้อยคำ ได้แก่ สีหน้า สายตา ท่าทาง น้ำเสียง วัตถุ ช่องว่าง เวลา การสัมผัส กลิ่น รส ภาพและลักษณะของอักษร เป็นต้น เราอาจใช้อวัจนภาษาเพื่อเสริม เน้นหรือแทนคำพูดก็ได้ ผู้ใช้ภาษาต้องเลือกใช้อวัจนภาษาให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ระดับภาษาในการสื่อสาร
การใช้ภาษาต้องคำนึงถึงระดับของภาษา ซึ่งต้องใช้ให้เหมาะสมกับโอกาส สถานการณ์และบุคคล ระดับภาษามี ๓ ระดับ คือ
๑. ระดับพิธีการ
เป็นระดับภาษาที่ใช้กับพระมหากษัตริย์ เช่น ภาษาในศาล การประชุมรัฐสภา และในพิธีการต่าง ๆ
ตัวอย่าง ข้าพระพุทธเจ้าของพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลอัญเชิญใต้ผ่าละอองธุลีพระบาทพระราชทาน ปริญญาบัตร
๒. ระดับทางการ
เป็นรูปแบบของภาษาที่ใช้ในโอกาสหรือเรื่องสำคัญ ได้แก่ภาษาในบทความวิชาการ เอกสารทางราชการ สุนทรพจน์ การประชุมทางการ ตัวอย่าง ประธานขอให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย
๓. ระดับกึ่งทางการ
เป็นระดับภาษาที่ใช้ปรึกษาหารือกิจธุระ การประชุมไม่เป็นทางการ บทความแสดงความคิดเห็น สารคดีกึ่งวิชาการ