แม้ลักษณะของเครือข่ายสังคมออนไลน์ จะเป็นสื่อให้ข้อมูลข่าวสารสามารถกระจายออกไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวางมีคุณประโยชน์มากมายในด้านการติดต่อสื่อสาร แต่ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมหากผู้ใช้ขาดคุณธรรมจริยธรรม สามัญสำนึก การรู้จักเคารพสิทธิ ของผู้อื่น และความระมัดระวังในการใช้แล้ว สังคมออนไลน์เหล่านี้ก็จะเป็น“สังคมอันตราย”ที่จะเป็นด้านมืดของสังคมไทย
ประโยชน์ของ Social networks
เครือข่ายสังคมออนไลน์
1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
2. เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคาถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคาตอบได้ช่วยกันตอบ
3. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
4.เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
5.
ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสาหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
6. ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น
7.คลายเครียดได้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆ
8. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มี ความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไป ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
แนวโน้มในด้านบวก • การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์
• การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง
• การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้
• การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library)
• การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
• การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่
โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen
แนวโน้มในด้านลบ
• ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา
• การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ
• การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์
อ้างอิงจาก : //smforedu.blogspot.com/2014/02/blog-post.html
neneenutchanun
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนารวดเร็วมากจนตามแทบไม่ทัน โลกออนไลน์ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นตัวร้ายขึ้นมาทันที เพราะคนอยู่แต่กับหน้าจอ เสพแต่เรื่องที่ตนเองพอใจ ไม่เปิดใจให้คนอื่น ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง จนกลายเป็นความห่างเหินมากขึ้นทุกที ถึงขั้นที่ “แสตมป์” อภิวัชร์ ยังแต่งเพลง “โอมจงเงย” ออกมาจนโด่งดัง
จากที่เมื่อก่อน คนจะจับกลุ่มพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กันอย่างออกรสตอนพักเที่ยง กลับกลายเป็นทุกคนนั่งก้มหน้าอยู่แต่กับจอโทรศัพท์ ไม่พูดคุยกันทั้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน แต่อันที่จริงอาจจะเปิดกลุ่มแชตลับนินทาคนคนเดียวกันอยู่ก็เป็นได้!
พอมาถึงช่วง COVID-19 ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทยถือว่าดีขึ้นมาก จนมีมาตรการผ่อนปรนต่าง ๆ เป็นข่าวดีว่าเราจะกลับมาดำเนินชีวิตกันเป็นปกติได้ในไม่ช้า แต่ก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตกันบ้าง ฉะนั้น Tonkit360 จะขอพูดถึงข้อดีของโลกออนไลน์ในยุค COVID-19 กันบ้าง ซึ่งเป็นโลกออนไลน์ในมุมที่ไม่ได้มีแค่ดราม่า ฉอดกัน และเรื่องชาวบ้านเท่านั้น!
1. อัปเดตข่าวสารได้รวดเร็ว
“ยิ่งรู้เรื่องได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งหาทางรับมือได้ดีเท่านั้น” เป็นคำพูดที่พิสูจน์แล้วว่าจริง การที่เราได้รู้อะไรตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้เราได้เตรียมตัว มีเวลาคิดให้รอบคอบ และวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น การเชื่อเลยในทันทีก็ไม่ใช่เรื่องดี ต้องมีวิจารณญาณในการเสพข่าวด้วยว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวเท็จ และก็อย่าตื่นตูมเกินเหตุ เพราะจะทำให้เราสติแตกจนทำอะไรไม่ได้เลย
2. สนับสนุนมาตรการห่างกันสักพัก
Social Distancing ถูกนำมาใช้เป็นมาตรการในการตัดวงจรการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพราะ “โรคติดต่อจะไม่ติดต่อ ถ้าเราไม่ติดต่อกัน” ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเราจะได้ยินกันจนเอียน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าดีทีเดียว กับเพื่อนฝูงที่ต่างต้องหายหน้าไปกักตัว คิดถึงกันมากแต่มาเจอกันไม่ได้ ก็ยังมีโปรแกรมแชตต่าง ๆ ไว้พูดคุยกัน บางคนโหยหาการกินข้าวกับแก๊งเพื่อนมาก ถึงขั้นเปิดกล้องคุยกัน แต่นั่งกินข้าวบ้านใครบ้านมัน ให้หายคิดถึงเลยก็มี
3. สร้างโอกาสดี ๆ ที่มีไม่บ่อย
เมื่อเราต้องห่างกัน กิจกรรมหลายอย่างก็ถูกยกเลิก จะออกไปไหนมาไหนก็ลำบาก หลายคนจึงได้แต่อยู่บ้านนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่รู้จะทำอะไร แต่ยังดีที่บางเว็บไซต์เปิดให้ดูหนังได้ฟรี ทั้งที่เดิมต้องสมัครสมาชิก หรือที่ดีกว่านั้นก็คือ มีคอร์สเรียนออนไลน์มากมายเปิดให้ลงเรียนได้ฟรี เราจึงได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์มากกว่าการดูหนัง และหลังจากหมด COVID-19 แล้ว ก็ยังมีความรู้ติดตัวเอาไปใช้ต่อยอดได้อีกด้วย
4. เห็นการช่วยเหลือกัน
ช่วงที่ COVID-19 กำลังวิกฤติ จะเห็นเลยว่าพลังโซเชียลนั้นทำได้ทุกอย่าง ชาวเน็ตร่วมกันใช้ช่องทางที่มีอยู่ในมือช่วยเหลือผู้อื่น ในลักษณะของการแชร์และบอกต่อ เปิดพื้นที่ในโซเชียลให้คนได้ทำมาหากิน ในเฟสบุ๊กมีเพจ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน” “จุฬาฯ มาร์เก็ตเพลส” “ชาวมหิดลเปิดแผง” เป็นต้น ส่วนในทวิตเตอร์มีแฮชแท็ก #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน ก็ช่วยต่อลมหายใจให้กับคนค้าขายได้มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องต่อไป รวมถึงการช่วยกันระดมจัดหาสิ่งของ อุปกรณ์ต่าง ๆ และเงินเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วย
5. แบ่งปันความรู้สึกดี ๆ
ในช่วงที่เหตุการณ์แย่ ข่าวสารมีแต่เรื่องชวนปวดหัว โรคก็ต้องระวัง ปากท้องก็ต้องหาเลี้ยง ส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย สุขภาพกายก็แย่ตาม แต่ยังดีที่ยังพอจะมีพื้นที่เล็ก ๆ ในโลกออนไลน์ที่มีคอนเทนต์แนวให้กำลังใจซึ่งกันและกันให้เห็นบ้าง ให้คนได้หลีกหนีเรื่องหนัก ๆ ไปเสพอะไรที่จรรโลงใจได้สักระยะ ให้ได้ยิ้มออกและมีกำลังใจจะสู้ต่อไป แม้คนในโซเชียลจะไม่รู้จักกัน แต่พวกเราก็ไม่ทิ้งกัน และพร้อมจะอยู่ข้างกันจนกว่าสถานการณ์นี้จะผ่านพ้นไป