โรคติดต่อทางเพสสัมพันธุ์15โรค

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือโรคที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ ไม่ว่าทางปาก อวัยวะเพศ หรือทวารหนัก โรคที่พบได้บ่อยในเพศชาย ได้แก่ หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส แผลริมอ่อน เริม และหูดที่อวัยวะเพศ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ เพราะบางโรคอาจใช้เวลานานกว่าจะแสดงอาการจึงทำให้ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน

ในประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า อัตราป่วยด้วยโรคทั้ง 6 เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนในทุกกลุ่มอายุ โดยในกลุ่มอายุ 15-19 ปีเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในรอบ 10 ปี จากอัตราป่วย 79 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน เป็น 191 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน

โดยในเพศชาย ผู้ป่วยซิฟิลลิสเพิ่มจาก 3.1 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ในปี 2553 เป็น 17.1 คน ในปี 2562 หรือมากกว่า 5 เท่า ในรอบ 10 ปี

6 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ในผู้ชาย

1. โรคหนองใน

โรคหนองในเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย โกโนเรียอี (Neisseria gonorrhoeae) ซึ่งแพร่กระจายได้ผ่านทางอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก โรคนี้พบได้ทั่วไปในผู้มีอายุ 15-24 ปี ในบางกรณีทารกสามารถติดเชื้อหนองในได้หากคลอดจากมารดาที่เป็นหนองใน

โรคหนองใน อาจจะออกอาการภายใน 2 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อ โดยทั่วไป ผู้ป่วยเพศชายจะมีอาการปัสสาวะแสบขัด มีหนองข้นไหลออกจากอวัยวะเพศ และอัณฑะที่เจ็บหรือบวม ร้อยละ 10 ของผู้ป่วยหนองในไม่มีอาการ เชื้อหนองในยังสามารถลุกลามไปที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา เช่น ท่ออสุจิตีบตัน เป็นหมัน มีผื่นขึ้นตามลำตัว ยิ่งกว่านั้น การเป็นโรคหนองในยังเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ด้วย

นอกจากการติดเชื้อที่ที่อวัยวะเพศ การติดเชื้อหนองในยังเกิดบริเวณอื่นของร่างกายได้ เช่น

  • ลำไส้ตรง ผู้ติดเชื้อจะมีสารคัดหลั่งคล้ายหนองไหลออกมาจากทวารหนัก และอาการคันบริเวณทวารหนัก
  • ลำคอ ผู้ติดเชื้อจะมีอาการเจ็บคอ และต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอบวม
  • ดวงตา ผู้ติดเชื้อจะมีอาการเจ็บตา ตาไม่สู้แสง และมีหนองไหลออกมาจากตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้าง

วิธีการรักษา

โรคหนองในสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) โดยคุณหมอจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อจำนวน 1 เข็ม ในขนาด 500 มิลลิกรัม หรือใช้ยาตัวอื่นในกรณีเซฟไตรอะโซนไม่ได้ผล ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการดื้อยา ดังนั้น หลังจากการรักษา 1-2 สัปดาห์ คุณหมอจะนัดดูอาการเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยหายขาดจากโรค

ผู้ป่วยที่พบอาการผิดปกติภายใน 2-3 วันหลังการรักษาจำเป็นต้องกลับมาตรวจอีกครั้ง สำหรับผู้ที่รักษาหนองในจนหายขาดแล้วควรตรวจซ้ำหลังการรักษา 3 เดือน เพราะโรคนี้อาจเป็นซ้ำได้

2. โรคหนองในเทียม

หนองในเทียมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียคลามัยเดียทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) โดยทั่วไป การติดต่อของหนองในเทียมมาจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าทางอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก และยังแพร่จากแม่สู่ทารกได้เหมือนกับโรคหนองใน

ในระยะแรก ผู้ป่วยจะไม่มีอาการ จนกระทั่งประมาณ 1-3 สัปดาห์แรกของการติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อหนองในเทียมที่อวัยวะเพศจะมีอาการคล้ายของโรคหนองใน คือปัสสาวะแสบขัด สารคัดหลั่งผิดปกติไหลออกมาจากอวัยวะเพศ อัณฑะปวดหรือบวม

ในกรณีของการติดเชื้อที่ลำไส้ตรง ผู้ป่วยจะมีหนองไหลและเลือดไหลออกมาจากทวารหนัก รวมถึงอาการเจ็บปวดที่ทวารหนัก ถ้าไม่รีบรักษา โรคหนองในเทียมจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อย่าง ต่อมลูกหมากติดเชื้อหรือข้ออักเสบ

วิธีการรักษา

โรคหนองในเทียมสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ โดยคุณหมอจะจ่ายยาด็อกซีไซคลีนไฮเคลต (Doxycycline Hyclate) ให้รับประทานเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หรือยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) โดยให้รับประทานวันละมื้อเป็นเวลา 3 วัน

ผู้ป่วยที่ได้ยาด็อกซีไซคลีนไฮเคลต ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่า่การรักษาโรคของตนและคู่นอนจะเสร็จสิ้น ในกรณีผู้ป่วยได้รับยาอะซิโธรมัยซิน ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ 7 วันหลังจากการรักษาโรคของตนและคู่นอนเสร็จสิ้น

เช่นเดียวกับโรคหนองใน โรคหนองในเทียมสามารถเป็นซ้ำได้ ผู้หายขาดจากโรคแล้วควรตรวจโรคซ้ำ 3 หรือ 6 เดือน หลังจากการรักษา

3. ซิฟิลิส

ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา แพลลิดัม (Treponema Pallidum) ซึ่งเข้าสู่ร่างกายผ่านทางรอยขีดข่วนหรือบาดแผลเล็กๆ บนผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ

ซิฟิลิสติดต่อกันได้โดยการสัมผัสกับแผลริมแข็ง (Chancre) หรือแผลเล็ก ๆ ที่ไม่รู้สึกเจ็บ บริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก อันเป็นอาการของโรค นอกจากนี้ ซิฟิลิสยังติดผ่านเลือดได้ อย่างกรณีใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และสามารถแพร่จากมารดาสู่ทารกได้

ซิฟิลิสจะแสดงอาการภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจากการติดเชื้อ โดยอาการจะแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้

  • ระยะแรก: ผู้ป่วยจะมีแผลริมแข็ง โดยแผลนี้จะเกิดขึ้นประมาณ 3-6 สัปดาห์แล้วหายไป ก่อนอาการจะเข้าสู่ระยะที่สอง
  • ระยะที่สอง: ผู้ป่วยจะมีผื่นแดงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ร่วมด้วยแผลที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก อาการในระยะนี้สามารถหายเองและกลับมาเป็นใหม่ได้
  • ระยะที่แฝง: ในระยะนี้จะไม่พบอาการใด ๆ สามารถพบเชื้อได้เมื่อตรวจเลือด
  • ระยะสุดท้าย: เป็นระยะซึ่งอาจเกิดภายใน 1 ปีหรือนานกว่าหลังจากการติดเชื้อ โดยผู้ป่วยอาจมีอาการบาดเจ็บที่สมอง ระบบประสาท ตา หรือหัวใจ

วิธีการรักษา

  • สำหรับการรักษาซิฟิลิส คุณหมอจะฉีดเพนนิซิลิน (Penicillin) 1 เข็มแก่คนไข้ และอาจเพิ่มจำนวนโดสขึ้น หากคนไข้ป่วยเป็นโรคนี้มานานแล้ว หรืออาการป่วยอยู่ในระยะหลัง ๆ
  • ในกรณีของคนที่แพ้ยาเพนนิซิลิน คุณหมออาจให้ยาปฏิชีวนะชนิดอื่นแทน หรือเลือกให้เพนนิซิลินกับคนไข้ในปริมาณน้อยก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มปริมาณในภายหลัง เพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้
  • หากมีการพบซิฟิลิสในหญิงตั้งครรภ์ ทารกที่คลอดออกมาจะถูกตรวจว่าติดโรคหรือไม่ หากติดโรค คุณหมอจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเช่นเดียวกับแม่ของเด็ก

4. แผลริมอ่อน

แผลริมอ่อนเป็นโรคซึ่งมีต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลุส ดูเครย์ (Haemophilus Ducreyi) แผลริมอ่อนติดต่อได้ง่าย ผ่านการสัมผัสกับตัวแผลหรือหนองจากแผลริมอ่อน

อาการของโรคจะเริ่มเด่นชัดภายใน 3-7 วันหลังจากการติดเชื้อ โดยจะเกิดตุ่มนิ่มบริเวณอวัยวะเพศหรือถุงอัณฑะของผู้ป่วย ตุ่มนี้ภายหลังจะแตกกลายเป็นแผลและมีหนองข้างใน โดยแผลส่วนมากจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-5 เซนติเมตร ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากเมื่อถูกสัมผัสที่แผล

ในบางกรณี แผลริมอ่อนอาจเกิดร่วมกับอาการต่อมน้ำเหลืองบวมบริเวณขาหนีบ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยกำลังต่อสู้กับการติดเชื้ออยู่

วิธีการรักษา

แผลริมอ่อนสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ อย่างอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) และซิโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ซึ่งจะทำให้แผลหายภายใน 2 สัปดาห์

ขณะรักษาตัว ผู้ป่วยจำเป็นต้องหยุดมีเพศสัมพันธ์ ดูแลบริเวณรอบ ๆ แผลให้แห้งอยู่เสมอ และเลี่ยงการใส่กางเกงที่รัด เพราะอาจทำให้แผลระคายเคืองได้

5. เริม

เริมเป็นโรคจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ, HSV) ติดต่อระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ผ่านแผลพุพอง รวมถึงผ่านน้ำลาย (ในกรณีติดเชื้อที่ปาก) และสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศของผู้ติดเชื้อ

อาการของเริมจะแสดงภายใน 4-7 วันหลังติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะแสบขัด แผลพุพองและอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ

วิธีการรักษา

เริมอาจหายได้เองและเป็นซ้ำได้ การรักษาจะแบ่งเป็นกรณีเป็นครั้งแรก และเมื่อเป็นซ้ำ

  • กรณีเกิดเริมครั้งแรก คุณหมอจะให้ยาต้านไวรัสกับผู้ป่วยเพื่อให้อาการดีขึ้น ผู้ป่วยควรรับประทานยาหลังมีอาการประมาณ 5 วัน นอกจากนี้คุณหมอจ่ายยาประเภทครีมให้ผู้ป่วยเพื่อลดความเจ็บปวดจากแผล
  • กรณีแผลกลับมา คุณหมอจะให้ยาต้านไวรัสกับผู้ป่วยเพื่อให้แผลหายไวขึ้น ในบางกรณี การเกิดเริมซ้ำอาจไม่ต้องรักษาเพราะแผลหายเองได้ อาการของเริมที่เกิดซ้ำจะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก

6. หูดที่อวัยวะเพศ

หูดที่อวัยวะเพศเกิดจากเชื้อไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา (Human Papillomavirus หรือ, HPV) การแพร่ของเชื้อเกิดจากการสัมผัสหูดระหว่างมีเพศสัมพันธ์

หูดจะขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก มีลักษณะเป็นตุ่มเนื้อสีน้ำตาล ในบางรายอาจมีหน้าตาคล้ายดอกกะหล่ำ และสามารถเกิดขึ้นพร้อมกันทีละหลายตุ่มได้

หูดที่อวัยวะเพศไม่สร้างความเจ็บปวดแก่ผู้ป่วย แต่อาจทำให้คัน อาการของโรคเกิดหลังจากติดเชื้อราว 3 สัปดาห์

วิธีการรักษา

หูดที่อวัยวะเพศรักษาได้หลายวิธี ขึ้นกับตำแหน่งของตุ่มเนื้อและจำนวนของหูด ดังนี้

  • ทาครีมโพโดฟีโลทอกซิน (Podophylotoxin) โดยคุณหมอจะให้ผู้ป่วยนำครีมกลับไปทาเองที่บ้าน
  • กำจัดหูดด้วยกระแสไฟฟ้า
  • ผ่าตัดด้วยมีดหรือเส้นลวด
  • จี้หูดด้วยความเย็น

ปัจจัยเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากการร่วมเพศกับผู้ติดเชื้อ ปัจจัยเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจมีดังนี้

  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • มีคู่นอนหลายคน
  • มีเพศสัมพันธ์กับผู้มีคู่นอนหลายคน
  • ถูกบังคับให้ร่วมเพศ ถูกข่มขืน
  • ใช้แอลกอฮอล์หรือสารเสพติด
  • เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน

เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ

ผู้ที่สงสัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรไปพบคุณหมอเมื่อ

  • มีอาการต้องสงสัยของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น อาการเจ็บแสบเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือมีหนองไหลออกมาจากอวัยวะเพศ
  • เมื่อทราบว่าคู่นอนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การวินิจฉัยและการรักษาโรค

การวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ในการวินิจฉัย คุณหมอจะถามคนไข้เกี่ยวกับประวัติการมีเพศสัมพันธ์และตรวจภายดูภายนอก นอกจากนี้ คุณหมออาจทำการตรวจดังต่อไปนี้

  • ตรวจเลือด เพื่อตรวจการติดเชื้อ ตรวจแอนติบอดีซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับโรค
  • ตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจหาเชื้อในปัสสาวะ
  • ตรวจของเหลวหรือสารคัดหลั่งเพื่อตรวจรูปแบบการติดเชื้อของคนไข้
  • การสวอป เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบริเวณที่ติดเชื้อ เช่น ลำคอ ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด หรือลำไส้ตรง

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ดังนี้

  • ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ปลอดภัย หรือมีผลตรวจยืนยัน
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ใช้แผ่นยางอนามัยหรือถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติด
  • ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคอย่างหูดที่อวัยวะเพศ

โรคที่ติดต่อทางเพสสัมพันธุ์มีอะไรบ้าง

เชื้อไวรัส ได้แก่ เริม (Herpes Simplex),หูดหงอนไก่ (Papilloma Virus หรือ HPV),เอดส์ (HIV) เชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ หนองในแท้ (Gonorrhea),หนองในเทียม (Chlamydia),ซิฟิลิส (Syphilis) เชื้ออื่นๆ ได้แก่ เชื้อพยาธิ (Trichomanas),เชื้อรา (Candida)

โรคติดต่อทางเพสสัมพันธุ์ ติดต่อยังไง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อชนิดต่างๆ โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศผ่านทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก ก็สามารถติดเชื้อได้ ทั้งนี้แต่ละโรคก็เกิดจากเชื้อ รวมถึงมีลักษณะและอาการของโรคที่แตกต่างกัน ดังนี้

โรคติดต่อทางเพสสัมพันธุ์มีอะไรบ้าง สาเหตุ

โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์.
เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งบางชนิดรักษาหาย บางชนิดไม่มียารักษา บางชนิดจะแฝงตัวและเป็นซ้ำได้อีก เช่น เริมที่อวัยวะเพศ หูดหงอนไก่ ไวรัสตับอักเสบบี ฯลฯ.
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย รักษาหายได้ด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม ช่องคลอดอักเสบ ฯลฯ.

โรคติดต่อทางเพสสัมพันธุ์มีอะไรบ้าง วิธีรักษา

ยาปฏิชีวนะ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิตนั้นรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ได้แก่ หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส และเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะต้องได้รับการรักษาจนครบกำหนด นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะได้รับการรักษาจนครบกำหนดและแผลหายดี

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita