สำหรับใครที่มีปัญหาไม่สามารถปล่อยแชร์ Hotspot ให้กับมือถือเครื่องอื่น หรือเชื่อมสัญญาณเน็ตมือถือไปยังคอมพิวเตอร์ได้ ทั้งที่เคยปล่อยแชร์ให้เพื่อนๆ ใช้ด้วยกันเป็นประจำ
แต่คราวนี้เกิดเครื่องของเพื่อนกลับมองไม่เห็นสัญญาณแม้ว่ากดอนุญาตให้ใช้ฮอตสปอตร่วมกันแล้ว ดังนั้น บทความนี้จะแนะนำวิธี ตั้งค่าเปิดแชร์เน็ต WiFi ให้เพื่อนด้วย Personal Hotspot
การแก้ปัญหา ฮอตสปอตส่วนบุคคลใช้งานไม่ได้
1. การแก้ปัญหาเบื้องต้น อย่างแรกทำการตรวจสอบก่อนว่าลืมเปิด ฮอตสปอตส่วนบุคคล
2. รีสตาร์ทมือถือ (iPhone หรือ iPad) เครื่องหลักที่เป็นตัวปล่อยเน็ต และมือถือของเพื่อน หรืออุปกรณ์อื่นที่จะใช้เน็ตฟรี
3. รีเซ็ตในมือถือ iPhone ที่เป็นเครื่องปล่อยฮอตสปอต โดยการไปที่แอป Setting การตั้งค่า > ทั่วไป > ถ่ายโอนหรือรีเซ็ต> รีเซ็ต ซึ่งวิธีนี้ไม่ขอแนะนำ เพราะเราต้องมาใส่รหัสไวไฟ และตั้งค่า APN บนโทรศัพท์มือถือใหม่ทั้งหมด จะทำให้เสียเวลาและยุ่งยากมาก
4. ตรวจสอบว่าไอโฟนได้มีการอัปเดต iOS เวอร์ชั่นล่าสุด แล้วหรือยัง
5. แก้ไขที่การตั้งค่า ดังนี้
- ปิดไวไฟ Wi-Fi ในมือถือ
- เข้าเมนูฮอตสปอตส่วนบุคคล แล้วทำการปิดแล้วเปิดใหม่อีกครั้ง
- เปิดปุ่มสีเขียว อนุญาตให้มีผู้อื่นเข้าร่วม > กดยอมให้เปิด Wi-Fi
- และสุดท้ายเลื่อนเปิดปุ่ม “ใช้งานร่วมกันได้มากที่สุด”
สำหรับใครที่ลองทำการตามวิธีข้างต้นแล้วยังไม่สามารถ ไม่สามารถแชร์ Hotspot ในมือถือไอโฟน ยังมีอีกวิธีที่จะเป็นการใช้เน็ตมือถือแชร์ไปยังโน้ตบุ๊คได้ โดยการต่อเน็ตจากมือถือเข้าคอม iPhone ด้วยสาย USB คลิกที่นี่
บทความน่าสนใจ
- วิธีต่อเน็ตจาก iPhone เข้าคอมด้วยสาย USB
- วิธีแบ่งเน็ตให้เพื่อนใช้ แชร์สัญญาณเน็ต Hotspot
แก้ปัญหา notebook เชื่อม wifi hotspot ไม่ได้
ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของ Smartphone ก็คือการปล่อยสัญญาณ WIFI ที่เรียกกันในชื่อ WIFI Hot Spot ให้กับ Notebook หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ หากบางครั้งประสบปัญหาไม่สามารถเชื่อม WIFI Hot Sot ได้ จะต้องแก้ไขอย่างไร ผมจึงเขียนบทความนี้ขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น สำหรับบทความนี้จะกล่าวถึงการแก้ปัญหากับ notebook เท่านั้นครับ สำหรับวิธีการแก้ปัญหามีดังต่อไปนี้
1. Restart Smartphone ให้เรียบร้อย แล้วจึงเปิดสัญญาณ 4G (ข้อมูลมือถือ) และตามด้วยการเปิด WIFI Hot Spot
2. Restart Notebook แล้วจึงเชื่อมต่อกับ WIFI Hot Spot
3. ในกรณีที่ทำทั้ง 2 ข้อด้านบนแล้วไม่เป็นผล หากคุณใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ให้เข้าไปที่ Control Panel > Network and Sharing Center > Manage Wireless Network และลบตัวเชื่อมต่อออก หากคุณเคยเชื่อมต่อกับตัวเชื่อมต่ออื่น ๆ ก็จะเห็นว่ามีตัวเชื่อมต่ออยู่หลายตัว ณ ขณะนี้ให้เลือกลบตัวที่เป็น WIFI Hot Spot ของคุณ แล้วลองเชื่อมต่ออีกครั้ง
4. กรณีสุดท้าย หากทำทั้ง 3 ข้อที่กล่าวมาแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ให้คุณปิดการทำงานของโปรแกรม Antivirus แล้วลองเชื่อมต่อไป
บทความนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ลองผิดลองถูกซึ่งใช้ได้ผลในหลาย ๆ ครั้ง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ
บทความที่คุณอาจสนใจ
- วิธีติดตั้ง App Android ผ่านคอมพิวเตอร์
- ขั้นตอนการสมัคร Gmail
- Smartphone กับความเป็นส่วนตัว
- ความหมายของ Smartphone
- Apps คืออะไร
- เทคนิคการปรับแต่งและใช้งาน Android
- เบอร์โทรฉุกเฉินสร้างไว้ได้ประโยชน์
- Google รูปภาพคืออะไร
โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้
Android Apps - ใส่วันที่บนภาพถ่ายด้วย วันที่ + เวลารูปภาพ
Android Apps - ใส่วันที่บนภาพถ่ายด้วย วันที่ + เวลารูปภาพ เชื่อว่าบางครั้งอะไรที่มันเดิม ๆ ก็ยังคงจำเป็นต้องใช้อยู่ ตัวอย่างมีให้เห็นในบทความนี้ครับ ในอดีตนั้นเมื่อเราถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์ม มักมีวันที่ ๆ เราถ่ายภาพปรากฏอยู่บนภาพด้วย ทั้งนี้เนื่องจากภาพถ่ายที่ได้จากล้องฟิล์มนั้น เราไม่สามารถดูรายละเอียดของภาพถ่ายได้เหมือนกับไฟล์รูปภาพที่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลนั่นเอง สำหรับบน Smartphone นั้น Apps ที่ใช้สำหรับถ่ายภาพมาตรฐานมักไม่มีฟังก์ชั่นสำหรับแสดงวันที่บนภาพถ่าย บทความขอนำเสนอ Apps กล้องถ่ายรูปที่สามารถใส่วันที่ลงในภาพถ่ายได้มันมีชื่อว่า Timestamp Camera Free นั่นเอง วิธีติดตั้ง Apps ผ่าน Google Play คลิกที่นี่ ติดตั้ง Apps : Timestamp Camera Free คลิกที่นี่ ก่อนจะถ่ายรูปให้ตั้งค่าดังนี้ครับ โดยหลังจากเปิด Apps ขึ้นมา ให้กดที่ปุ่มล่างสุดซ้ายมือเพื่อเข้าสู่การตั้งค่า กดเลือกเมนู More options คลิกช่องสี่เหลี่ยมด้านหลังข้อความ Print date on picture จากนั้นถ่ายรูปด้วย Apps นี้คุณก็จะได้รูปภาพที่มีวันที่แสดงบนภาพถ่ายแล้วครับ บทความที่คุณอาจสนใจ วิธี
Snapseed แอพที่ทําให้รูปชัดขึ้น
Snapseed แอพที่ทําให้รูปชัดขึ้น ต้องยอมรับว่าการถ่ายรูปในปัจจุบันนี้มีความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากมือถือ (สมาร์ท) ก็สามารถถ่ายรูปได้ดี และมีคุณภาพไม่แพ้กล้องดิจิตอลรุ่นใหญ่ ๆ และเลย ด้วยความที่มีขนาดเล็กกว่ากล้อง และเบากว่า จึงทำให้พกพาได้ง่าย จึงทำให้เราถ่ายภาพได้จากทุกที่ แต่สิ่งที่เราต้องยอมรับก็คือในบางครั้งการถ่ายภาพนั้นก็อาจจะไม่คมชัดด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น ลืมเช็ดหน้าเลนส์ ซึ่งเรามักสัมผัสถูกบ่อย ๆ ทำให้มีคราบไขมันติดอยู่ที่หน้าเลนส์ เมื่อเราถ่ายภาพออกมาก็อาจจะไม่คมชัดได้ หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือเวลาที่เรากดโฟกัดที่หน้าจอ และเอามึงออกมากดปุ่มชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพ ปรากฎว่ามีการสั่นไหวของมือ ซึ่งก็ทำให้ภาพไม่คมชัดอีกเช่น การแก้ไขปัญหาภาพไม่คมชัดเรา แอพส่วนใหญ่ก็จะแก้ไขภาพที่มีอาการไม่คมชัดเพียงเล็กน้อยให้ดูดีขึ้น แต่ถ้าภาพของคุณเบลอจนมองไม่เห็นรายละเอียดในภาพเลย ก็คงจะไม่มีแอพไหนช่วยได้ นอกเสียจากจะไปถ่ายภาพนั้นใหม่ ทีนี้เรามาดูวิธีการทำให้ภาพคมชัดด้วย Snapseed กันครับ ท่านใดยังไม่ได้ดาวน์โหลดหรือติดตั้ง App นี้ให้กด ที่นี่ เพื่อดาวน์โหลด Snapsee