สวัสดีครับ หลังจากที่แอดมินไม่ได้อัพเดตบทความมานานเพราะสมองทือ ๆ อยู่ แฮร่ Covid-19 ทำให้ว่าง อิอิ เลยเอาเวลามาทำเครื่องให้อาหารสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมา อุ๊ย! สุนัข แมว ปลา หรืออื่น ๆ เอาที่สบายใจเลยละกัน มาเริ่มกันเลย ก่อนอื่นเราเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และอย่าลืม อุดหนุนอุปกรณ์กับร้านผมด้วยนะครับ -/\-
อุปกรณ์ที่ต้องมี
- คอมพิวเตอร์สำหรับเขียนโปแกรม 1 เครื่อง
- สาย Micro USB 1 เส้น
(สายชาร์จมือถือก็ใช้ได้นะครับ)
- ESP8266 V2 WiFi 1 ชิ้น
- Servo Motor SG90 1 ชิ้น
-
ชุดโครงสร้าง 3D printter (มีจำหน่ายนะครับ) คลิ๊กเลย!!
ต่อวงจร
(ดูในคลิปเอานะครับ ^^)
ส่วนของโปรแกรม Copy ไปใช้ได้ลย
ชมคลิปการประกอบ
** ขอบคุณสำหรับการติดตามจากทุก ๆ ท่านด้วยนะครับ อยากให้ผมทำอะไรคอมเม้นต์ได้เลยย อย่าลืมซื้อสินค้าที่ ร้านเราด้วยน๊าา
- บทนำ
เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ จะช่วยให้ไม่ต้องกังวงเกี่ยวกับปัญหานี้อีกต่อไป เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติจะคอยให้อาหารสัตว์เลี้ยงของท่าน โดยที่ท่านสามารถตั้งเวลาให้อาหารเองได้ เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติไม่ได้เหมาะกับเจ้าของที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านอย่างเดียวเท่านั้น เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติยังช่วยควบคุมระเบียบวินัยในการกินอาหารของสัตว์
อีกทั้งยังสามารถควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ เพื่อไม่ให้มากหรือน้อยจนเกินไป เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติมีหารประเภท และหลายรุ่นให้เลือกตามความเหมาะสมของสัตว์เลี้ยงที่ท่านเลี้ยง เช่น เครื่องให้อาหารสุนัขก็จะมีลักษณะที่ใหญ่กว่าเครื่องให้อาหารกระต่าย เนื่องจากมีขนาดตัวที่สุนัขมีขนาดใหญ่กว่ากระต่าย จึงกินอาหารในปริมาณที่มากกว่ากระต่าย และอาจจะชนให้เครื่องให้อาหารนั้นล้มได้ แต่สุนัขนั้นก็มีหลายพันธุ์และหลายขนาด จึงสามารถใช้เครื่องให้อาหารแมวหรือกระต่ายทดแทนได้ ในขณะเดียวกัน
เครื่องให้อาหารสุนัขสามารถใช้กับแมวหรือกระต่ายได้เช่นกัน
- วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
เพื่อสร้างเครื่องอำนวยความสะดวกในการให้อาหาร เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน
เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน เพื่อฝึกปฏิบัติการทำเครื่องมือให้ประสบความสำเร็จ
- รายละเอียดของการพัฒนา
3.1 เนื้อเรื่องย่อ ปัจจุบันในการทาการประมง รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์เพื่องานธุรกิจขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ การดูแลรักษา
รวมทั้งการให้อาหารแก่สัตว์เลี้ยง นับเป็นปัจจัยหนึ่งในการ ทาธุรกิจสัตว์เลี้ยงเพื่อการส่งออกในประเทศและต่างประเทศซึ่ง การให้อาหารสัตว์ต้องใช้ แรงงานคนจานวนมาก อันเป็นภาระของผู้ประกอบการในการจัดหาแรงงานและค่าใช้จ่าย รวมทั้งผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์ เลี้ยง เช่น ปลาสวยงาม สุนัข แมว เป็นต้นกระทบต่อร่างกายและสุขภาพ และได้มีการดาเนินการโครงสร้างทางธุรกิจเติบโตมากขึ้น ส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุง โครงสร้างทางคมนาคม ต้องเพิ่ม ความสะดวก ความคล่องตัวมากขึ้นแต่เนื่องจากปจุบันยังคง มีปัญหาการจราจรที่ติดขัดในตัวเมือง
และเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ทาให้การใช้ชีวิตของบุคคล ช่วงวัยทางาน ใช้เวลากับการเดินทางบนถนนเป็นส่วนใหญ่ พบกับปัญหาเวลาการเดินทาง ไป ยังจุดหมายไม่แน่นอน หากครอบครัวของบุคคลที่ต้องพบเจอกับการใช้เวลา ไปและกลับ เสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับชีวิตในรถยนต์ หรือการโดยสารพาหนะต่างๆ
3.2 ทฤษฎีหลักการและเทคนิคหรือเทคโนโลยีที่ใช้ ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนำมาเป็นกรอบและแนวทางในการศึกษาค้นคว้า ในหัวข้อต่อไปนี้
- ทามเมอร์ตั้งเวลาดิจิตอล
- หม้อแปลง
- แบตเตอรี่
- สวิทช์
- ลิมิตสวิทช์
3.2.1 ทามเมอร์เครื่องตั้งเวลาดิจิตอล เครื่องตั้งเวลาเปิดปิดไฟแบบดิจิตอลใช้สำหรับตั้งเวลาเพื่อสั่งให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเปิดและปิดตามเวลาที่เรากำหนดไว้
ซึ่งเครื่องตั้งเวลานั้นได้เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการควบคุมการเปิดปิดไฟที่นิยมนำมาใช้กับเปิดปิดน้ำเพื่อใช้รดน้ำต้นไม้ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องตั้งเวลารดน้ำต้นไม้ได้เป็นอย่างดี อาจจะตั้งรดน้ำเช้า-กลางวัน-เย็น ขึ้นอยู่กับพืชและวิธีการปลูก ใช้ควบคุมการการเปิดปิดโคมไฟถนน-ไฟทางได้หรือนำไปใช้เป็นตัวควบคุมเวลาในการทำงานของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆได้ทุกชนิด โดยเครื่องตั้งเวลา Timer นั้นมีแบบใช้กับไฟ12v , 24v , 220v
ทามเมอร์แบบดิจิตอลนั้นสามารถตั้งเวลาเป็นตัวเลขได้เที่ยงตรงแม่นยำและสามารถปรับตั้งเวลาเปิดปิดได้ขั้นต่ำที่1นาที ตั้งให้ทำงานทุกวันหรือเป็นบางวันก็ได้ ทามเมอร์ยังสามารถตั้งการทำงานได้ถึง17โปรแกรม การใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก เครื่องตั้งเวลาดิจิตอลทามเมอร์มีให้เลือกใช้งาน ถ้าเป็นแบบสวิทซ์ควบคุมโดยตรง ตัวเครื่องตั้งเวลาจะมีการทำงานไม่ซับซ้อน
หมายถึงจะมีด้านอินพุตไฟเข้าและด้านเอ้าท์พุทไฟออกเอาไปต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้งานง่ายมาก และอีกแบบจะเป็นแบบที่มีขาNC และ NO แบบนี้เมื่อต่อใช้งานทางด้านขาNCจะมีไฟจ่ายเลี้ยงอยู่ตลอดคือนอมอลโค๊ด และเมื่อเวลาที่ตั้งไว้จากโปรแกรมที่เราตั้งเวลาไว้ทำงานก็จะสับสวิทซ์มาที่ขาNO จ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงาน การใช้งานง่ายเหมือนกัน
3.2.2 หม้อแปลง หม้อแปลง
เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในการส่งผ่านพลังงานจากวงจรไฟฟ้าหนึ่งไปยังอีก วงจรโดยอาศัยหลักการของแม่เหล็กไฟฟ้า โดยปกติจะใช้เชื่อมโยงระหว่างระบบไฟฟ้าแรงสูง และไฟฟ้าแรงต่างหม้อแปลงเป็นอุปกรณ์หลักในระบบส่งกำลังไฟฟ้า โครงสร้างของหม้อแปลง 10 หม้อแปลง แบ่งออกตามการใช้งานของระบบไฟฟ้ากำลังได้ 2 แบบคือ หม้อแปลงไฟฟ้าชนิด 1 เฟส และหม้อแปลงไฟฟ้าชนิด 3 เฟส แต่ละชนิดมีโครงสร้างสำคัญประกอบด้วย
- ขดลวดตัวนำปฐมภูมิ (Primary Winding) ทำหน้าที่รับแรงเคลื่อนไฟฟ้ า
- ขดลวดทุติยภูมิ
(Secondary Winding) ทำหน้าที่จ่ายแรงเคลื่อนไฟฟ้า ประกอบด้วย
-ขั้วต่อสายไฟ (Terminal) ทำหน้าที่เป็นจุดต่อสายไฟกับขดลวด – แผ่นป้าย (Name Plate) ทำหน้าที่บอกรายละเอียดประจำตัวหม้อแปลง
- อุปกรณ์ระบายความร้อน (Coolant) ทำหน้าที่ระบายความร้อนให้กับขดลวด เช่น อากาศ, พัดลม, น้ำมัน หรือใช้ทั้งพัดลมและน้ำมันช่วยระบายความร้อน เป็นต้น
- โครง (Frame) หรือตัวถังของหม้อแปลง (Tank)
ทำหน้าที่บรรจุขดลวดแกนเหล็กรวมทั้งการติดตั้งระบบระบายความร้อนให้กับหม้อแปลงขนาดใหญ่
- สวิตช์และอุปกรณ์ควบคุม (Switch Controller) ทำหน้าที่ควบคุมการเปลี่ยนขนาดของแรงเคลื่อนไฟฟ้าและมีอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าชนิดต่างๆ รวมอยู่ด้วยวัสดุที่ใช้ทำขดลวด หม้อแปลงโดยทั่วไปทำมาจากสายทองแดงเคลือบนำยาฉนวน มีขนาดและลักษณะลวด เป็ นทรงกลมหรือแบนขึ้นอยู่กับขนาดของหม้อแปลง ลวดเส้นโตจะมีความสามารถใน การจ่ายกระแสได้มากกว่าลวดเส้นเล็กหม้อแปลงขนาดใหญ่มักใช้ลวดถักแบบตีเกลียว
เพื่อเพิ่มพื้นที่สายตัวนำให้มีทางเดินของกระแสไฟมากขึ้น สายตัวนำที่ใช้พันขดลวดบน แกนเหล็กทั้งขดลวดปฐมภูมิและขดลวดทุติยภูมิอาจมีแทปแยก (Tap) เพื่อแบ่งขนาดแรงเคลื่อนไฟฟ้า (ในหม้อแปลงขนาดใหญ่จะใช้การเปลี่ยนแทปด้วยสวิตช์อัตโนมัติ)
3.2.3 แบตเตอรี่ แบตเตอรี่(Battery) โดยทั่วไป แบตเตอรี่จะแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ แบตเตอรี่ที่ทำการชาร์จจนเต็มมาจากโรงงาน
เช่นแบตเตอรี่นาฬิกา(ถ่านนาฬิกา), แบตเตอรี่ไฟฉาย(ถ่านไฟฉาย)เป็นต้น ซึ่งเมื่อใช้ไฟในแบตเตอรี่จนหมดแล้วก็หมดเลยไม่สามารถกลับนำมาใช้ใหม่ได้ เราเรียกแบตเตอรี่นี้ว่า แบตเตอรี่ปฐมภูมิ(Primary Battery)แบตเตอรี่ที่ทำการชาร์จใหม่ได้เมื่อแบตเตอรี่มีไฟที่อ่อนลง เช่นแบตเตอรี่รถยนต์ เราเรียกแบตเตอรี่นี้ว่า แบตเตอรี่ทุติยภูมิ(Secondary Battery)
ในระบบผลิตไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์นั้นจะใช้แบตเตอรี่แบบทุติยภูมิซึ่งสามารถชาร์จได้ใหม่เมื่อแบตเตอรี่มีกำลังไฟที่อ่อนลง ในระบบแบตเตอรี่จะทำงานเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าเซลล์เข้ามาไว้ แล้วปล่อยกำลังไฟฟ้าออกไปให้กับโหลดในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ เช่นในช่วงเวลากลางคืนหรือเมฆครึ้มตลอดวัน รถยนต์ที่เราใช้งานอยู่ทุกวันเมื่อเปิดวิทยุหรือพัดลมในรถยนต์โดยที่เราไม่สตาร์ทเครื่องยนต์
เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นก็ทำงานได้ปกติ แต่เมื่อเปิดไปนานๆจนไฟในแบตเตอรี่เริ่มหมดลง แรงดันในแบตเตอรี่ก็จะเหลือน้อยลง ต้องทำการชาร์จแบตเตอรี่ใหม่ การชาร์จประจุของแบตเตอรี่ในรถยนต์ทำได้โดยการสตาร์ทเครื่องยนต์รถ เพื่อจะทำให้เพลาขับไปหมุนเอาเตอเนเตอร์ผลิตไฟกระแสตรงชาร์จให้กับแบตเตอรี่ต่อไป จนแบตเตอรี่กลับมามีแรงดันไฟฟ้าที่เต็มเหมือนเดิม ซึ่งเวลาเครื่องยนต์กำลังทำงานอยู่เราก็สามารถเปิดวิทยุและพัดลมได้เหมือนเดิม เพราะว่าทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ โหลด เครื่องยนต์
และเอาเตอเนเตอร์ต่อทำงานร่วมกันอยู่ในระบบ ถ้าเปรียบเทียบหน้าที่การทำงานของแบตเตอรี่ของระบบผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ก็คล้ายกับแบตเตอรี่ในรถยนต์นั่นเอง เพียงแต่ไฟฟ้าที่นำมาชาร์จประจุจะผลิตจากแผงโซล่าเซลล์โดยผ่านเครื่องควบคุมการชาร์จ ส่วนโหลดอาจจะเป็นโหลดไฟฟ้ากระแสตรง หรือถ้าต้องการใช้งานกับโหลดไฟฟ้ากระแสสลับก็ต้องต่อผ่านอินเวอร์เตอร์อีกทีหนึ่ง แบตเตอรี่ที่ใช้กับระบบผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์จะมีหลายชนิด เช่น
ลีดเอซิด(Lead-Acid Battery), อัลคาไลน์(Alkaline), นิคเกิลแคดเมียม(Nickel-cadmium) แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ แบตเตอรี่ลีดเอซิด เพราะมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวและมีการปล่อยประจุ(กระแสไฟฟ้า)ที่สูง โครงสร้างภายในของแบตเตอรี่แบบลีดเอซิด(Lead-Acid Battery)ภายในลีดเอซิดแบตเตอรี่จะประกอบด้วยเซลล์อยู่ภายในโดยต่อกันแบบอนุกรม จำนวนเซลล์ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบแบตเตอรี่นั้นๆว่าให้มีค่าแรงดันใช้งานที่เท่าไร
โดยทั่วไปหนึ่งเซลล์มีแรงดันประมาณ 2 โวลท์ ตัวอย่างเช่นแบตเตอรี่รถยนต์มีแรงดันใช้งานที่ 12 โวลท์ ดังนั้นข้างในแบตเตอรี่จะประกอบด้วยเซลล์ 6 เซลล์ต่ออนุกรมกันอยู่ ลักษณะของการปล่อยประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ จะแบ่งออกเป็นสองแบบด้วยกัน ได้แก่ แบตเตอรี่ที่สามารถปล่อยประจุ(กระแส)ไฟฟ้าได้น้อย(Shallow-Cycle Battery) คือแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้ปล่อยประจุไฟฟ้าได้ประมาณ 10-20 เปอร์เซนต์ของประจุไฟฟ้ารวมก่อนจะทำการชาร์จประจุใหม่
การปล่อยประจุไฟฟ้าจะมีหน่วยเป็นแอมอาวด์(Ahr) , 100 Ahr หมายถึงแบตเตอรี่สามารถปล่อยประจุกระแสไฟฟ้า 100 หน่วยได้ 1 ชั่วโมง(ในความเป็นจริงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะเมื่อปล่อยประจุจากแบตเตอรี่จนหมด แบตเตอรี่จะเสียทันที) – ตัวอย่างถ้ามีแบตเตอรี่แบบปล่อยประจุได้น้อย(Shallow cycle battery) ที่สามารถปล่อยประจุไฟฟ้าได้ 100 แอมอาวด์อยู่หนึ่งตัว แบตเตอรี่ตัวนี้ควรที่จะปล่อยประจุไฟฟ้า(หรือใช้กระแสไฟฟ้า) ได้เพียง 10-20 แอมอาวด์ หลังจากนั้นจะต้องทำการชาร์จประจุให้เต็มก่อนการคลายประจุครั้งต่อไป
ถ้าการปล่อยประจุมากเกินกว่าที่กำหนดไว้ เช่นทำการปล่อยประจุที่ 50 แอมอาวด์ จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการที่ใช้งานที่สั้นลง(เสื่อมเร็ว)อย่างมากเช่นตามสเปคอายุการใช้งานของแบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ 3000 ครั้งอาจจะลดเหลือเพียงแค่ 1000 ครั้ง ดังนั้นการออกแบบระบบโดยรวมควรคำนึงถึงลักษณะการปล่อยประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ด้วยแบตเตอรี่ที่สามารถปล่อยประจุ(กระแส)ไฟฟ้าได้มาก(Deep-Cycle Battery) คือแบตเตอรี่สามารถปล่อยประจุได้ถึง 60-80 เปอร์เซนต์ของประจุรวมก่อนที่จะทำการชาร์จประจุใหม่
ส่วนมากแล้วจะนำมาใช้กับระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าในบ้านพักอาศัย แบตเตอรี่ชนิดนี้จะมีราคาที่สูงกว่าแบบแรกมาก แต่ใช้เพียงไม่กี่ตัวก็สามารถทดแทนประจุไฟฟ้ารวมจากแบตเตอรี่แบบแรกได้ แบตเตอรี่แบบนี้จะมีความคุ้มค่าในระยะยาว แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปีแต่ถ้าเป็นแบตเตอรี่ดีพไซเคิลที่สามารถปล่อยประจุไฟฟ้าได้มากจะมีอายุการใช้งาน 4-5 ปีเลยทีเดียว ถ้าใช้งานกับระบบโซล่าเซลล์แล้ว
แบตเตอรี่แบบดีพไซเคิลมีความคุ้มค่ามากกว่าและราคา ณ ปัจจุบัน(2556) ถือว่าลดลงมาจากที่ผ่านมามาก อีกทั้งยังจ่ายกระแสไฟให้กับโหลดได้มากกว่าแบตรถยนต์ก่อนที่จะทำการชาร์จประจุใหม่ด้วย เครื่องควบคุมการชาร์จ – แบตเตอรี่จะต่อกับเครื่องควบคุมการชาร์จซึ่งทำหน้าที่ปรับแรงดันให้เหมาะสมไม่ให้สูงไปเพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ ถ้าแบตเตอรี่มีแรงดันที่ต่ำมากกว่าค่าที่ตั้งไว้ในเครื่องควบคุมการชาร์จ
เครื่องควบคุมการชาร์จจะปลดโหลดออกไปทันทีเพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วประจุที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่จะถูกปล่อยไปจนหมด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อแบตเตอรี่เพราะจะทำให้เซลล์ที่อยู่ข้างในไม่สามารถกลับมาชาร์จประจุได้อีก
3.2.4 สวิทช์ สวิตซ์ (Switch) สวิตซ์เป็นอุปกรณ์ใช้ปิด – เปิด วงจรไฟฟ้าและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ สวิตซ์จะทำหน้าที่ควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าภายในวงจร สวิตซ์มีหลายรูปแบบ
การเลือกใช้สวิตซ์ต้องเลือกค่าทนกระแสและแรงดันไฟให้เหมาะสมกับงานหรือวงจร ในงานอิเล็กทรอนิกส์มีหลายรูปแบบ แต่เราเลือกใช้สวิทช์แบบกระดก สวิตซ์กระดก (Rocker Switch) สวิตซ์แบบกระดกหรือเรียกว่า ล็อกเกอร์สวิตซ์ เป็นสวิตซ์ขนาดใหญ่ใช้เปิด – ปิด วงจร บางแบบมีหลอดไฟในตัวบางแบบไม่มีหลอดไฟ
การเลือกสวิตซ์ใช้งาน สวิตซ์แต่ละแบบถูกออกแบบและสร้างเพื่อให้เหมาะสมกับ งานที่จะใช้ นอกจากการออกแบบแล้ว ผู้ผลิตยังบอกคุณลักษณะการทนกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าไว้ด้วย ดังนั้นการเลือกใช้สวิตซ์ต้องเลือกค่าทนกระแสและแรงดันไฟที่เหมาะสมกับงาน หรือวงจรการทดสอบสวิตซ์
สวิตซ์เป็นอุปกรณ์เปิด – ปิดวงจรไฟฟ้าและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ สวิตซ์ทำหน้าที่ควบคุมการไหลของกระแสไฟในวงจร สวิตซ์มีหลายรูปแบบตามลักษณะการใช้งานการทดสอบสวิตซ์สามารถทดสอบได้ 2 วิธี ทดสอบขณะสวิตซ์ไม่ถูกใช้งานหรือถอดสวิตซ์ออกจากวงจรมาทดสอบ และทดสอบขณะสวิตซ์ทำงาน ในที่นี้จะกล่าวถึงการทดสอบสวิตซ์ไม่ถูกใช้งานด้วยมัลติมิเตอร์ดังนี้
- เตรียมมัลติมิเตอร์ในตำแหน่ง x10
- สายสีดำเสียบขั้วเสียบ – COM
สายสีแดงเสียบขั้วเสียบ +
- นำสายทั้งสองของมัลติมิเตอร์ ต่อคร่อมหรือขนานกับขั้วต่อของสวิตซ์
- ทดลองเปิด – ปิดสวิตซ์ตามแบบของสวิตซ์ สังเกตเข็มของมัลติมิเตอร์ ดังนี้
4.1 ถ้าเข็มของมิเตอร์กระดิกขึ้น – ลง ตามจังหวะการเปิด – ปิดของสวิตซ์ แสดงว่าสวิตซ์นำไปใช้เปิด – ปิดวงจรไฟฟ้าหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ได้ 4.2 ถ้าเข็มของมิเตอร์ไม่กระดิกตามจังหวะการเปิด – ปิด
แสดงว่าสวิตซ์เสียในลักษณะขาด 4.3 ถ้าเข็มของมิเตอร์กระดิกขึ้นตลอดเวลาที่ปิดหรือเปิด แสดงว่าสวิตซ์เสียในลักษณะลัดวงจร
3.2.5 ลิมิตสวิทช์ สวิตช์จำกัดระยะ (Limit switch) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากชนิดหนึ่งที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมในระบบการควบคุมแบบ อัตโนมัติ เรามาทำความรู้จักกับเจ้า ลิมิตสวิตช์ (Limit switch) กันดีกว่าลิมิตสวิตช์(Limit switch)
เป็นสวิตช์ที่จำกัดระยะทาง การทำงานอาศัยแรงกดภายนอกมากระทำเช่น วางของทับที่ปุ่มกดหรือลูกเบี้ยวมาชนที่ปุ่มกด และเป็นผลทำให้หน้าสัมผัสที่ต่ออยู่กับก้านชน เปิด-ปิด ตามจังหวะของการชน
3.3
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ – สแตนเลส – ทามเมอร์ – มอเตอร์เครื่องปัดรางน้ำฝน – แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์
-สายไฟ -แผ่นพลาสวูด – ลิมิตสวิทช์ – สวิตซ์กระดก – หม้อแปลง
3.4 แสดงการต่อวงจร
3.5
รายละเอียดโปรแกรมที่ได้พัฒนาในเชิงเทคนิค 3.5.1 Flowchart ภาพรวมทั้งหมดของโครงสร้าง
3.5.2 Flowchart แต่ละส่วนพร้อมอธิบาย Source Code ที่พัฒนาให้ตรงกัน3.5.3 ในส่วนของ Source Code ให้ใส่แหล่งที่มาอ้างอิงในกรณีที่ไปเอา
Code อื่นมาพัฒนา- //www.inventor.in.th/home/ประดิษฐ์เครื่องให้อาหารแมวอัตโนมัติ
-
//www.msit.mut.ac.th/thesis/Thesis_2558
- //www.payaptechno.ac.th
3.6 ขอบเขตและข้อจำกัดของโปรแกรมที่พัฒนา เครื่องมือสามารถให้อาหารสัตว์เองโดยอัตโนมัติ
เครื่องมือสามารถตั้งเวลาในการปล่อยของอาหาร สามารถตั้งกำหนดเวลาให้อาหาร
- กลุ่มผู้ใช้โปรแกรม พร้อมผลการประเมินจากผู้ใช้
กลุ่มผู้ใช้โปรแกรม เป็นผู้ใช้งานระดับต่ำสุดซึ่งไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญมากนักก็สามารถใช้งานได้ โดยศึกษาจากคู่มือการปฏิบัติงานหรือคู่มือใช้งานโปรแกรมที่นำมาใช้
ซึ่งในบางครั้งอาจใช้วิธีการปรับปรุงระบบงานเดิมโดยสอบถามถึงปัญหาของระบบงานเก่าที่ใช้อยู่ว่ามีปัญหาอย่างไรบ้าง และต้องการจะให้ระบบใหม่ที่จะใช้นี้มีหน้าตาออกมาอย่างไร การสอบถามข้อมูลดังกล่าวจะทำให้ได้โปรแกรมหรือระบบงานที่ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด นอกจากนี้เมื่อได้ระบบดังกล่าวแล้ว อาจต้องนำมาทดสอบกับผู้ใช้เหล่านี้อีกครั้ง เพื่อขอรับฟังข้อแนะนำรวมถึงการทดสอบปัญหาเบื้องต้น ซึ่งพอจะสรุปความต้องการ
ประเด็นคำถามการใช้งาน
| มากที่สุด
| มาก
| น้อย
| น้อยที่สุด
|
ผู้ใช้มีความพึงพอใจต่อโครงงานเครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติมากน้อยเพียงใด
|
|
|
|
|
ความต้องการของผู้ใช้ต่อโครงงานเครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ
|
|
|
|
|
ผู้ใช้คิดว่าเครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติใช้งานง่ายมากน้อยเพียงใด
|
|
|
|
|
ผู้ใช้คิดว่าเครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติมีความสวยงามมากน้อยเพียงใด
|
|
|
|
|
เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติตรงตามความต้องการของผู้ใช้มากน้อยเพียงใด
|
|
|
|
|
- ผลของการทดสอบโปรแกรม ให้ใส่รูปแสดงการทำงานของชิ้นงาน และใส่ตารางผลการทดลอง1. ออกแบบชิ้นงาน2. จัดหาอุปกรณ์ในการทำชิ้นงาน3. เอาอุปกรณ์ที่จัดหามาทำโครงร่างของชิ้นงาน4. เริ่มทำตัวชิ้นงานแต่ละชิ้นงาน5. นำชิ้นงานแต่ละชิ้นมาประกอบเข้าด้วยกัน6. ทดลองการใช้งานของชิ้นงานที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์7. แก้ไข้ชิ้นงานบางส่วนที่ขัดข้อง8. ชิ้นงานเสร็จสมบูรณ์9. นำเสนอผลงาน
ตารางผลการทดลอง
รอบการให้อาหาร
| เวลา
| พฤติกรรมการกิน
| การทำงานของเครื่อง
|
หมด
| ไม่หมด
| ไหลปกติ
| หยุดไหล
|
1
| 7.00 น.
|
|
|
|
|
2
| 12.00 น.
|
|
|
|
|
3
| 17.00 น.
|
|
|
|
|
4
| 22.00 น.
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
- ปัญหาและอุปสรรค
ในระหว่างทำชิ้นงานมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์บางส่วน เนื่องจาก หาซื้อสินค้าไม่ทัน ทำให้ชิ้นงานมีการเปลี่ยนจากที่ได้ออกแบบไว้ตั้งแต่ตอนแรก และระหว่างการทดลอง อาหารที่ใส่ลงไปในช่องเก็บอาหาร และทำการเปิดให้เครื่องให้อาหารทำงานนั้น ถ้าอาหารเม็ดใหญ่ไป ทำให้มอเตอร์ทำงานติดขัด และต้องถอดแก้กันหลายรอบ-
แนวทางในการพัฒนาต่อในอนาคต
ในการพัฒนาในอนาตคจะสร้างแอพพิเคชั่นในการควมคุม เปิด-ปิด และกำหนดปริมาณในการให้อาหารสัตว์โดยให้คำสั่งในระยะที่ไกลและสะดวกกว่าเดิม และจะแก้ไขให้เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติใส่อาหารได้ทุกขนาดและปริมาณที่เยอะกว่านี้- ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ
ปัจจุบันในการทำการประมง รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์เพื่องานธุรกิจขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ การดูแลรักษา รวมทั้งการให้อาหารแก่สัตว์เลี้ยง นับเป็นปัจจัยหนึ่งในการทางธุรกิจสัตว์เลี้ยงเพื่อการส่งออกในประเทศและต่างประเทศซึ่งการให้อาหารสัตว์ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก อันเป็นภาระของผู้ประกอบการในการจัดหาแรงงานและค่าใช้จ่าย รวมทั้งผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น ปลาสวยงาม สุนัข แมว เป็นต้นกระทบต่อร่างกายและสุขภาพ และได้มีการดำเนินการโครงสร้างทางธุรกิจเติบโตมากขึ้น ส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างทางคมนาคม
ต้องเพิ่ม ความสะดวก ความคล่องตัวมากขึ้นแต่เนื่องจากปจุบันยังคงมีปัญหาการจราจรที่ติดขัดในตัวเมื่อ และเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้การใช้ชีวิตของบุคคลช่วงวัยทำงาน ใช้เวลากับการเดินทางบนถนนเป็นส่วนใหญ่ พบกับปัญหาเวลาการเดินทางไปยังจุดหมายไม่แน่นอนหากครอบครัวของบุคคลที่ต้องพบเจอกับการใช้เวลา ไปและกลับ เสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับชีวิตในรถยนต์ หรือการโดยสารพาหนะต่างๆ จำเป็นต้องดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักไว้ที่บ้าน คงจะต้องประสบณ์กับการจัดสรรอาหารของสัตว์เลี้ยงด้วยเป็นอย่างยิ่ง-
แหล่งที่มาอ้างอิง (Reference)//www.inventor.in.th/home/ประดิษฐ์เครื่องให้อาหารแมวอัตโนมัติ//www.msit.mut.ac.th/thesis/Thesis_2558//www.payaptechno.ac.th
ผลการทดลอง//www.youtube.com/watch?v=tAM0Y9ruJFQนำเสนอในห้องเรียน//www.youtube.com/watch?v=hNjQxcxwoXc