ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิดจากการประดิษฐ์ คิดค้น หรือสร้างสรรค์ของมนุษย์ ซึ่งเน้นที่ผลผลิตของสติปัญญาและความชำนาญ โดยไม่คำนึงถึงชนิดของการ
สร้างสรรค์หรือวิธีในการแสดงออก เช่น สินค้าต่าง ๆ การบริการ กรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม เป็นต้น
- ทรัพย์สินทางปัญญามีกี่ประเภท
ในทางสากล ทรัพย์สินทางปัญญาแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial Property) และ ลิขสิทธิ์ (Copyright)
- ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial Property) คือ อะไร
ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ได้พัฒนาหรือคิดค้นขึ้นใหม่ นอกจากนี้ยังรวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์
เครื่องหมายการค้า ชื่อและถิ่นที่อยู่ทางการค้า โดยรวมถึงแหล่งกำเนิดและการป้องกันการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
- ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม มีกี่ประเภท
ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม ได้แก่ สิทธิบัตร (Patent) , แบบผังภูมิของวงจรรวม (Layout-Designs of Integrated Circuit), เครื่องหมายการค้า (Trademark) ,
ความลับทางการค้า (Trade Secrets) , ชื่อทางการค้า (Trade Name) และ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication)
- ลิขสิทธิ์ (Copyright) คือ อะไร และได้รับการคุ้มครองอย่างไร
ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวของผู้สร้างสรรค์ที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้นตามประเภทลิขสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ งานวรรณกรรม
นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียง แพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกโดยวิธีหรือรูปแบบทั้งโดยจับต้องได้และจับต้องไม่ได้ นอกจากนั้นกฎหมายลิขสิทธิ์ยังให้ความคุ้มครองถึงสิทธิของนักแสดงด้วย อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์ ไม่ครอบคลุมถึงความคิดหรือขั้นตอน กรรมวิธีหรือระบบ วิธีใช้หรือทำงาน แนวความคิด หลักการ การค้นพบ หรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์
- สิทธิบัตร (Patent) คือ อะไร
สิทธิบัตร คือ หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ (Invention) หรือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Industrial Design) ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่
สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Invention Patent) สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Design Patent) และอนุสิทธิบัตร (Petty Patent) ซึ่งผู้ทรงสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร มีสิทธิเด็ดขาด หรือ สิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการแสวงหาผลประโยชน์จากการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตร หรือ อนุสิทธิบัตรนั้น ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด
- ประเภทของสิทธิบัตร
สิทธิบัตร มี 3 ประเภท ได้แก่
– สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Invention Patent) หมายถึง การให้ความคุ้มครองการคิดค้นเกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบโครงสร้าง หรือกลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การเก็บรักษา หรือการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์
– สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Design Patent) หมายถึง การให้ความคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์ที่เกี่ยวกับรูปร่างลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ องค์ประกอบของลวดลาย หรือสีของผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถใช้เป็นแบบสำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รวมทั้งหัตถกรรมได้ และแตกต่างไปจากเดิม
– อนุสิทธิบัตร (Petty Patent) คือ การให้ความคุ้มครองการประดิษฐ์จากความคิดสร้างสรรค์ที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีไม่สูงมาก โดยอาจเป็นการประดิษฐ์คิดค้นขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงจากการประดิษฐ์ที่มีอยู่ก่อนเพียงเล็กน้อย
- ทำไมจึงควรขอรับสิทธิบัตร
ผู้ที่ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ควรขอรับสิทธิบัตร เพื่อให้ได้รับการตอบแทนจากสังคม ได้แก่
– การคุ้มครองสิทธิอันชอบธรรมของผู้ประดิษฐ์และผู้ออกแบบ
– การได้รับความคุ้มครองสิทธิบัตร เพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นแสวงหาประโยชน์จากผลงานดังกล่าวนั้นโดยมิชอบ ซึ่งผู้ประดิษฐ์และผู้ออกแบบสามารถที่จะนำการประดิษฐ์ตามสิทธิบัตรนั้นไปผลิต จำหน่าย นำเข้ามาในราชอาณาจักร หรืออนุญาตให้บุคคลอื่นใช้สิทธิบัตรนั้นโดยได้รับค่าตอบแทน
- อายุการให้ความคุ้มครองสิทธิบัตร
สิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีอายุ 20 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตรสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุ 10 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตร
ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) คือ ผลงานที่เกิดจากความคิดในการสร้างสรรค์หรือประดิษฐ์คิดค้นของใครก็ตามแล้วไม่ต้องการให้ใครมาลอกเลียนแบบความคิดของเรา ไม่ว่าจะเป็นสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ก็ตาม ซึ่งคนไทยเราส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับคำว่าลิขสิทธิ์ที่ใช้สำหรับการเรียกทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท
————– advertisements ————–
ทรัพย์สินทางปัญญานั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ
1. ลิขสิทธิ์ เรียกว่าเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของผู้ที่ทำการประดิษฐ์หรือสร้างสรรค์ผลงานใดๆ ออกมา เช่น งานภาพยนตร์, สื่อบันทึกเสียง, งานวรรณกรรม, โสตทัศนวัสดุ หรืองานแพร่ภาพและเสียง เป็นต้น
2. ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม เป็นความคิดในการประดิษฐ์สร้างสรรค์เกี่ยวกับสินค้าในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการปรับปรุงหรือทำการคิดค้นขึ้นใหม่ก็ตาม ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือเครื่องหมายทางการค้า ยี่ห้อต่างๆ ได้แก่ สิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า, ชื่อทางการค้า, แบบผังภูมิวงจรรวม และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
Software ทรัพย์สินทางปัญญาที่ถูกละเมิดมากที่สุดชนิดหนึ่ง
ข้อดีของทรัพย์สินทางปัญญามีอะไรบ้าง?
– ช่วยให้ผู้ที่คิดค้นเกิดความเป็นธรรม คือหากผู้ประกอบการรายใดต้องการนำไปใช้ต้องมีการขออนุญาตและจ่ายค่าผลงานให้แก่ผู้คิดค้น
– ช่วยคุ้มครองเจ้าของผลงานที่เป็นผู้คิดและกลั่นกรองออกมาจนเป็นผลงานที่หลายคนต้องการ
– มีการบันทึกและนำขึ้นทะเบียนในระบบเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าใครคือเจ้าของผลงานตัวจริง ทำให้ไม่ถูกขโมยความคิดไปอย่างง่ายดาย
– ช่วยให้เจ้าของผลงานมีแรงและกำลังใจในการทำงานและผลิตผลงานดีๆ ออกมาอีก
– ช่วยรักษาสิทธิให้แก่เจ้าของผลงานแม้ว่าจะถูกนำผลงานไปใช้ยังต่างประเทศก็ตาม
ข้อเสียของทรัพย์สินทางปัญญามีอะไรบ้าง?
– ด้วยกำลังซื้อของแต่ละคนและแต่ละประเทศแตกต่างกันอย่างมากในด้านฐานะ ซึ่งหากจำเป็นต้องซื้อทรัพย์สินทางปัญญาจากต่างประเทศก็ทำให้มีราคาที่แพงขึ้น เพราะต้องบวกกำไรและต้นทุนอีก
– การตั้งราคาอาจเกิดความไม่เป็นธรรม ส่งผลต่อการซื้อแบบถูกลิขสิทธิ์ซึ่งมีราคาแพง ทำให้ผู้คนจำต้องอาศัยซื้อแบบละเมิดลิขสิทธิ์
ซึ่งทรัพย์สินทางปัญญานั้นเป็นสิ่งที่กฎหมายได้กำหนดออกมาเพื่อคุ้มครองมิให้ถูกล่วงละเมิดลิขสิทธิ์อันเป็นการขโมยความคิดหรือผลงานที่ผู้นั้นได้ทำการคิดประดิษฐ์ขึ้นมา โดยบางชิ้นงานกว่าจะคิดค้นขึ้นมาได้ต้องอาศัยระยะเวลาในการทำพอสมควร ทางกฎหมายจึงได้กำหนดเป็นพระราชบัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองมิให้ผู้ประกอบกิจการหรือธุรกิจได้รับความเสียหาย หรือถูกขโมยความคิดไปใช้นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทางผู้ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาก็จำเป็นต้องมีความยุติธรรมต่อผู้บริโภคด้วยเช่นกัน