กฎหมายบังคับให้รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ทุกคันทุกประเภท จะต้องทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับคือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ "เรามักเรียกว่า พ.ร.บ."
ซึ่งคุ้มครองทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงคนเดินเท้า หากได้รับความเสียหายแก่ชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ
จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. นี้เป็นค่ารักษาพยาบาล หรือค่าปลงศพแล้วแต่กรณี แต่ไม่รวมค่าเสียหายของทรัพย์สิน
ความคุ้มครองที่ผู้ประสบภัยจากรถจะได้รับ
- ค่าเสียหายเบื้องต้น ไม่ต้องรอผลพิสูจน์ว่าฝ่ายใดชนหรือฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด
- กรณีบาดเจ็บ จ่ายตามค่ารักษาจริงสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นจำนวน 35,000 บาท
- กรณีเสียชีวิตหลังจากรักษาพยาบาล จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท และค่าปลงศพอีกจำนวน 35,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 65,000 บาท
- ค่าสินไหมทดแทน คือเงินชดเชยที่ฝ่ายถูกจะได้รับ หลังการพิสูจน์ผิดถูกแล้ว โดยได้รับความคุ้มครองรวมกับค่าเสียหายเบื้องต้นดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาล จ่ายตามค่ารักษาจริงสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาท
- สูญเสียอวัยวะ แบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้
- สูญเสียมือตั้งแต่ข้อมือ หรือเสียแขน หรือเท้าตั้งแต่ข้อเท้า หรือเสียขา หรือตาบอด อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งรวมกันตั้งแต่ 2 กรณีขึ้นไป ชดเชย 300,000 บาท
- สูญเสียมือตั้งแต่ข้อมือ หรือเสียแขน หรือเท้าตั้งแต่ข้อเท้า หรือเสียขา หรือสายตา (ตาบอดแบบไม่สามารถมองเห็นได้เลย) หรือหูหนวกเป็นใบ้ หรือเสียความสามารถในการพูดหรือลิ้นขาด หรือสูญเสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถในการสืบพันธุ์ หรือจิตพิการอย่างติดตัว หรือเสียอวัยวะอื่นใด ชดเชย 250,000 บาท
- สูญเสียนิ้วตั้งแต่ข้อนิ้วขึ้นไป ไม่ว่านิ้วเดียว หรือหลายนิ้ว ชดเชย 200,000 บาท
- ค่าชดเชยกรณีเป็นผู้ป่วยใน 200 บาทต่อวัน แต่ไม่เกิน 20 วัน
การขอรับค่าเสียหาย
ผู้ประสบภัยจากรถหรือทายาท ยื่นเรื่องขอรับค่ารักษาพยาบาลด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้โรงพยาบาลเป็นผู้รับแทนก็ได้
ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจ่ายตามจริงไม่เกิน 30,000 บาท มี สิทธิ์รับได้ภายใน 7 วัน นับจากวันร้องขอจากบริษัทประกันภัยโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด ระยะเวลาในการขอใช้สิทธิ์ พ.ร.บ.ภายใน 180 วันหลังจากวันที่เกิดเหตุ
หลักฐานที่ต้องเตรียม
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ประสบภัยและเจ้าของรถ
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประสบภัย
- สำเนาบันทึกประจำวันตำรวจ
- สำเนาหนังสือจดทะเบียนรถ
- ตารางกรมธรรม์ประกันภัย
- ใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาล
กรณีอุบัติเหตุจากรถดังต่อไปนี้
- ชนแล้วหนี
- รถที่ไม่มีประกันภัย และเจ้าของรถไม่ยอมจ่าย
- รถที่ถูกลักทรัพย์ ชิงทรัพย์
- ไม่มีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของรถและรถไม่มีประกันภัย
- บริษัทประกันภัยไม่จ่ายค่าเสียหายหรือจ่ายไม่ครบจำนวน
กรณีดังกล่าวข้างต้น ผู้ประสบภัยขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น 30,000 บาท/คน ได้จากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานพาณิชย์ทุกจังหวัด
แล้วมันก็เกิดขึ้นกับฉัน ในบ่ายของวันทำงานที่เคร่งเครียด...คุณพ่อของฉันประสบอุบัติเหตุบนถนนสายธุรกิจแห่งหนึ่งในกรุงเทพ หน่วยกู้ชีพนำท่านมาส่งที่โรงพยาบาลเอกชนระดับหรูแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ แว้บแรกที่ได้รับแจ้งว่าคุณพ่อได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว ก็รู้สึกโล่งอกว่าท่านปลอดภัยดีและถึงมือหมอแล้ว แต่เมื่อตั้งสติได้มากขึ้นความเครียดก็แทรกเข้ามาแทนเพราะที่นั่นไม่ได้เป็นโรงพยาบาลที่คุณพ่อทำประกันสังคมไว้ และท่านก็ไม่ได้มีประกันสุขภาพใดๆ เพิ่มเติมโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นที่รู้กันว่าค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง และบอกตามตรงว่าทั้งตัวฉันเองและครอบครัวเป็นคนรายได้น้อย แถมไม่มีเงินเก็บ จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารักษาส่วนเกินเพราะ พ.ร.บ.ประกันภัย ภาคบังคับ ก็จ่ายให้สูงสุดแค่ 3 หมื่นบาท ซ้ำร้ายขึ้นไปอีก คุณหมอตรวจพบว่าคุณพ่อเป็นโรคหัวใจต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานขึ้นอีก ตอนนั้นตัดสินใจทันทีว่าจะย้ายท่านไปโรงพยาบาลที่มีประกันสังคมอยู่ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะขอย้ายโรงพยาบาลวันนี้เลย เพราะแค่คืนแรกที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายก็สาหัสมากแล้วสำหรับตัวฉัน แต่ปรากฏว่าโรงพยาบาลที่คุณพ่อมีประกันสังคมบอกว่าไม่พร้อมจะรับเข้ารักษาเพราะอุปกรณ์ไม่พร้อมและคุณหมอยังมีเคสอื่นๆ ที่ต้องดูแลค้างอยู่อีกเยอะ
ยังโชคดีที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้มีคุณธรรมและเข้าใจสถานการณ์ของครอบครัวเรา ผู้บริหารโรงพยาบาลบอกฉันว่า ไม่ย้ายก็ดีแล้ว เพราะคนป่วยยังอ่อนแอมาก การย้ายโรงพยาบาลตอนนี้ไม่เป็นผลดี และเรื่องเงินทองก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตคน อย่ากังวลกับค่าใช้จ่ายมากเกินไป ฉันย้ำหลายครั้งว่าบ้านเราจนและไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่ารักษาที่นี่แน่นอน แต่ทางโรงพยาบาลยืนยันว่าจะหาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่ คุณพ่อจึงต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ต่อ โดยทั้งหมอและพยาบาลทุกคนดูแลคุณพ่อเป็นอย่างดีทั้งที่รู้ว่าเราจน แต่ถึงอย่างนั้นฉันเองก็เครียดและคิดมากกับเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่ตลอดเวลา หลังจากคุณพ่อรักษาตัวที่นี่ได้ 5 วัน ทางโรงพยาบาลก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ และวินาทีที่ฉันกลัวที่สุดก็มาถึง เมื่อการเงินแจ้งว่าเอกสารเรียบร้อยแล้วติดต่อชำระเงินได้...เมื่อเห็นยอดเงินแทบอยากจะเป็นลม เกิดมายังไม่เคยจับเงินมากเท่านี้ ต้องบอกก่อนว่าทางโรงพยาบาลได้ลดราคาให้เราแล้ว แต่ยอดเงินจำนวนนั้นก็ยังสูงมากสำหรับพวกเราอยู่ดี และเงินที่พอมี รวมกับที่ญาติรวบรวมมาช่วยกันทั้งหมดยังไม่ถึงครึ่งของค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำไป จึงเจรจากับโรงพยาบาลเพื่อขอจ่ายแค่ส่วนหนึ่งก่อน และจะพยายามหาเงินมาชำระส่วนที่เหลือทีหลัง ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ใจดีมาก ยอมผ่อนผันให้ตามคำขออย่างเข้าใจ
กลับถึงบ้าน ญาติๆ ก็มาปรึกษากันว่าจะทำยังไงดี จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารักษาที่ค้างอยู่อีกหลักแสน บ้านที่ดิน หลักทรัพย์อะไรจะเอาไปค้ำประกันขอกู้เงินก็ไม่มี พวกเราเครียดคิดกันไม่ตก สักพักญาติคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าเคยเห็นโฆษณาของ SCB ที่มีเงินกู้ที่ให้วงเงินสูงเป็นหลักแสนหลักล้าน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อนุมัติง่าย แถมผ่อนชำระได้นานถึง 72 เดือน ดูแล้วน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเราตอนนี้ ฉันถึงกับอุทานขึ้นมาด้วยความโล่งใจ เพราะจริงๆ ตัวเองก็รับเงินเดือนผ่านบัญชี SCB อยู่แล้ว ถึงเงินเดือนจะไม่มากนักแต่ก็น่าจะเพียงพอในการขอเงินกู้จำนวนนี้มาปลดหนี้กับโรงพยาบาล ญาติบอกต่อว่าเค้าอ่านเจอว่าสามารถสมัครผ่านแอปได้เลยไม่ต้องเสียเวลาไปสาขา จากที่ไม่เคยคิดจะใช้แอปเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเพราะเงินน้อย ธุรกรรมอะไรก็ไม่ค่อยมี เลยต้องโหลด SCB EASY App มาใช้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ง่ายนิดเดียวแถมสะดวกมาก สามารถสมัครขอสินเชื่อ Speedy Loan ผ่าน SCB EASY App ได้เลย โดยเลือกผ่อนยาวๆ เท่าที่จ่ายแต่ละเดือนไหว แป๊บเดียวก็อนุมัติแล้ว ธนาคารโอนเงินก้อนเข้าบัญชีให้เลย แล้วค่อยเริ่มผ่อนชำระเดือนถัดไป ซึ่งนั่นก็ช่วยให้หายใจคล่องไปอีกเดือนหนึ่ง ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ฉันบอกกับตัวเองว่าถึงเราจะเจอเหตุการณ์ร้ายๆ แต่ยังโชคดีที่เจอโรงพยาบาลที่มีคุณธรรม และมีธนาคารที่มีผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตที่ติดขัดได้ทันท่วงที