ช่วงนี้หลายๆ คนกำลังมองหาตัวช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายเเข็งเเรง ห่างไกลจากความเสี่ยงในสถานการณ์โควิด – 19 เช่นนี้ การทานวิตามินซีเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกาย เเละช่วงสร้างภูมิต้านได้ เเต่หากอยากทานได้ผลดีมากที่สุด เราควรจะรู้ว่า วิตามินซี กินตอนไหนดีที่สุด เพื่อให้ทานเเล้วได้ประโยชน์ที่สุด พี่หมีบิ๊กกี้เลยอยากนำสาระความรู้ดีๆมาฝากกันค่ะ
วิตามินซี กับ 10 ข้อต้องรู้
วิตามินซีมีกี่เเบบ กินอย่างไร กินวิตามินซีตอนไหนดี มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย
- ขนาดวิตามินซี ที่กินแล้วทำให้ร่างกายดูดซับวิตามินซีได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด คือ การกินขนาด 60 มิลลิกรัม ต่อวัน
- เวลาที่ควรทานวิตามินซี วิตามินซีจะถูกขับออกจากร่างกายในเวลา 2 -3 ชั่วโมงหลังทานอาหาร ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทานวิตามินซีคือ ช่วงเช้าหรือเย็นโดยควรกินพร้อมอาหาร หรือ หลังอาหาร เเละไม่ควรกินวิตามินซี ตอนท้องว่าง
- กินวิตามินอย่างพอดี ไม่ทานน้อยเกินไปเพราะทำให้ร่างกายภูมิคุ้มกันน้อยลง ส่งผลให้เราเป็นหวัดง่ายขึ้น เเต่หากกินในปริมาณมากเกินไปก็จะทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบ เช่น ปวดท้อง ท้องเสียได้
- ควรเลือกวิตามินให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด วิตามินซีมีหลายแบบ ทั้งเเบบเม็ด จะระคายเคืองกะเพาะอาหารน้อย, เเบบเม็ดอม เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องการกลืนยา, วิตามินเเบบเม็ดเคี้ยว เหมาะกับเด็กๆ, วิตามินเม็ดฟู่ ต้องน้ำไปละลายน้ำก่อน เหมาะกับคนมีปัญหาเรื่องการกลืนยา, วิตามินซีเเบบเเคปซูล เเละวิตามินซีเเบบฉีดที่ต้องให้เเพทย์พยาบาลฉีดให้
- หากกินวิตามินซีเพื่อบรรเทาหวัด ควรกินในประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน วันละ 2 เวลา จะช่วยลดระดับสายฮีสตามีนที่ก่อให้เกิดอาการน้ำมูกไหลได้
- วิตามินซีเป็นตัวช่วยเสริมคุ้มภูมิกันวิธีหนึ่ง เเต่ควรกินวิตามินซีจากผัก ผลไม้อย่างผลไม้จำพวกมะขามป้อม ฝรั่ง กี่วี่ มะละกอ ด้วย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- วิตามินซีมีประโยชน์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวสวย
- วิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
- วิตามินช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งเเรง ป้องกันการเป็นหวัด เเละอาการภูมิแพ้
- วิตามินช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด , ความดันในเลือดได้
ข้อควรระวังในการกินวิตามินซี
- ผู้ที่กินยาลดเบาหวานอยู่ หากทานวิตามินซีร่วมด้วย จะทำให้ประสิทธิภาพยารักษาเบาหวานลดลง
- ผู้ที่กินยาคุมกำเนิดอยู่ ควรเพิ่มปริมาณการกินวิตามินซี
- หากรับประทานยาแอสไพลินอยู่ ควรเพิ่มปริมาณการกินวิตามินซี เพราะยาแอสไพลินจะทำให้วิตามินซีถูกขับออกไวขึ้น
จะเห็นว่าการทานวิตามินซี มีข้อควรรู้อยู่มาก เเต่มีข้อต้องพึงระวังอยู่เช่นกัน วิตามินซีหากกินอย่างถูกต้องก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เเต่หากกินผิดวิธีก็จะเป็นโทษหรือไม่มีประสิทธิภาพนั่นเอง
ดังนั้นหากคุณอยากทานวิตามินซี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย หรือ บรรเทาอาการหวัด ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนกินวิตามินซี
อยู่บ้านแบบไม่ต้องกังวล เภสัชกรร้านยาเพรียวพร้อมแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพให้คุณ ทั้งแชทหรือโทร เป็นเพื่อนกับร้านยาเพรียว เลือกสาขาใกล้บ้าน คลิก >> //bit.ly/3bkwZLN
การรับประทานอาหารเสริม เพื่อให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็น ชดเชยในบางมื้ออาหารที่เรารับประทานไม่ครบหมู่ แต่ก็พบว่าในบางคนมีการรับประทานอาหารเสริมมากเกินไป ซึ่งจะกลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ส่งผลเสียต่อตับ รวมถึงผลข้างเคียงอื่นๆ นอกจากนี้อาหารเสริมบางชนิด ไม่ควรรับประทานคู่กับยาบางรายการ เพราะอาจเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ ลดประสิทธิภาพของยาที่รับประทาน หรือทำให้เกิดพิษในร่างกายได้ ฉะนั้น มาดูกันว่า กลุ่มยา-วิตามิน-อาหาร ประเภทใดที่ควรรับประทานร่วมกัน หรือควรหลีกเลี่ยง
เปิดวิธีรับประทานวิตามินซีที่ถูกต้องเพื่อ “รักษาโรคหวัด”
6 ข้อแนะนำ เสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ดีขึ้น ช่วงโควิด-19
"วิตามิน" เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าที่เราคิด
5 กลุ่ม ยา วิตามินและอาหาร ที่ไม่ควรรับประทานร่วมกัน
1.ยารักษาเบาหวาน
ไม่ควรรับประทานร่วมกับ : มะระขี้นก,ว่านหางจระเข้, โสม, แมงลัก, พืชตระกูลลูกซัด, ผักเชียงดา, และ อาหารเสริมที่มีแร่ธาตุโครเมียม
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : เสริมการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดทำให้น้ำตาลลดลงมากเกินไป อาจเกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ สายตาพร่า เหงื่อออกมาก หิวบ่อย อ่อนเพลีย
2.ยาลดความดันโลหิต, ยาลดไขมันในเลือด
ไม่ควรรับประทานร่วมกับ : น้ำเกรปฟรุต
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : ทำให้ปริมาณยาสูงหลายเท่าในกระแสเลือด อาจให้เกิดพิษจากยาได้
3.ยาละลายลิ่มเลือด
ไม่ควรรับประทานร่วมกับ : น้ำมันดอกคำฝอย, น้ำมันปลา, น้ำมันดอกอีฟนิ่ง, ตังกุย, กระเทียม, แป๊ะก๊วย, ขิง
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : หากรับประทานมากไป จะเสริมฤทธิ์ของยาทำให้เลือดออกง่ายขึ้น
4.ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ไม่ควรรับประทานร่วมกับ : ผักใบเขียว ยอ ชาเขียว ถั่วเหลือง บรอกโคลี และ อาหารเสริมโคเอ็นไซม์คิวเท็น
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : ต้านการออกฤทธิ์ของยา
5.ยาปฏิชีวนะกลุ่ม fluoroquinolone และกลุ่ม tetracycline
ไม่ควรรับประทานร่วมกับ : นม โยเกิร์ตหรือยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะอาหาร และแคลเซียม
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : ทำให้ยาดูดซึมได้ลดลง ระดับยาในเลือดไม่เพียงพอต่อการรักษา
5 กลุ่ม ยา วิตามินและอาหาร ที่ควรรับประทานร่วมกัน
1.วิตามินเอ ดี อี เค
ควรรับประทานร่วมกับ : อาหารที่มีไขมันจากสัตว์ หรือจากพืช หรืออาหารเสริมกลุ่มน้ำมันปลา
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : ช่วยให้วิตามินดูดซึมได้ดี
2.ธาตุเหล็ก
ควรรับประทานร่วมกับ : วิตามินซี ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น
3.แคลเซียม
ควรรับประทานร่วมกับ : วิตามินดี หรืออาหารที่มีวิตามินดี
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : ช่วยให้แคลเซียมดูดซึมได้ดีขึ้นในลำไส้เล็ก
4.คอลลาเจนเปปไทด์
ควรรับประทานร่วมกับ : วิตามินซี
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวพรรณ
5.โคเอนไซม์คิวเท็น
ควรรับประทานร่วมกับ : หลังอาหารมื้อใหญ่หรือมื้อที่มีไขมันจากสัตว์หรือจากพืช
ผลลัพธ์เมื่อรับประทานร่วมกัน : ช่วยให้โคเอนไซม์คิวเท็นดูดซึมได้ดีในร่างกาย
ที่มา รพ.สมิติเวช
ข่าวที่คุณอาจพลาด